ตั้งแต่ออกมาจากตัววิลล่า ซูสือเยว่ก็เรียกรถทันที เพื่อกลับมายังโรงแรมที่เธอเอาตัวฉินโม่หานทิ้งไว้ก่อนหน้านี้
หลังจากที่นั่งลงเบาะด้านหลังของรถแล้ว สายลมยามค่ำคืนพัดเส้นผมของเธอ ทำให้หัวสมองของเธอตื่นตัวขึ้นมา
เธอไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นวู่วาม ในทางกลับกันรู้สึกว่าตนเองไม่เคยตื่นตัวแบบนี้มาก่อนเลย
เธอมั่นใจแล้วว่า เธอยังคงชอบฉินโม่หานอยู่
ทั้งๆ ที่เธอยังชอบอยู่ การที่มีความสัมพันธ์กับเขา เวลาที่ดีที่สุด ก็คือเวลาที่เขาจดจำอะไรไม่ได้นั่นแหละ
ไม่ใช่ว่าเธอวู่วามเกินไป ก็แค่ต้องการอยากจะเก็บความสัมพันธ์นี้หลงเหลือไว้เป็นครั้งสุดท้าย
หรือว่า เพื่อเก็บความรู้สึกคิดถึงเอาไว้เป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอหลับตาลง ด้านหน้าปรากฏภาพทุกอย่างตั้งแต่ที่เธอเพิ่งรู้จักกับฉินโม่หานมาจนถึงภาพที่อยู่ตอนที่รักกันแล้ว
ถูกต้อง
เธอจดจำได้ทั้งหมดแล้ว
แต่ แม้ว่าจะนึกขึ้นมาได้แล้ว แล้วมันยังจะมีประโยชน์อะไรอีกเล่า?
ตอนที่เขาอยู่ข้างกายเธอ เธอจำเขาไม่ได้
รอจนวันที่เธอจดจำเรื่องของเขาได้ทุกอย่างแล้ว เขาก็จะไปเป็นสามีของคนอื่นแล้ว
บนโลกใบนี้สิ่งที่เจ็บปวดใจที่สุด ก็แค่เท่านี้เองไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น
แต่ยังดีว่า เธอยังมีโอกาส ที่จะได้นอนกับเขาอีกครั้ง
ไม่นานนัก รถยนต์ก็มาถึงยังโรงแรม
ซูสือแยว่สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ พลางเปิดประตูลงจากรถยนต์
เพราะว่ากลัวว่าพรุ่งนี้เช้าฉินโม่หานจะตื่นขึ้นมาแล้วมาขอดูกล้องวงจรปิดและรู้ว่าเธอมานอนกับเขา เธอยังเตรียมใส่หมวกและใส่หน้ากากปิดหน้าด้วย
หลังจากที่ใส่ครบหมดแล้ว หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้น พร้อมทั้งสาวเท้าก้าวยาวๆ เดินเข้าไปในโรงแรม
ห้องของฉินโม่หานอยู่ชั้นห้า
ตอนที่เธอนั่งลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นห้านั้น ทางเดินก็เงียบสนิท
หญิงสาวเดินไปยังประตูหน้าห้องของชายหนุ่ม ตอนที่อยากจะผลักประตูเข้าไป แต่กลับได้ยินเสียงไป๋ลั่วดังสะท้อนออกมาจากด้านใน
“คุณท่าน…. คุณนายเธอ …. ทำไมไม่อยู่ต่อล่ะ?”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้วเอาไว้
ฉินโม่หานตื่นแล้วเหรอ?
สิ้นเสียงไป๋ลั่ว ในห้องก็มีเสียงเบื่อหน่ายมากอยู่ของชายหนุ่มที่ดังขึ้น
“ตกลงว่าเธอยังไม่สามารถผ่านกับจุดๆนั้นที่อยู่ในใจของเธอได้”
พูดจบ ฉินโม่หานก็หันตัวกลับมา “คุณว่า ครั้งนี้ฉันทำเกินไปจริงๆ หรือเปล่า?”
“ต่อจากนี้ ฉันสามารถเอาใจเธอให้กลับมาดีได้ไหม?”
ด้านนอกประตู ร่างกายของซูสือเยว่แข็งทื่อทันที
คำพูดของฉินโม่หาน…มันหมายความว่าอย่างไร?
อะไรที่พูดว่า ครั้งนี้เขาทำเกินไปหรือเปล่า?
อะไรที่พูดว่า ต่อไปเขายังสามารถที่จะเอาใจเธอให้กลับมาดีได้ไหม?
เขาจะเป็นสามีของหยางชิงโยวอยู่รอมร่ออยู่แล้ว ยังจะมีคิดที่จะอยู่กับเธอต่อไปอีกเหรอ?
