บทที่27 หม่ามี๊รู้จักสงสารแด๊ดดี้แล้ว
อากาศในลิฟต์คลุมเครือและทำให้คนหายใจไม่ออก
สุดท้ายเสียง “ติ๊ง”ก็ดังขึ้น แล้วประตูลิฟต์ก็เปิดออก
ซูสือเยว่วิ่งหนีออกมาจากลิฟต์เหมือนหนีตาย
“ฮัดชิ่ว–!”
พอออกมาจากโรงแรม ซูสือเยว่ก็จามอย่างรุนแรง
ฟ้ามืดแล้วอย่างไม่รู้ตัว ลมกลางดึกทำให้เธอหนาวสั่นไปทั้งตัว
เธอสวมใส่ชุดนอนรูปการ์ตูนกระต่าย ยืนอยู่หน้าประตูโรงแรมตอนนี้ก็ดูน่าขันเป็นพิเศษ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบนท้องถนนก็ต่างมองเธอ
ซูสือเยว่กระชับชุดนอนของตัวเองให้แน่น กัดฟันแล้วเดินไปยังที่จอดรถ
พึ่งจะเดินไปไม่กี่ก้าว หมวกหูกระต่ายของเธอถูกดึงออกจากด้านหลัง
ยังไม่ทันจะหันหน้าไป ตรงหน้าเธอก็มืดไปในทันที
เสื้อสูทที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่เย็นชาของผู้ชายคนนั้นถูกโยนมาคลุมหัวของเธอ “ใส่ซะ”
เธอดึงเสื้อออก แล้วก็มองไปที่ผู้ชายที่ตัวสูงและหลังตรงด้านหลัง “ไม่ต้องหรอก”
ฉินโม่หานกลับไม่หยุดเดิน “ถ้าเกิดว่าเธอป่วย พวกเขาจะบ่นฉัน”
ซูสือเยว่เม้มปาก แล้วก็ใส่เสื้อของเขาอย่างเชื่อฟัง
เสื้อผ้าของเขายังคงมีอุณหภูมิและกลิ่นมิ้นท์ที่สดชื่นของผู้ชายอยู่
เธอรู้สึกว่าหน้าร้อนอย่างแปลกประหลาด
กลางดึกไม่มีรถ ฉินโม่หานขับรถเร็วมาก
ระหว่างทางกลับนั้น เธอนั่งอยู่ที่เบาะหลัง แล้วก็มองเขาผ่านทางกระจกส่องหลังอย่างระมัดระวัง
ตอนที่เขามองไปที่ข้างหน้าอย่างจริงจังนั้น มุมหน้าที่ชัดเจนของเขาดูเคร่งขรึมและเย่อหยิ่งเป็นพิเศษ
หัวใจของซูสือเยว่เต้นผิดจังหวะ
เธอมั่นใจและแน่ใจ
ใบหน้าของฉินโม่หานนั้น ทิ้งห่างเฉิงเซวียนไปหลายช่วงตึก
ไม่นาน ก็มาถึงคฤหาสน์แล้ว
เขาจอดรถที่หน้าประตู แล้วก็พูดออกมาอย่างแผ่วเบา “ฉันยังต้องกลับไปประชุมที่บริษัท เธอกลับไปเองนะ”
ซูสือเยว่ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วก็ขมวดคิ้ว “ประชุมดึกขนาดนี้เลยเหรอ? ”
“ประชุมกับเมืองนอกน่ะ เวลาเลยต่างกัน”
“เหนื่อยขนาดนี้เลย……”
เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายคนนั้นมีเสน่ห์น่าดึงดูด “ฉันอดหลับอดนอนคนเดียว ดีกว่าปล่อยให้ผู้บริหารหลายสิบคนอยู่ที่นั่นทั้งคืนนะ”
หัวใจของซูสือเยว่อบอุ่นขึ้นเล็กน้อย
ไม่คิดว่าคนอย่างฉินโม่หาน จะมีด้านที่อบอุ่นแบบนี้ด้วย
พอลงมาจากรถ เธอก็หันกลับไปมองหน้าเขาอย่างจริงจัง “ประชุมเสร็จแล้วก็รีบกลับมาพักผ่อนนะ”
ฉินโม่หานอึ้งไป เหมือนกับว่าไม่ได้คาดคิดว่าซูสือเยว่จะพูดประโยคนี้ออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาที่ลึกซึ้งของเขาก็มองไปที่เธอเงียบๆ “อืม”
แล้วรถก็สตาร์ทขึ้นอีกครั้ง
“แล้วอีกอย่าง……”
