หลิงซือยู่เงยหน้าขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ “คุณจำได้หมดแล้วเหรอ”
ไม่ใช่สิ……
ถ้าซูสือเยว่จำได้แล้วจริงๆ ก็ไม่น่าจะมีท่าทีแบบนี้ กับฉินโม่หาน
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว มองซูสือเยว่ด้วยสีหน้าตกใจ “คุณแน่ใจนะ….ว่าคุณจำได้แล้ว”
ตามการคาดการณ์ของหลิงซือยู่ หลิงหรานและเจี่ยนหมิงจงรอจนซูสือเยว่รู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนการของฉินโม่หาน เพื่อเป็นวิธีการฟื้นความทรงจำให้เธอ
เธอก็น่าจะซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ รักและทะนุถนอมฉินโม่หาน ไม่พรากจากเขาตลอดไปถึงจะถูก
แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้
เธอกลับเฉยเมยเย็นชา เหมือนกับไม่มีความรู้สึกอะไรกับฉินโม่หานเลยสักนิดเดียว
“น่าแปลกใจมากเหรอคะ”
ซูสือเยว่ยิ้มออกมา
เมื่อคืนความจริงแล้วเธอแทบไม่ได้นอนเลย
หลังจากพูดคุยกับเด็กน้อยทั้งสามคนผ่านวิดีโอคอลแล้ว เธอกำลังครุ่นคิดว่า ตกลงตนเองควรทำอย่างไร ถึงจะถูก
ควรทำอย่างไร จึงจะถูกต้อง
คิดไปคิดมา ก็ไม่ได้คำตอบ
สุดท้าย เธอก็ให้คำตอบกับตนเองว่า แล้วแต่อารมณ์
จะไปใส่ใจคนอื่นทำไมเขาจะพูดจะทำอะไรก็ช่าง
ชีวิตของเธอ เธอก็ต้องตัดสินใจด้วยตนเอง
หลิงซือยู่ขมวดคิ้ว
เขารู้สึกว่าซูสือเยว่ในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว
เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงไม่เหมือนกับเมื่อวานเลย
เห็นได้ชัดที่สุดว่า วันนี้เธอไม่ทุบตีคนแล้ว และก็ไม่สนใจหยางชิงโยวแล้ว
เขาเอาคำพูดของซูสือเยว่ ไปบอกฉินโม่หานโดยไม่ได้เพิ่มเติมเสริมแต่งอะไร
ชายหนุ่มที่มองโทรศัพท์อยู่อีกด้านนั้นมองเห็นข้อความที่เขาส่งมา ในที่สุดคิ้วเขาก็ขมวดเข้าหากันอย่างแรง
ทำไมถึงได้…..
ซูสือเยว่คนก่อน ชอบเขามากแค่ไหน รักเขามากเท่าไหร่ ความจริงแล้วเขาก็รู้ดีทุกอย่าง
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เขาที่พยายามทำให้เธอจำเรื่องที่เธอลืมไปแล้วได้ แต่สุดท้าย เธอกลับเกลียดเขา
ชายหนุ่มวางโทรศัพท์มือถือลง หลับตาอย่างเงียบๆ
“โม่หาน ฉันใส่ชุดนี้แล้วสวยมั้ย”
หยางชิงโยวสวมชุดราตรีสีเขียวอ่อน เดินออกมาจากห้องลองชุด ใบหน้าเธอมีรอยยิ้มเขินอาย “ฉันชอบสีเขียวแบบนี้จังเลย เต็มไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติ!”
พูดจบ เธอก็ยังหมุนตัวหนึ่งรอบตรงหน้าฉินโม่หาน ‘สวยมั้ย!”
ฉินโม่หานเหลือบมองแวบหนึ่ง “สวย”
“เหมือนคางคก”
รอยยิ้มของหยางชิงโยวเกร็งค้างบนใบหน้าทันที “คุณว่าอะไรนะ”
ชายหนุ่มหัวเราะเยาะ “ในเมื่อคุณย้อนถาม ก็แสดงว่าคุณได้ยินแล้ว”
พูดจบ เขาเก็บโทรศัพท์มือถือ มือหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง เหล่มองหยางชิงโยวด้วยแววตาเย็นชา “คุณลองชุดเองอยู่ที่นี่แล้วกันนะ”
“ผมมีธุระต้องไปก่อนแล้ว”
กล่าวประโยคนี้ทิ้งท้าย ชายหนุ่มก็หมุนตัวเดินจากไปเลย
หยางชิงโยวเบิกตาโพลง
เธอรีบถกกระโปรงตามไป มือหนึ่งดึงแขนของฉินโม่หานเอาไว้ “โม่หาน คุณจะไป ไม่ได้ตกลงกันแล้วเหรอ ว่าวันนี้คุณจะลองชุดแต่งงานเป็นเพื่อนฉัน?”