“หลังจากที่คุณนายรู้ความจริงขึ้นมาแล้ว ต้องไม่กล่าวโทษคุณหรอก”
ไป๋ลั่วถอนหายใจ “ถึงอย่างไรระหว่างคุณกับหยางชิงโยว ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องเกิดขึ้น การที่แต่งงานก็เพื่อเป็นการกระตุ้นคุณนาย ให้คุณนายฟื้นคืนความทรงจำเท่านั้นเอง”
“อีกอย่าง ก่อนหน้านี้คุณนายก็รักคุณมากๆ รอจนวันที่เธอฟื้นความทรงจำได้ ต้องไปไม่ไปจากคุณแน่นอน”
“ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าสูญเสียความทรงจำไป ที่ต้องเอาความเจ็บปวดสูงสุดเพื่อให้กลับฟื้นคืนมา คุณก็คงไม่ทำเช่นนี้กับเธอหรอก”
“คุณทำเพื่อคุณนาย ก็ถือว่าปราราถนาดี…”
“เธอต้องเข้าใจคุณอย่างแน่นอน ต่อจากนี้คุณก็สามารถเอาใจคุณนายได้ดีแน่นอนเลย!”
ฉินโม่หานหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ได้แต่หวังแหละ….”
จากนี้ เขาสามารถเอาใจซูสือเยว่ได้แล้วใช่ไหม?
ในใจของฉินโม่หานเองก็ไม่สามารถหวังได้เลย
ก็เหมือนกับครั้งนี้ เดิมเขาก็สาบานได้จากความรู้สึกว่า ซูสือเยว่ต้องอดใจไม่ไหวกับการยั่วยวนของเขาแน่ๆ จะได้อยู่คอยดูแลเขาตลอด
แต่ไม่คิดเลยว่า เธอยังหนีเขาไปดื้อๆ
ผู้หญิงคนนี้ในเวลานี้ ระดับการตัดขาดความรู้สึก ทำให้เขาไม่มีวิธีคาดการณ์ได้เลย
ด้านนอกประตู ซูสือเยว่ได้ยินผู้ชายสองคนคุยกันอยู่ด้านนอกแล้ว พลางใช้มือทั้งสองข้างกำหมัดเอาไว้แน่น
ดังนั้นพูดเลยว่า….
เรื่องทุกอย่าง ฉินโม่หานแสดงละครตบตาเธอ ใช่ไหม?
เป้าหมายของเขาคือ ก็เพื่อให้เธอฟื้นความทรงจำขึ้นมาเหรอ?
หญิงสาวหรี่ตาลง มุมปากพลันปรากฏรอยยิ้มอันแสนเย็นชา พลางเดินหนีไป
มิน่าล่ะทุกคนที่ถึงพร่ำบอกว่าไม่ช้าเร็วพวกเขาก็จะกลับมาคืนดีกันแบบนั้น
มิน่าละหลิงซือยู่มักจะคอยเป่าหูเน้นย้ำอยู่ต่อ ว่าเขากับเธอก็แค่เล่นละครอยู่ที่นั่นเอง
มิน่าล่ะ ซิงหยุน ซิงเฉินกับซิงกวงเจ้าเด็กสามคนนี้ ถึงได้พร้อมหน้ายินยอมจะแยกกันอยู่ แถมไม่มีการต่อต้านใดๆ เลยด้วยซ้ำ
เพราะว่าทุกคนต่างรู้ดีว่า นี่มันก็แค่ละครตบตาเท่านั้นเอง ละครที่แสดงให้เธอดู!
ตั้งแต่ออกจากโรงแรมมาถึงตระกูลหลิง ตลอดทาง ซูสือเยว่ได้แต่หลับตาลง
เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มเอาไว้ อยากจะยิ้มเอาไว้ให้มากๆ
เดิมเธอก็เป็นคนโง่ที่ถูกคนปิดหูปิดตาอยู่ในกลองอยู่แล้ว
พวกเขารู้สึกว่า นี่ก็ทำเพื่อดีต่อเธอ เพื่อให้เธอได้ฟื้นคืนความทรงจำ
ฉินโม่หานรู้ดีว่า คนที่เธอรักมากที่สุดก็คือเขา
เขาก็รู้ดีว่า มีเพียงเขาเท่านั้น ที่ทำให้เธอรู้สึกถึงว่าอะไรคือการเจ็บปวดที่แสนทรมานที่สุด
ดังนั้น การที่เขาแสดงละครให้เธอดู เพื่ออยากจะใช้ความเจ็บปวดทรมานนี้ ให้เธอฟื้นคืนความทรงจำทุกอย่างให้กลับมาได้หมด
ไป๋ลั่วพูดถูก ใจของเขาคือหวังดี ทุกอย่างที่เขาทำลงไปทั้งหมดก็เพื่อเธอทั้งสิ้น
แต่ว่า เขากลับไม่ได้ถามเธอเลย ว่าต้องการหรือเปล่า
ไม่มีใครสักคนถามเธอเลย ว่าความทรงจำมันสำคัญกว่า หรือว่าฉินโม่หานมันสำคัญกว่ากันแน่
พวกเขาทุกคน ต่างสรุปกันแล้วว่า ความทรงจำสำคัญสำหรับเธอมาก
สมองของซูสือเยว่มันสับสนมาก
ตอนที่เธอกลับไปที่วิลล่าของตระกูลหลิง หลิงซือยู่กับหลิงหรานกำลังนั่งดูการ์ตูนอยู่ในห้องรับแขกอยู่เลย
เมื่อเห็นว่าเธอกลับมาแล้ว หลิงซือยู่ก้มหน้าลงมองเวลาอีกครั้ง
เจ้าหมอนี่ ครั้งนี้แค่ครึ่งชั่วโมงยังไม่ถึงเลย
ชายหนุ่มเลิกคิ้วให้ “ไม่ใช่คุณพูดว่าจะไปนอนกับฉินโม่หานเหรอ ทำไมเร็วขนาดนี้…”
“ไม่ได้นอน”
ซูสือเยว่ไม่หันไปหาพลางเดินขึ้นชั้นบนทันที “ฉันรู้สึกขยะแขยง”
หลิงซือยู่มองแผ่นหลังของหญิงสาวที่ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้ว จนร่างกายของเขาแข็งทื่อ
ขยะแขยงเหรอ?
