คำพูดของซิงกวง ทำให้ใบหน้าของซิงหยุนและซิงเฉินเคร่งขรึมลงทันที
พวกเขาเป็นลูก ก็เฝ้ารอคอยให้พ่อกับแม่กลับมาคืนดีกัน ให้แม่หายโกรธก็พอแล้ว แล้วทำไมต้องไปต่อต้านพ่อด้วยล่ะ?
ต้องรู้ว่า ฉินโม่หานได้เตรียมงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ให้แก่ซูสือเยว่ ได้แอบวางแผนมานานมากแล้วนะ!
ครั้งที่แล้วคือ ตอนที่ฉินโม่หานได้เตรียมการจะแต่งงานกับซูสือเยว่ แต่ซูสือเยว่ถูกผู้ดูแลบ้านเสิ่นลักพาตัวมา
ตอนนี้เลยจงใจที่จะกลับมาทำเหมือนเดิมอีกครั้ง ตอนที่ใกล้จะเริ่มพิธีแต่งงาน เจ้าสาวก็หายตัวไปอีกแล้วเหรอ?
ซิงเฉินเลิกคิ้วขึ้น “พอ…พอเถอะนะ…”
“การทำเช่นนี้ …มันเกินไปหรือเปล่า?”
ซูสือเยว่ถลึงตา พลางกวาดตามองซิงเฉินครั้งหนึ่ง “ทำแบบนี้…เกินไปเหรอ?”
ซิงเฉินชะงักทันที เวลานั้นไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ได้แต่หุบปากเอาไว้
“ฉันรู้สึกว่าไอเดียหนีงานแต่งงานนี้ดีมากเลย”
ซูสือเยว่เบะปาก พร้อมทั้งตอบอย่างปกติ “อีกอย่าง ฉินโม่หานไม่ได้ประกาศให้คนทั่วโลกรู้หรอกเหรอ ว่าคนที่เขาจะแต่งงานด้วย เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยน?”
“ฉันไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยนนี่”
หญิงสาวยักไหล่ “แม้ว่าฉันไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยน ถึงตอนนั้นเขาต้องการจะขอหม่ามี๊แต่งงาน คนอื่นอาจจะคิดว่าหม่ามี๊เอาความมีดมาบังคับให้คนอื่นรักก็ได้นะ”
ซิงเฉิน “…”
หม่ามี๊ นี่หม่ามี๊ฟื้นความทรงจำกลับมาได้บางส่วนแล้วไม่ใช่เหรอ?
ทำไมถึงไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคุณหนูใหญ่ตัวจริง…
“งั้นเรื่องนี้สรุปแบบนี้เอาไว้แล้วนะ”
พลางทำให้ซิงเฉินกับซิงกวงตื่นเต้นทันที ส่วนซิงหยุนก็เงียบลงไปเยอะ
เจ้าเด็กน้อยคนนี้บิดขี้เกียจ พลางยื่นศีรษะแอบพิงลงบนขาของซูสือเยว่ น้ำเสียงเรียบเฉย “เช่นนั้นต่อไป แด๊ดดี้จะใช้เรื่องการแต่งงาน เพื่อให้หยางชิงโยวเตรียมตัว”
“คุณอาหลิงซือยู่ก็จะใช้ข้ออ้างว่าต้องการจะแต่งงานกับหม่ามี๊ เพื่อพาหม่ามี๊ไปเตรียมตัวอีกเยอะแยะเช่นกัน”
“หม่ามี๊ต้องทำท่าทีว่าไม่รู้เรื่องที่แด๊ดดี้วางแผนเอาไว้ ต้องทำตามพวกเขาไป รอจนวันที่จัดงานแต่งงาน พวกนายสองคนก็มาหาฉันกับหม่ามี๊ พวกเราสี่คนแม่ลูก หนีไปด้วยกัน’
“ตกลง!”
ซิงกวงรีบยกมือเห็นด้วยเป็นคนแรก
“พี่ชายใหญ่พูดถูก!”
ซิงเฉินเริ่มรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“แบบนี้ ….แด๊ดดี้จะน่าสงสารเกินไปไหมเนี่ย”
เจ้าหนุ่มน้อยก้มหน้าก้มตาเล่นนิ้วมือ พร้อมทั้งพูดอย่างอึดอัด “สิ่งที่แด๊ดดี้ทำลงไปทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบก็เพื่อส่งผลดีกับหม่ามี๊นะ”
“แม้ว่าเขาจะทำผิดก็ตาม แต่ก็ไม่ต้องให้เขาขายหน้าต่อคนทั่วโลกก็ได้มั้ง….”
“มันจะทำให้เสียหน้ามากเลยนะ”
อีกอย่าง คำพูดของเด็กคนนี้ ถูกเสียงตื่นเต้นของซิงกวงกลบเสียงจนหมดแล้ว
พูดจบ ซิงกวงก็เงยหน้าขึ้นมองซูสือเยว่อีกครั้ง
เธอยังยิ้มให้พร้อมทั้งกอดซิงหยุน และคุยกับซิงกวง
หม่ามี๊….
