ท้องฟ้าในยามรุ่งอรุณ พื้นดินที่เพิ่งตื่นจากการหลับใหล
เริ่มต้นเช้าวันใหม่
ในตอนที่ซูสือเยว่ตื่นขึ้นมานั้น เพิ่งจะหกโมงกว่าตอนเช้า
เธอรู้สึกว่าเวลายังเช้า อยากจะนอนต่ออีกสักหน่อย แต่ไม่ว่าจะนอนยังไงก็นอนไม่หลับ
เธอไม่รู้ว่าต้องทำอะไรก็เลยสวมเสื้อกันหนาวแล้วเดินลงไปชั้นล่าง
ในห้องครัว มีเงาของใครบางคนที่กำลังยุ่งอยู่
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว แล้วเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง—
“หลิงซือยู่”
เสียงของเธอที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้หลิงซือยู่มือสั่น ไข่ไก่ในมือกระแทกลงบนโต๊ะ ทำให้ไข่ไก่ที่แตกเลอะไปหมด
ชายหนุ่มหันกลับมามองเธออย่างรู้สึกเคือง “ทำไมตื่นเช้าขนาดนี้?”
“ตื่นแล้วนอนต่อไม่ได้อ่า ก็เลยลงมาเลย”
พูดจบ เธอก็ยกเท้าเดินเข้าห้องครัว เธอช่วยหลิงซือยู่เก็บโต๊ะที่รก พร้อมขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “นายหล่ะ เข้าครัวแต่เช้า เตรียมอาหารเช้าหรอ?”
“ก็ไม่เชิง”
หลิงซือยู่หยิบไข่ไก่ออกมาจากตู้เย็น พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ “ตอนเช้าตื่นมาแล้วเจอสาวในเน็ตบล็อคฉันไปหมดเลย”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม ก็เลยอยากทำอะไรอร่อยๆให้พี่หรานกิน”
ซูสือเยว่รู้สึกไม่เข้าใจ “ทำไมแฟนนายถึงบล็อคนายหล่ะ นายจะทำอาหารให้หลิงหรานหรอ?”
“หรือว่าแฟนนายในเน็ตคือหลิงหราน?”
หลิงซือยู่ขมวดคิ้ว หันกลับมามองบนใส่เธอ “เป็นไปได้ยังไง!”
“มันแมนกว่าฉันอีก!”
“แฟนในเน็ตของฉัน ทั้งน่ารักและจิตใจอ่อนโยน……”
พูดจบ เขาก็ถอนหายใจออกมา “ตั้งแต่เด็กจนโต ก็มีแค่พี่หรานที่เป็นเพื่อนต่างเพศ”
“เรื่องวิเคราะห์หัวใจสาวๆหน่ะ พี่หรานถนัดที่สุดแล้ว”
“เมื่อก่อนที่ฉันทะเลาะกับแฟนนะ ก็มีพี่หรานที่ช่วยฉันตลอด”
“มันวิเคราะห์แม่นทุกครั้ง จนนึกว่าเป็นเซียน!”
ซูสือเยว่เม้มปาก ใช้ความคิด “งั้นเขาวิเคราะห์ผู้ชายเป็นไหม?”
“ฉัน……”
มือของหลิงซือยู่ที่กำลังตีไข่อยู่นั้นชะงักลง
“เธอคงไม่ได้……อยากให้พี่หรานวิเคราะห์ฉินโม่หานให้เธอหรอกใช่ไหม?”
ระหว่างพูด เขาก็สะบัดมือ “งานแบบนี้มันทำไม่ได้หรอก!”
“นายรู้ได้ยังไงว่าทำไม่ได้?”
ซูสือเยว่เห็นเขาใช้เครื่องตีไข่กำลังตีไข่ในถ้วย “นายกำลังจะ……ทำเค้กหรอ?”
หลิงซือยู่มองบนใส่เธอ “ฉันจะทำไข่เจียว!”
ซูสือเยว่:“……”
“นายตีไข่จนมันเป็นฟองแล้ว ยังจะทำไข่เจียวอีก?”