เขาหันหน้ากลับไป สบตากับหลิงหราน
หลิงหรานเองก็ทำหน้าตื่นตกใจอีกเช่นเคย
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
“ใช่สิ”
ซูสือเยว่ถอยหลังกลับมาก้าวหนึ่ง พร้อมทั้งมองลงต่ำไปยังคนสองคนที่นั่งอยู่ที่ห้องรับแขก “คืนนี้เรื่องที่ฉันออกไป ช่วยเก็บเป็นความลับให้ด้วย”
หลิงหรานเลิกคิ้วขึ้น “งั้นเรื่องที่คุณ….ได้นอนกับฉินโม่หานหรือยัง?”
“ยัง พอถึงครึ่งทางก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาแล้ว”
ซูสือเยว่ฉักยิ้มให้ “จำได้นะช่วยเก็บความลับให้ฉันด้วย ฉันไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าฉันเคยคิดที่จะไปนอนกับฉินโม่หาน”
พูดจบ เธอก็ก้าวเท้าเดินขึ้นชั้นบนไป
หลิงหรานกับหลิงซือยู่มองหน้ากัน
คืนนี้ อารมณ์ของเธอทำถึงได้กลับไปกลับมาไม่ปกตินะ?
เมื่อกลับมาถึงห้องพักแล้ว ซูสือเยว่ก็นอนลงบนเตียงนอนและจ้องมองฝ้าเพดานอย่างเหม่อลอย
เธอสามารถเข้าใจในสิ่งที่ฉินโม่หานทำลงไปทั้งหมดได้ และก็สามารถเข้าใจเด็กๆ ด้วยความจริงแล้วก็ไม่สามารถห้ามอะไรเขาได้
ผู้ชายคนนี้ เขาอยากทำอะไร อย่าพูดถึงเด็กห้าขวบสามคนเลย แม้ว่าจะเป็นผู้ใหญ่สามสิบกว่าคน ก็มิอาจจะห้ามปรามเขาได้
แต่ว่า…
ก่อนหน้าที่เขาจะลงมือทำลงไปทั้งหมด ไม่คิดถึงความรู้สึกของเธอก่อนหน้านี้เลยเหรอ?
ถ้าความทรงจำของเธอไม่ฟื้นกลับคืนมาล่ะ?
หรือว่าเธอจะมีความรู้สึกเกลียดและหมดหวังกับเขา และไม่มีความทรงจำที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว?
เขาไม่เคยคิดเลยว่า ตอนที่เขาหายตัวไปในวันนั้น เธอก็แทบจะเลือกจบชีวิตของตนเองแล้ว?
เขาแค่รู้สึกว่าเธอต้องการความทรงจำกลับมา แต่กลับไม่คำนึงถึงความรู้สึกของเธอเลย!
หญิงสาวหลับตาลง ในใจราวกับมีคลื่นกำลังตีจนสูงขึ้นในมหาสมุทร ระลอกแล้วระลอกเล่า ตีคลื่นจนสูงขึ้นและลดระดับลง มิอาจสงบได้
“หม่ามี๊”
ทันใดนั้น มีคนเคาะประตูห้อง
เสียงที่ดังมาจากด้านนอก เป็นเสียงอ้อนของซฺงหยุนอันคุ้นเคย “หม่ามี๊ยังไม่นอน ใช่ไหม?”
ซูสือเยว่เลิกคิ้วขึ้น แต่ไม่ได้พูดอะไร
“เปิดประตูให้ผมเข้าไปได้ไหม?”
น้ำเสียงของหนุ่มน้อยทุ้มต่ำลง “ผมอยากคุยเรื่องในใจกับหม่ามี๊”