ฉินโม่หานยิ้ม ดึงมือของหญิงสาวออกอย่างเย็นชา “วันนี้ผม อารมณ์ไม่ดี”
พูดจบ เขาก็สะบัดมือเธอออกอย่างแรง หมุนตัวเดินจากไป
หยางชิงโยวยืนอยู่ที่เดิม มองไปทางที่ชายหนุ่มเดินจากไป กัดริมฝีปากแน่น
เธอถกกระโปรงอยากตามไป แต่กลับถูกคนของร้านเวดดิ้งสตูดิโอขัดขวางเอาไว้
……
“คุณผู้หญิงคะ คุณสวมชุดของทางร้านเราอยู่นะคะ จะทำสกปรกไม่ได้นะ”
ณ ห้องทำงานของท่านประธานชวงซิงกรุ๊ป
กู้ถิงเซิงขมวดคิ้วมองฉินโม่หานที่หงุดหงิดอยู่ตรงหน้า “นายแน่ใจนะ….ว่าจะทำแบบนี้”
ฉินโม่หานหลับตา พยักหน้าพิงโซฟาอย่างอ่อนล้า
“ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปอีก เธอยิ่งไม่ให้อภัยฉันแน่เลย”
กู้ถิงเซิง: “……”
“ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ ง้อหน่อยเดี๋ยวก็ดีเอง”
“ตอนนี้พวกเราวางแผนกันมาตั้งนานขนาดนี้ ก็ไม่ใช่เพื่อให้เมียนายฟื้นคืนความทรงจำเหรอ แล้วก็เพื่อลดความสูญเสียเวลาที่พวกเราเผชิญหน้ากับฉินหลิงยี่”
“แต่ตอนนี้นาย….ถ้ามันจะรุนแรงขนาดนี้ ก็กลัวว่าที่ทำมาทั้งหมดมันจะสูญเปล่า”
พูดพลาง เขาก็ก้มหน้าดูเวลาพลาง “โม่หาน นายยังมีเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์”
“เวลาหนึ่งสัปดาห์นี้ พวกเราจะทำให้ฉินหลิงยี่สูญเสียพลังอำนาจทั้งหมดในมือ….”
“ขอแค่นายก็อดทนอีกหนึ่งสัปดาห์พอแล้ว”
“พวกเรา….”
“กู้ถิงเซิง”
ฉินโม่หานตัดบทเขา เงยหน้าขึ้นมา มองหน้ากู้ถิงเซิงอย่างจริงจัง “ฉินหลิงยี่สำหรับพวกเราแล้ว เป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยากมากเหรอ”
กู้ถิงเซิงชะงัก “ความจริงแล้วก็ไม่ถือว่ายาก”
“ชวงซิงกรุ๊ปของพวกเรา มีอิทธิพลอย่างมากกับทั่วโลก…..”
“LYกรุ๊ปในมือของฉินหลิงยี่ ก็เรียกว่ายิ่งใหญ่เฉพาะที่เมือง เมืองสตัฟฟ์ เท่านั้น”
“ถ้าพวกเรารวบรวมพลังจากส่วนอื่นๆ ใช่พลังอำนาจทั้งหมดกดดันเขาเอาไว้…..”