พูดจบ เธอก็ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว “นายนทำเป็นจริงไหมเนี่ย?”
หลิงซือยู่หลับตาลง แล้วเงียบไปสักพัก กว่าจะถอนหายใจออกมาในที่สุด “ก็ได้ จริงๆฉันทำไม่เป็น”
“ปกติเวลานี้แม่บ้านก็เข้ามาทำงานแล้ว”
“แต่เมื่อวานฝนตก วันนี้ฉันก็เลยให้พวกเขามาสายได้ แต่ไม่คิดว่าจนตอนนี้ก็ยังไม่มา……”
ซูสือเยว่ถอนหายใจ ก่อนจะไล่เขาออกจากห้องครัว “มื้อเช้าอยากกินอะไร? เดี๋ยวฉันให้”
หลิงซือยู่ชะงัก “เธอทำอาหารเป็นใช่ไหม?”
“ก็น่าจะได้ ฟู๋เชียนเชียนสอนฉันอยู่นานเลย”
พูดจบ หญิงสาวก็ยกนิ้วขึ้นนับ “ในบ้านมีทั้งหมด……ผู้ใหญ่สี่กับเด็กอีกหนึ่ง ใช่ไหม?”
หลิงซือยู่พยักหน้า
“งั้นฉันเริ่มทำละนะ”
หญิงสาวปิดประตูกระจกฝ้าห้องครัว แล้วเริ่มลงมือทำอาหาร
หลิงซือยู่มองหญิงสาวที่ยุ่งอยู่กับการทำอาหารในครัวผ่านประตูกระจก
เขาดูอยู่สักพัก ก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินกลับไปนั่งบนโซฟา เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นาแล้วกดเพิ่มเพื่อนใหม่ทีละคน
แต่ก็ไม่มีใครสนใจเขาสักคน
หลิงซือยู่รู้สึกเศร้ามากกว่าเดิม
ทำไมอ่ะ?
เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย?
……
เช้าเจ็ดโมงครึ่ง
ซิงหยุนเดินลงมาจากบันไดหลังจากที่ทำกิจวัตรประจำช่วงเช้าเสร็จ
ห้องทานหารตรงชั้นหนึ่ง มีผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งกำลังทานมื้อเช้ากันอยู่
พอเห็นว่าเขาลงมา ซูสือเยว่ก็รีบยิ้มตาหยีทักทายเขา “ซิงหยุน มากินอาหารเช้าเร็วครับ!”
“หม่ามี๊ทำเองเลยนะ!”
ซิงหยุนแอบรู้สึกกลัวจนตัวสั่น
เขารู้สึกไม่ค่อยอยากกินอาหารเช้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน
หลังจากที่ความจำเสื่อม อาหารเช้าที่หม่ามี๊เขาทำ……
แม้ว่าทุกๆครั้งเขาจะกินลงไปเงียบๆ
แต่รสชาตินั้น มันยากที่จะ……บรรยายจริงๆ!
และแล้ว เด็กชายก็เดินลงมาจากบันไดอย่างเชื่องช้า
เรื่องทรมานแบบนี้……
ยิ่งเจอช้าก็ยิ่งดี
“สือเยว่ทำอาหารอร่อยนะเนี่ย”
บนโต๊ะทานอาหาร หลิงหรานอดไม่ได้ที่จะพูดชมเธอ “ถึงแม้การพูดกับแขกแบบนี้จะไม่ค่อยดี แต่ฉันหวังว่าหลังจากนี้เธอจะเตรียมอาหารเช้าให้พวกเรา!”
พูดจบ เธอก็กินโจ๊กคำโตต่อ
“จริงๆให้ฉันทำ……”
หลิงซือยู่ที่อยู่ข้างๆคีบซาลาเปาวางลงหน้าหลิงหรานอย่างสุภาพ “พี่หราน ช่วยฉันด้วย”
“พวกสาวๆของฉัน……”
หลิงหรานขมวดคิ้ว ถลึงตาใส่เขาอย่างดุ “กรุณาเงียบปากด้วยค่ะ”
“อย่าให้ฉันได้ตบแก ต่อหน้าอาหารเช้าแสนอร่อยนี้เลย!”
