ใบหน้าของซิงหยุนดูคับข้องใจ “หม่ามี๊……”
“ที่จริงผมไม่ได้อยากจะหักหลังนะ……แต่ว่าแด๊ดดี้อุ้มผมออกไป”
เด็กน้อยทำปากมุ่ย ใบหน้าเขียนคำว่าคับข้องใจไว้อย่างชัดเจน “ผมไม่อยากให้หม่ามี๊ตื่น เราก็ไม่อยากถูกแด๊ดดี้อุ้มออกไป ผมขัดขืนอย่างดุเดือดเลยนะ”
พอพูดจบ เขาก็เปิดเสื้อออก เผยให้เห็นรอยแดงของมือหนาที่อยู่บนข้อมือของเขา “หม่ามี๊ดูสิ!”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว แล้วก็มองไปที่ข้อมือของเด็กน้อย
แล้วก็เป็นอย่างที่เขาพูด มีรอยแดงของมือของผู้ใหญ่อยู่ตรงนั้น
เธอมองซิงหยุนด้วยความสงสัย “ถูกแด๊ดดี้พาออกไปจริงๆ หรอ? ”
เด็กน้อยพยักหน้า “หม่ามี๊ ผมไม่ได้ทรยศจริงๆ นะ”
พอพูดจบ เขาก็ชิวไปที่เพดาน “ผมสาบานได้เลย!”
พอเห็นท่าทางของซิงหยุน สิ่งที่ซูสือเยว่อยากจะพูด ก็พูดไม่ออก
เธอถอนหายใจออกมา แล้วก็ดึงซิงหยุนมากอดไว้ในอ้อมแขน “หม่ามี๊ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อลูก แต่ว่า……”
หญิงสาวหายใจเข้าลึกๆ “เรื่องของหม่ามี๊กับแด๊ดดี้ หม่ามี๊หวังว่าไม่ว่าจะเป็นลูก ซิงเฉินหรือว่าซิงกวง จะไม่เข้ามายุ่ง”
“เรื่องความรู้สึกของผู้ใหญ่ มันไม่ส่งผลต่อความรักที่ผู้ใหญ่มีต่อพวกลูกหรอก”
ซิงหยุนพยักหน้าอย่างจริงจัง “ผมเข้าใจแล้ว”
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าแด๊ดดี้ขอร้องเขา รับปากว่าหลังจากนี้จะจัดงานแต่งงานที่ดีที่สุดให้หม่ามี๊ แถมยังตอบรับคำขอของซิงกวง ว่าจะคุกเข่าบนกระดาษซักผ้าเพื่อหม่ามี๊……
เขาก็ไม่มีทางยินยอม ให้แด๊ดดี้เข้ามา แล้วก็เปลี่ยนตำแหน่งกับเขาหรอก
เขารออ้อมกอดของหม่ามี๊มา 5 ปีแล้วนะ!
พอคิดได้แบบนี้ เด็กน้อยก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เราก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าซูสือเยว่ “แล้วหม่ามี๊ จะให้อภัยแด๊ดดี้มั้ยครับ? ”
ซูสือเยว่หลับตาลง แล้วก็ถอนหายใจ
“ไม่รู้เหมือนกัน”
ถ้าเป็นซูสือเยว่เมื่อก่อน เห็นฉินโม่หานขอโทษเธอ เธอต้องให้อภัยเขาอย่างแน่นอน
แล้วยิ่งการที่ท่านประธานใหญ่อย่างฉินโม่หาน คุกเข่าบนกระดานซักผ้าเพื่อเธอแบบนี้ เธอก็จะตกใจเราก็เลือกที่จะให้อภัยเขา
แต่ว่าซูสือเยว่ในตอนนี้กลับไม่มีความรู้สึกนั้นเลยสักนิด
เรากลับว่า ความรู้สึกของเธอที่มีต่อฉินโม่หาน ได้หมดไปแล้ว
ความดีที่เขามีต่อเธอ เธอเองก็รู้ดี
แล้วเธอก็รู้ ว่าทั้งหมดที่เขาได้ทำลงไปก็เพื่อเธอ
ถึงจะรู้เหตุผลทุกอย่างดี แต่ว่าในใจของเธอนั้น กลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับเขาเหมือนดั่งตอนแรก
การหลอกลวงของเขา ทำให้ทั้งความรักและความเกลียดของเธอที่มีต่อเขา หายไปเพียงชั่วข้ามคืน
ถ้าจะพูดถึงการยกโทษให้ฉินโม่หาน เธอก็รู้สึกว่ามันไม่ได้มีอะไรที่ยกโทษให้ไม่ได้
แต่ถ้าจะพูดว่าไม่ยกโทษให้……
ในใจเธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเป็นอะไรกันแน่
หรือบางที มันคือความรู้สึกเบื่อหน่ายหลังจากที่ถูกหลอกหรอ?