น่าจะไม่ได้ยินมั้ง?
ซิงเฉินถอนหายใจ
ดูแล้วครั้งนี้ที่แด๊ดดี้ทำคงทำให้หม่ามี๊เสียใจจริงๆ แล้ว
เพราะว่าเธอไม่สนใจกับความรู้สึกของแด๊ดดี้เลย
แต่ว่า …เรื่องนี้จะโทษใครได้เล่า?
เขาก็แค่เด็กห้าขวบเอง ไม่สามารถแก้ไขปัญหาใหญ่ขนาดนี้ได้หรอก
หลังจากที่เปิดใจคุยกับลูกๆ ทั้งสามคนแล้ว ซูสือเยว่ที่จิตใจอึมครึมมาโดยตลอด ในที่สุดก็ปลอดโปร่งแล้ว
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ตอนที่หลิงซือยู่มาเคาะประตูห้องของเธอ เพื่อพาเธอไปเลือกชุดแต่งงานนั้น ซูสือเยว่ก็ตอบตกลงอย่างมีความสุขทันที
เธอยิ้มหน้าบาน จนทำให้หลิงซือยู่นั่งไม่ติด
ทางไปเวดดิ้งสตูดิโอ เขาก็เริ่มวางแผนเอาไว้ในใจแล้ว วันนี้เอาเงินมาพอหรือเปล่า
เมื่อวานนี้เธอทำร้ายยามรักษาการณ์ที่ห้างไปตั้งหลายคน เขาไม่อยากให้พวกยามรักษาการณ์ไปแจ้งความมาจับเธอ ก็เลยกลายเป็นเด็กน้อยคอยแจกเงินตลอดทั้งวัน
วันนี้…
ไม่รู้เป็นเพราะว่าผู้หญิงคนนี้จะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิงซือยู่ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางหันกลับไปมองหน้าของซูสือเยว่อย่างระแวดระวัง “ขอ..ขอร้องคุณเอาไว้ก่อนได้ไหม?”
“ถ้าวันนี้ทำร้ายคน อย่าตบหน้านะ”
“ตบหน้า อีกฝ่ายจะขอเงินเพิ่ม ตัวผมก็ไม่มีเงินอยู่แล้ว อย่าให้ครอบครัวที่ไม่ใช่มหาเศรษฐีอย่างผมต้องดินพอกหางหมูอีกเลยนะ”
“เตะก้นได้สองสามที เพราะว่าเป็นตำแหน่งที่คนทั่วไปไม่ค่อยสะดวกที่จะเอามาแสดงให้ผมดู…”
ซูสือเยว่เลิกคิ้วขึ้น พลางหันศีรษะไปมองแล้วยิ้มให้เขา “ฉันโหดร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“งั้นฉันขอโทษคุณด้วยนะ”
หญิงสาวมองใบหน้าที่ซีดเผือดของเขา พร้อมทั้งยิ้มให้อย่างอดไม่ได้ “เมื่อวานนี้ฉันไม่รู้เรื่องเลยทำให้คุณต้องคอยวุ่นวายไปด้วย”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณวางใจได้เลยฉันจะไม่ทำเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว”
คำพูดของซูสือเยว่ ทำให้ตัวของหลิงซือยู่ชะงักไปหลายวินาที
ปฏิกิริยาตอบสนองเป็นสิ่งแรกก็คือ : เธอกำลังโกหกอยู่”
ปฏิกิริยาตอบสนองข้อสองคือ : เธอกำลังเล่นละครอยู่
จนสุดท้ายแล้ว เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางเงยหน้าจ้องมองใบหน้าของซูสือเยว่อย่างจริงๆ จังๆ
“ฉันคิดออกแล้วนะ”
ซูสือเยว่ลดกระจกรถลง พลางยื่นหน้าออกไปรับลง พลางมองวิวด้านนอกกระจกรถ ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อยออกมา
“พรหมลิขิตไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ เช่นนั้นก็ปล่อยเขาไปเถอะ”
“ฉินโม่หานไม่หวงแหนของเอาไว้ แล้วทำไมฉันต้องยึดติดไว้ไม่ยอมไปปล่อยล่ะ?”
“ดังนั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันซูสือเยว่จะมีชีวิตอยู่เป็นของตนเอง”
หลิงซือยู่จ้องมองใบหน้าของซูสือเยว่ด้วยอาการชะงัก ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้าชัก หรือว่าคิดได้จริงๆ
เขานิ่วหน้า เพื่อหลอกถามเธอ “คุณ…จะไม่ต่อสู้กับฉินโม่หานแล้วเหรอ?”