หลิงซือยู่:“……”
ดุมากจริงๆด้วย
ไม่มีทางเปรียบเทียบกับสาวๆของเขาในโลกออนไลน์ที่น่ารักและอ่อนโยนได้เลย
ซิงหยุนที่อยู่ตรงบันได พอเห็นภาพตรงหน้า แล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
แม้ว่าหลิงซือยู่และหลิงหรานจะเป็นคนของคุณตาของเขา แต่ก็ไม่ต้องถึงขึ้น……พูดชมอาหารที่หม่ามี๊เขาทำหรอกมั้ง?
รสชาติอาหารหลังจากที่ซูสือเยว่ความจำเสื่อม……
เด็กชายที่กำลังสงสัยถูกซูสือเยว่ลากไปกินข้าว
เขานั่งอยู่บนโต๊ะทานอาหาร มองอาหารที่เต็มโต๊ะ เขาตกใจจนต้องเบิกตากว้าง
“พวกนี้……หม่ามี๊ทำเองหมดเลยหรอครับ?”
“แน่นอนสิครับ”
หลิงหรานพยักหน้า “แม่บ้านในบ้านยังไม่มากันสักคน”
“น้ากับหลิงซือยู่ทำอาหารไม่เป็นกันสักคน คุณอาเจี่ยนยิ่งไม่ต้องพูดถึง”
“ถ้าไม่ใช่หม่ามี๊ของหลาน อาหารพวกนี้บินมาจากไหนครับ?”
ซิงหยุนกัดปากของตัวเอง ใช้ตะเกียบคีบซาลาเปาอย่างรีบร้อน
!!!
รสชาติที่คุ้นเคย รสชาติที่หายไปนาน!
รสชาติก่อนหน้าที่ซูสือเยว่จะความจำเสื่อม!
แปลว่า ฝีมือการทำอาหารของเธอ กลับมาแล้ว!?
เร็วขนาดนี้เลย!
เด็กชายกัดซาลาเปาอย่างตื่นเต้น และรู้สึกเข้าใจฉินโม่หานขึ้นมาทันที
ซูสือเยว่ที่มีความทรงจำ กับซูสือเยว่ที่สูญเสียความทรงจำ แตกต่างกันมากจริงๆ!
“กินช้าๆครับ”
พอเห็นท่าทางซิงหยุนที่กินอย่างไม่หยุด ซูสือเยว่ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ
จริงๆแล้วเธอก็รู้สึกตกใจ ว่าทำไมเธอถึงได้ทำอาหารอย่างชำนาญ
หรือว่า การที่เศร้ามากเกินไปจะมีผลกระทบบางอย่างสะท้อนกลับ
พอคิดได้เท่านี้ เธอก็หันกลับมามองหลิงซือยู่ “วันนี้เราไปเดทกันที่ไหนดี?”
คำพูดประโยคเดียว ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบลง
ซิงหยุนและเจี่ยนหมิงจงเบิกตากว้าง
หลิงหรานขมวดคิ้ว ก้มหัวแล้วกัดซาลาเปาอย่างแรง แล้วกลืนมันลงไป
หลิงซือยู่หันมามองซูสือเยว่อย่างแข็งทื่อ “เราต้อง……เดทกันด้วยหรอ?”
“แน่นอนสิ”
ซูสือเยว่หยิบโทรศัพท์ออกมาเลื่อนดูข่าว “ข่าวบอกว่า วันนี้ฉินโม่หานกับหยางชิงโยวจะไปสั่งทำแหวนแต่งงานที่ห้างขายเครื่องประดับใจกลางเมือง”
พูดจบ เธอก็เก็บโทรศัพท์ลง เงยหน้าเหลือบมองหลิงซือยู่ “เราก็ไปสั่งทำแหวนแต่งงานกัน”
หลิงซือยู่:“……”
“ฉันว่า……ไม่ต้องหรอกมั้ง?”
เขายังคงต้องการที่จะ รักษาชีวิตของเขาเอาไว้นะ!