ซูสือเยว่จ้องซิงหยุนอยู่นาน แล้วสุดท้ายก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว
“หม่ามี๊ให้อภัยเขาได้นะ”
“แต่ว่า หม่ามี๊อยากเลิกกับเขาไปพักนึง”
ซิงหยุนเบิกตาโพลง
“เลิกกับเขาไปพักหนึ่ง……นานแค่ไหน? ”
ซูสือเยว่ส่ายหน้า
“ไม่รู้เหมือนกัน”
ไม่แน่ว่า ในช่วงเวลาหนึ่งนั้น เธออาจจะได้ความรู้สึกที่มีต่อฉินโม่หานกลับมาก็ได้
หรือบางที อาจจะไม่ได้กลับมาเลยตลอดชีวิต
แต่ว่าเธอรู้ดีว่า เธอในตอนนี้นั้น ต้องไปอยู่ในที่ที่ไม่มีฉินโม่หาน อยู่อย่างเงียบสงบช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อให้มีเวลาและมีพื้นที่ว่าง ให้ได้ไตร่ตรองความสัมพันธ์ในอนาคตของพวกเขา
ซิงหยุนเม้มปาก “หม่ามี๊ ผมไม่ได้จะพูดแทนแด๊ดดี้นะ……แต่ว่า หม่ามี๊ลองดูสิ”
เด็กน้อยหยิบโทรศัพท์ออกมา
ในโทรศัพท์นั้น ต่างก็เต็มไปด้วยข่าวของเมืองสตัฟฟ์ ในวันนี้
LYกรุ๊ปล้มลงแล้ว
ล้มลงเพราะถูกชวงซิงกรุ๊ปบีบอัดอย่างเต็มที่
ทุกคนในข่าวต่างเสียใจ ต่างก็รู้สึกว่า ชวงซิงกรุ๊ปจะใช้วิธีที่ได้ไม่คุ้มเสียในการทำลายLYกรุ๊ป
แล้วอีกอย่าง ข่าวที่มาพร้อมกับข่าวการล่มสลายของLYกรุ๊ปก็คือ
“ฉินโม่หานประกาศ ยกเลิกการแต่งงานกับคุณหนูขอตระกูลเจี่ยน หยางชิงโยว เพราะว่าตัวตนของหยางชิงโยวนั้นมีข้อโต้แย้ง”
“ช็อก! คุณหนูของตระกูลเจี่ยนไม่ใช่หยางชิงโยว!เจี่ยนหมิงจงเอาผล DNA มางัด!”
ข่าวแล้วข่าวเล่า ทำให้ซูสือเยว่ตาลาย
เธออดทน และอ่านข่าวไปเรื่อยๆ จนจบ
พออ่านข่าวสุดท้ายจบ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
ฟู๋เชียนเชียนโทรมา
“สือเยว่!ฉันเพิ่งจะตื่น ก็เห็นข่าวเยอะแยะขนาดนี้!”
“ฉินโม่หานบ้าไปแล้วหรือไง?”
“ก่อนหน้านี้จี้หนานเฟิงเคยบอกว่า ฉินโม่หานค่อยๆ วางหมาก พยายามจะลากLYกรุ๊ปลงมา”
“ตอนนั้นฉันยังคิดว่าผู้ชายคนนี้จอมปลอม คนที่LYกรุ๊ปมุ่งเป้าหมายไปหาก็คือหยางชิงโยวของตระกูลเจี่ยน ทำไมเขาต้องทุ่มเทขนาดนั้น”
“แต่ปรากฏว่าวันนี้ เขาไม่ได้แค่ใช้กลอุบายในการล้มLYกรุ๊ปลงเท่านั้น แถมยังประกาศยกเลิกการแต่งงานกับหยางชิงโยวอีก!”