ก่อนที่เขาจะเหยียบคันเร่งนั้น ซูสือเยว่ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “วันนี้ขอบคุณนายมากนะ”
ถึงแม้ว่าการปลอบใจผู้หญิงของเขาจะไม่ถูกต้อง แต่ว่าเขาก็ได้มอบประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับเธอ
มาเซราติสีดำจากไปอย่างกะทันหัน
ซูสือเยว่มองยังทิศทางที่เขาจากไป แล้วก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆ
ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาได้ยินคำขอบคุณจากเธอไหม
มีลมพัดมาอีกครั้ง เธอก็กระชับเสื้อผ้าของตัวเองทันที
ตอนที่นิ้วมือแตะโดนเสื้อคลุมของเขานั้น มุมปากของผู้หญิงก็ยกขึ้นอย่างแปลกประหลาด
……
เช้าวันที่สอง ตอนที่ซูสือเยว่ตื่นขึ้นมานั้น ผู้ชายข้างๆ ก็ยังคงนอนหลับอย่างเงียบๆ
แสงแดดยามเช้าทำให้ขอบและมุมใบหน้าของเขาอ่อนโบยลงมาก
เขาหลับตา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ดูเหมือนว่าพึ่งจะนอนได้ไม่นาน
ซูสือเยว่ลงจากเตียงอย่างเบาไม้เบามือ แล้วก็ห่มผ้าให้เขา หลังจากนั้นก็หยิบอุปกรณ์อาบน้ำไปอาบที่ห้องคนรับใช้
เวลาอาหารเช้านั้น ซูสือเยว่เตรียมไว้ให้ฉินโม่หานเป็นพิเศษ กำชับคนใช้ว่าถ้าเกิดว่าฉินโม่หานตื่นขึ้นมาแล้วก็อุ่นแล้วก็ให้เขากิน
“ไม่เลวๆ หม่ามี๊รู้จักสงสารแด๊ดดี้แล้ว ความรู้สึกขยับขึ้นมาอีกก้าวหนึ่ง! ”
ตระกูลซูที่นั่งอยู่บนโต๊ะนั้นกัดช้อน หรี่ตาแล้วก็มองใบหน้าของซูสือเยว่ “หม่ามี๊ เมื่อไหร่ผมจะมีน้องสาวครับ? ”
ซูสือเยว่หน้าแดง ไม่อยากจะตอบตรงๆ แต่ก็ไม่อยากฉีกหน้าของเจ้าตัวเล็ก ดังนั้นเธอก็เลยเปลี่ยนหัวข้อ “ทำไมถึงได้อยากมีน้องสาว ไม่อยากมีน้องชายล่ะ? ”
ตระกูลซูกลอกตา “ผมเป็นน้องชาย ทุกวันพี่ชายจะทำให้ผมรู้สึกจนปัญญา”
“ถ้าเกิดว่าหม่ามี๊มีน้องชายที่เหมือนกับผม ผมต้องถูกรำคาญตายแน่ๆ เลย! ”
ซิงหยุนมองเขานิ่งๆ “รู้ก็ดีแล้ว”
ซูสือเยว่:“……”
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ คนขับรถก็ไปส่งซูสือเยว่ที่สตูดิโอ
พอเข้าไปที่กองถ่าย ก็เห็นว่าเซี่ยงหวั่นฉิงนั่งไขว่ห้างอย่างหยิ่งผยองอยู่ในกองถ่าย ในมือถือบทอยู่
รักแสดงด้านข้างก็บ่นอย่างกลัดกลุ้ม “คนดังทางอินเทอร์เน็ตคนนี้น่ารังเกียจ เมื่อวานพึ่งถูกคนแขวะว่าไม่ควรจะมาเป็นเฝ้าแฟนของตัวเองที่กองถ่าย มันจะทำให้การถ่ายทำของพวกเราช้าลง วันนี้กลับกลายมาเป็นนางรองซะแล้ว”
“ดูเหมือนกับว่าเฉิงเซวียนจะรักเธอจริงๆ ใช้เวลาตลอดทั้งคืน ให้ผู้ผลิตบีบนางรองคนเดิมออก แล้วก็ยกเธอขึ้นมาแทน……”
ซูสือเยว่พลิกดูตารางการถ่ายทำของวันนี้ แล้วก็ได้ยินพวกนักแสดงซุบซิบกัน ในใจก็มีความรู้สึกปลงอนิจจัง
ที่แท้ คนที่เฉิงเซวียนกับเซี่ยงหวั่นฉิงไปพบเมื่อคืนนี้นั้น ก็คือผู้ผลิตละครเรื่อง《ชั่วฟ้ากาลเวลา》