ฉินโม่หานยิ้มออกมา
“ดังนั้น ทำไมยังต้องเอาตัวฉันเองไปลำบาก ทำให้ซูสือเยว่ลำบากด้วย”
กู้ถิงเซิงตะลึง
“นาย…ที่นายทำเรื่องพวกนี้ จุดประสงค์ ไม่ใช่เพื่อลดความเสียหายจากการเผชิญหน้าของพวกเรากับฉินหลิงยี่หรอกหรือ”
“ไม่ใช่”
ฉินโม่หานเปลี่ยนเป็นท่านั่งที่สบายพิงอยู่บนโซฟา “เงิน ฉันยังพอชดใช้ได้”
“ขอแค่เป็นเรื่องที่ใช้เงินแก้ปัญหาได้ สำหรับฉันแล้วไม่ถือว่าเป็นปัญหา”
กู้ถิงเซิงเบิกตาโพลง
ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“ที่นายทำมากมายหลายเรื่องนี่ ก็แค่เพื่อให้ซูสือเยว่ฟื้นฟูความทรงจำเหรอ”
“ความทรงจำของเธอสำหรับนายแล้ว เป็นสิ่งที่สำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่ใช่ว่าความทรงจำเธอเป็นสิ่งสำคัญ แต่เธอต่างหากคือสิ่งสำคัญ”
ชายหนุ่มหลับตาลง เสียงเคร่งขรึม
“เธอให้ความงดงามตั้งมากมายกับฉันอย่างไม่เคยมีมาก่อน…”
“ดังนั้น ฉันหวังว่าเธอ จะจำความสวยงามทั้งหมดในชีวิตของเธอได้”
พูดพลาง เขาก็ลืมตาขึ้น “ถ้าเธอไม่อยู่ข้างกายฉัน ต่อให้มีเงินและอำนาจมากมายแค่ไหน ฉันก็ไม่มีความสุข”
กู้ถิงเซิงอ้าปากค้าง อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับพูดอะไรไม่ออก
เขาช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน
ตั้งแต่เด็กจนโต…..
เขาไม่เคยเห็นฉินโม่หานคลั่งไคล้ใครขนาดนี้มาก่อนเลย
ซูสือเยว่ เขาก็เคยเจอแล้ว
แม้ว่าเธอจะหน้าตาสะสวย นิสัยก็ดี
แต่ว่า ก็ยังไม่ถึงขนาดที่จะให้ผู้ชายอย่างฉินโม่หานนี้ คลุ้มคลั่งต่อเธออย่างตอนนี้หรอกนะ
ถึงกระทั่ง ตอนนี้เขาจะยกเลิกแผนการทั้งหมดที่พวกเขาวางไว้ก่อนหน้านี้ และใช้วิธีการขั้นเด็ดขาดรับมือกับฉินหลิงยี่ เพียงเพราะซูสือเยว่ไม่ให้อภัยเขา
“นายตัดสินใจแล้วเหรอ”
“อืม”
“งั้นก็ได้”
กู้ถิงเซิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ฉันจะไปสั่งการเดี๋ยวนี้”
“ชวงซิงกรุ๊ป จะเริ่มลงมือกับLYกรุ๊ป นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป”
……
“เชียนจิ่ว….”
ภายในโรงแรมระดับห้าดาวแห่งหนึ่งของเมืองสตัฟฟ์
ฉินหลิงยี่นั่งพิงอยู่บนโซฟา ยื่นมือออกมา ลูบคลำภาพถ่ายหญิงสาวที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ
ชายหนุ่มหลับตาลง มีภาพของเชียนจิ่วที่ในดวงตาสองข้างมีน้ำตาเอ่อนองก่อนตายปรากฏขึ้นตรงหน้า
“หลิงยี่ ชีวิตของนายยังมีความเป็นไปได้อีกมากมายอย่างไม่รู้จบ”
“แต่ฉัน เป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้ว….ฉันตัวคนเดียวโดดเดี่ยว เหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อสิบปีก่อน ทำให้ลูกสาวที่มีอายุหนึ่งเดือนและภรรยาของฉัน ตายในกองเพลิง”
“ชีวิตนี้ของฉัน ไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว ….ถ้าลูกสาวของฉันยังมีชีวิตอยู่…. ก็น่าจะอายุสิบขวบแล้ว”
“เชียนจิ่ว ลูกสาวของฉัน….”
จับมือของเชียนจิ่วเอาไว้แน่น ฉินหลิงยี่หลับตา “ผมจำได้แล้ว ลูกสาวของคุณ ชื่อว่าเย่เชียนจิ่ว”
ภาพตัดกลับมา
เด็กผู้หญิงอายุแปดขวบ ยืนอยู่ที่ประตูสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ยิ้มให้กับเขา
เขาเดินไป จูงมือเธอเบาๆ “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอชื่อว่าเย่เชียนจิ่ว”
“ชีวิตของเธอ มีชีวิตอยู่ต่อไปแทนเพื่อนของฉัน”