“แถมหยางชิงโยวยังไม่ใช่คุณหนูของตระกูลเจี่ยนอีกด้วย!”
“ในเมื่อหยางชิงโยวไม่ใช่คุณหนูของตระกูลเจี่ยน ถ้าอย่างนั้นคุณหนูของตระกูลเจี่ยน ก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นเธอ!”
“สือเยว่ ที่ฉินโม่หานทำลงไปทั้งหมดนี้ ที่แท้ก็เพื่อเธอ!”
น้ำเสียงของฟู๋เชียนเชียนตื่นเต้นมาก “ ฉันไม่ได้มองคนผิดไปจริง เธอเองก็ไม่ได้มองคนผิดไปเหมือนกัน!”
“แต่ว่า……”
ฟู๋เชียนเชียนชะงักไปครู่หนึ่ง “ฉันยังมีอีกเรื่องที่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่”
“ในเมื่อฉินโม่หานทำทุกอย่างนี้ลงไปเพื่อเธอ แม้แต่ยอมหมั้นกับหยางชิงโยว ก็เพื่อที่จะสืบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหยางชิงโยวกับฉินหลิงยี่ แล้วทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงไม่บอกเธอล่ะ?”
“เขาไม่กลัวเธอเสียใจหรอ?”
ซูสือเยว่หลับตาลง เราก็ยิ้มอย่างข่มขืน
“สิ่งที่เขาต้องการ ก็เพื่อให้ฉันเสียใจ”
ฟู๋เชียนเชียนที่อยู่ปลายสายนั้นเงียบไปหลายวินาที
“ทำไมล่ะ?”
“ก็เพราะว่า”
ซูสือเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แม้แต่การที่เธอจะพูดประโยคพวกนี้ออกมาเธอยังรู้สึกว่ามันน่าขำเลย
“ เพราะว่า ปัญหาที่ฉันความจำเสื่อม เขาได้เจอวิธีแก้ไขแล้ว”
“นั่นก็คือ ทำให้ฉันได้รู้สึกเสียใจและทุกข์ใจอย่างสุดซึ้ง ฉันจะได้จำเรื่องราวในอดีตขึ้นมาได้”
เสียงของฟู๋เชียนเชียนสูงขึ้นมาทันที “ ดังนั้น ที่ฉินโม่หานทำให้เธอเสียใจ ก็เพราะว่าต้องการให้เธอรื้อฟื้นความทรงจำกลับมางั้นหรอ!?”
“ถ้าอย่างนั้นเขาก็รักเธอจริงๆ นะ สือเยว่……”
ซูสือเยว่หัวเราะอย่างเย็นชา
“เธอเองก็คิดว่า ฉันเห็นความทรงจำพวกนั้นสำคัญกว่าฉินโม่หานหรอ? ”
ฟู๋เชียนเชียนชะงักไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็ถอนหายใจออกมา “ถ้าอย่างนั้นเธอโกรธเขาหรือเปล่าล่ะ?”
“ตอนนี้เธอก็จำได้แล้ว แน่นอนว่าเธอจำไม่ได้ ว่าตอนแรกที่เธอยังจำไม่ได้นั้นเธอทรมานแค่ไหน”
“ทุกวันเธอจะขังตัวเองไว้ในห้องครัว ทำอาหารอย่างเดิมซ้ำๆ 10 ครั้ง 20 ครั้ง”
“เธอเคยแอบร้องไห้อยู่ในห้องครัว เพราะเธอรู้สึกว่าเธอห่างจากซูสือเยว่ในอดีตอยู่ไกลมาก……”
เสียงของฟู๋เชียนเชียนหนักแน่น “ตอนที่เธอแอบร้องไห้นั้น……”
“ฉินโม่หานเห็นทั้งหมด”
“ตอนนั้นเขาบอกฉันว่า ไม่ว่าด้วยวิธีไหน เขาจะทำให้ความทรงจำของเธอกลับมา ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”
“เธอ……จะไม่ให้อภัยเขาจริงๆ หรอ? ”