ที่แท้ที่เฉิงเซวียนยอมประจบประแจงอย่างไม่รู้สึกละอายนั้น ก็เพื่อที่จะให้เซี่ยงหวั่นฉิงได้รับบทนางรอง
เมื่อก่อนตอนที่เธอคบกับเฉิงเซวียนอยู่นั้น เธอกำเฉิงเซวียนไว้ในฝ่ามืออยู่เสมอ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ก็จะเป็นเธอที่เป็นคนจ่ายเงิน ไปหาเขา
ภายนอกนั้น ซูสือเยว่คือแฟนของเฉิงเซวียน เป็นแค่แสตนอินที่ปกติทั่วไป แต่ว่าความจริงแล้ว เธอก็เป็นผู้จัดการของเขา เป็นผู้ช่วยของเขา งานทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อเขานั้น เธอทำทั้งหมด
แต่ว่าตอนนี้เฉิงเซวียนกลับสามารถยอมจ่ายได้ทุกอย่างเพื่อเซี่ยงหวั่นฉิง
ตอนที่เธอทอดถอนใจเสร็จ ตารางการถ่ายทำก็ได้ถ่ายเสร็จแล้ว
วันนี้สตูดิโอนี้ส่วนใหญ่เป็นการแสดงของเฉิงเซวียนกับเซี่ยงหวั่นฉิง ไม่มีบทของลั่วเยียน แม้แต่แสตนอินของเธอก็ไม่จำเป็น
ดังนั้นซูสือเยว่ก็เลยบิดขี้เกียจ หลังจากบอกลาผู้ช่วยผู้กำกับแล้ว ก็ลุกขึ้นแล้วก็ออกมา
นักแสดงคนหนึ่งทักทายเธอ “ไปหาลั่วเยียนเหรอคะ? ”
“ค่ะ”
ซูสือเยว่ยิ้ม “ตรงนี้ไม่มีส่วนของเธอ ฉันก็เลยจะไปดูตรงนู้นหน่อย เผื่อว่าจะมีอะไรช่วยได้บ้าง”
“เป็นคนกระตือรือร้นดีจริงๆ เลย”
เธอพึ่งจะพูดจบ ก็มีเสียงที่เย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น
คือเสียงของเซี่ยงหวั่นฉิง
ซูสือเยว่ขี้เกียจจะสนใจเธอ ก็ยกเท้าขึ้นเตรียมจะเดินออกไป
“อย่าคิดว่าไปหาคนหนุนหลังอย่างลั่วเยียนแล้วเธอจะสามารถนอนสบายอย่างไม่มีห่วงได้นะ”
เซี่ยงหวั่นฉิงเอามือกอดอก แล้วก็มองแผ่นหลังของซูสือเยว่อย่างเย่อหยิ่ง “แสตนอินก็เป็นได้แค่แสตนอินตลอดไป ยังไงก็ไม่สามารถชุบตัวได้หรอก”
ซูสือเยว่ยิ้ม
เธอหันหน้ามา สายตาเย็นชา “ชู้ก็เป็นได้แค่ชู้ตลอดไป ต่อให้ได้กลายมาเป็นตัวจริง ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงเรื่องที่อ่อยแฟนของเพื่อนได้หรอก”
พอเธอพูดจบ ก็ยกเท้าขึ้นก้าวยาวเดินออกไป
เซี่ยงหวั่นฉิงจ้องแผ่นหลังของเธอเขม็ง สายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“เธอหมายความว่ายังไง? เซี่ยงหวั่นฉิงเป็นชู้ยังงั้นเหรอ? ”
“น่าจะหมายความว่าแบบนั้นนะ แต่ว่าเมื่อก่อนเฉิงเซวียนไม่ได้มีแฟนไม่ใช่เหรอ? ”
“ที่แท้เมื่อก่อนเฉิงเซวียนก็ปกปิดความสัมพันธ์ หลังจากนั้น……”
ด้านหลังของเธอ นักแสดงหญิงหลายคนมารวมตัวกัน แล้วก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์
เซี่ยงหวั่นฉิงหันหน้ากลับไป แล้วก็จ้องมองอย่างดุร้าย “ซุบซิบไปเรื่อยระวังว่าปากจะเน่านะ! ”
ดาราสาวหลายคนแลบลิ้น “พวกเราไม่ได้พูดสักหน่อย ซูสือเยว่เป็นคนพูด เธอก็ไปพ่นไฟใส่เธอเองสิ”
เซี่ยงหวั่นฉิงหรี่ตา
ซูสือเยว่
ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ เธอจะใจดีกับเธอเกินไปแล้ว!