“ไม่มีความหมายแล้วแหละ”
“เช่นนั้นคุณก็จะแต่งงานกับผมใช่ไหม?”
ซูสือเยว่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “ตอนนี้นะยังไม่คิด”
“แต่ว่า ผ่านไปสักระยะ ก็ไม่คิดแล้วแหละ”
พูดจบ เธอก็จ้องมองหลิงซือยู่อยู่นาน “ก็ทำเพื่อดีต่อคุณนะ”
ถ้าเธอยกเลิกงานแต่งงานกับหลิงซือยู่ งั้นหลิงซือยู่จะทำตามคำขอร้องของฉินโม่หานได้อย่างไร ที่วางแผนจัดเตรียมชุดให้เธอกับสิ่งของที่ต้องจัดเตรียมในงานแต่งงานอื่นๆ อีก?
หลิงซือยู่ไม่รู้ความคิดที่อยู่ในใจของเธอ ดังนั้นเลยคิดว่าเธอยังอยากจะโมโหฉินโม่หานแล้วแต่งกับเขาแทน
อากัปกิริยาตอบโต้วันนี้ บางทีก็หงุดหงิดตนเองแหละมั้ง?
หญิงสาวที่สูญเสียความรัก มักจะทำเรื่องคิดไม่ถึงไว้ต่างๆ มากมาย
ก็ไม่รู้ว่าสาวๆ ในแชตในเนตตั้งสิบกว่าคนนั้น หลังจากที่ไปจากเธอแล้ว จะมีความรู้สึกอกหักบ้างไหม…
ตอนที่ซูสือเยว่กับหลิงซือยู่มาถึงร้านเวดดิ้งสตูดิโอแล้ว ประตูร้านเวดดิ้งสตูดิโอก็ติดป้ายประกาศต้อนรับฉินโม่หานกับหยางชิงโยว
เมื่อเห็นว่าเป็นเธอกับหลิงซือยู่ลงจากรถ บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหน้าพลันรู้สึกว่าเงินมาจ่อหน้าประตูแล้ว!
เมื่อวานนี้หลิงซือยู่แจกอั่งเปาให้อย่างไหลลื่น รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว!
ดังนั้น บอดี้การ์ดรีบเข้ามาต้อนรับทันที พร้อมทั้งตีหน้าเย็นชาและเคร่งขรึมใส่แทน พลางยื่นขวางซูสือเยว่เอาไว้
“ขอโทษด้วยคุณผู้หญิงท่านนี้ วันนี้ร้านเวดดิ้งสตูดิโอของเรา รับเฉพาะแขกคุณฉินกับคุณหยางสองคนเท่านั้น”
“สองท่านกลับไปเถอะ”
แม้จะพูดออกมาเช่นนี้ แต่ว่าสีหน้าของบอดี้การ์ดก็เขียนในทางกลับกันว่า “ทำร้ายฉันทำร้ายฉันเถอะ!”
หลิงซือยู่เหลือบมองบอดี้การ์ดอย่างหมดความอดทน พลางเหลือบมองบอดี้การ์ดที่ยืนต่อแถวอยู่ด้านหลัง เหล่าบอดี้การ์ดที่กระตือรือร้นมาก
เขาเริ่มปวดใจกับเงินในกระเป๋าเขาซะแล้วสิ
ไม่รู้ว่าอังเป่าที่เตรียมมาว่าในวันนี้จะพาหรือไม่
“ฉินโม่หานกับหยางชิงโยวถึงขั้นปิดร้านเลยเหรอ…”
สายตาของทุกคนตื่นตระหนกขึ้น ซูสือเยว่แสยะยิ้มให้ “เช่นนั้นพวกเราค่อยมากันใหม่วันอื่นแล้วกัน”
พูดจบ เธอก็เอื้อมมือออกมาลากหลิงซือยู่เดินกลับไปดื้อๆ เลย “กลับบ้านกัน”
หลิงซือยู่กับเหล่าบอดี้การ์ด ต่างตกตะลึง
นี่…เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
“คุณผู้หญิง”
บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหน้าสุดพลันเข้ามาคว้าข้อมือของซูสือเยว่เอาไว้ “คุณไม่ต่อต้านสักหน่อยเหรอ?”
ซูสือเยว่ยิ้มให้ “ทำไมฉันต้องต่อต้านด้วยเหรอ”
“ถึงขั้นที่คนอื่นเขาเหมาร้านแล้ว ฉันก็ไม่ควรที่จะอยู่ต่อ เพื่อขวางหูขวางตาคนอื่นเขา”
พูดจบ เธอก็ลากหลิงซือยู่เดินไปทางด้านหน้า
เพิ่งเดินไปไม่เพียงกี่ก้าว รถยนต์สีดำยี่ห้อมาเซราตีก็จอดลงอยู่ทางด้านหน้าของพวกเขา
ฉินโม่หานกับหยางชิงโยวมาถึงแล้ว