ซูสือเยว่มองหน้าเขา อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“คุณเจี่ยน”
เจี่ยนหมิงจงคลี่ยิ้ม “ตอนนี้เรียกฉันว่าคุณเจี่ยนแล้วหรอ?”
“ไม่อย่างนั้นจะให้เรียกคุณว่าอะไรหรอคะ? พ่อเหรอ? ”
หญิงสาวสุดหายใจเข้าลึกๆ เราก็นั่งลงบนม้านั่งหิน มองดูใบหน้าของเจี่ยนหมิงจง ด้วยสายตาที่เย็นชา “พ่อที่วางแผนกับคนอื่น คิดร้ายกับลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองอ่ะหรอ? ”
“ขอโทษด้วยนะ ฉันเรียกไม่ได้หรอก”
“ฉันยอมที่จะเชื่อว่า พ่อแท้ๆ ของฉัน คือเจี่ยนเฉิงที่เป็นขี้เมาที่อาศัยอยู่ในสลัมมากกว่า”
พอพูดถึงเจี่ยนเฉิง ซูสือเยว่ก็ค่อยๆ ขมวดคิ้วเข้าหากัน
เหมือนกับว่าเธอไม่ได้เจอเจี่ยนเฉิงมานานแล้ว
ตั้งแต่หลังจากที่เจี่ยนหมิงจงปรากฏตัว คนที่ชื่อเจี่ยนเฉิง ก็เหมือนได้ระเหยหายไปจากโลกมนุษย์
พอคิดได้แบบนี้ เธอก็ถอนหายใจออกมา
ถึงแม้ว่าหลังจากที่เธอกลับเจี่ยนเฉิงรู้ตัวตนที่แท้จริง ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจี่ยนเฉิงก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แต่ว่าเจี่ยนเฉิงก็ยังปฏิบัติกับเธอเหมือนลูกสาวที่แท้จริง
เขาทั้งอ่อนโยน ห่วงใย ไม่น้อยไปกว่าพ่อคนอื่นๆ เลย
ที่เขาหายตัวไปนั้น……
ซูสือเยว่คาดว่า เจี่ยนเฉิงกลัวว่าการมีตัวตนอยู่ของเขา จะกระทบต่อความสัมพันธ์ของเธอกับเจี่ยนหมิงจง เขาก็เลยเลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตน
พ่อบุญธรรมเจี่ยนเฉิงคนนี้เขาก็ยังเป็นแบบนั้นจริงๆ
แล้วพ่อแท้ๆ อย่างเจี่ยนหมิงจงล่ะ?
ตอนที่เขารู้ว่าเธอคือลูกสาวที่แท้จริงของเขา สิ่งแรกที่เขาทำ ไม่ใช่การทำความรู้จักกับเธอในฐานะลูกสาว แต่ว่าเขากลับร่วมมือกับฉินโม่หาน หลอกเธอ
แม้แต่ เขายอมแม้กระทั่งยอมรับว่ายัยของปลอมอย่างหยางชิงโยวคือลูกสาวแท้ๆ ของเขา
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจี่ยนหมิงจง แบบนี้ ซูสือเยว่ไม่ยอมรับเขาเป็นพ่อ และก็ไม่ยอมรับตัวตนของเขาด้วย
เหมือนกับว่า การยอมรับตัวตนกับเขานั้นสำหรับเธอแล้ว มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดและน่าอัปยศ
เจี่ยนหมิงจงขมวดคิ้ว เขาเห็นการต่อต้านในแววตาของซูสือเยว่ชัดเจน
ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “เธอเกลียดฉันเพราะว่าเรื่องนี้หรอ? ”
“แน่นอน”
ซูสือเยว่ยิ้มช่างกลางพร้อมกับมองหน้าเขา “เพราะฉะนั้นคุณเจี่ยนก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลามาพูดอะไรกับฉันให้มากมายหรอกค่ะ”
“ฉันรู้ว่า คุณก็เหมือนกับคนอื่นๆ อยากจะมาเกลี้ยกล่อมให้ฉันดีกับฉินโม่หาน เกลี้ยกล่อมให้ฉันอภัยให้เขา”
“แปลว่า คุณมองตำแหน่งตัวเองผิดไป”
“ฉันยอมที่จะฟังคำเกลี้ยกล่อมจากเจี่ยนเฉิง แต่ไม่มีวันฟังคุณเด็ดขาด”
“ใครบอกว่าฉันจะมาเกลี้ยกล่อมเธอ?”
เจี่ยนหมิงจงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า อดไม่ได้ที่จะยิ้ม
“หรือว่าเธอไม่อยากรู้ ว่าทำไมฉันถึงหายไปตั้งหลายปีหรอ? ”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้วพร้อมกับมองหน้าเขา
ความจริงแล้ว……เธอก็ไม่ค่อยสนใจว่าสรุปแล้วเขาไปไหน หรือว่าทำอะไร
แต่ เธอก็แค่อยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรเพื่อเกลี้ยกล่อมเธออีก
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมา จ้องหน้าของเขม็งแต่ว่าไม่ได้พูดอะไร
เจี่ยนหมิงจงหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “การรักษาความจำเสื่อมด้วยความโศกเศร้าสุดชีวิต……ที่จริงมันก็คือสิ่งที่ฉันผ่านมา”
“ฉันก็เหมือนกับเธอ ถูกคนวางยาลบความทรงจำ จำผู้หญิงที่ฉันรักมากที่สุดในชีวิตไม่ได้”
“จนกระทั่งฉันได้ยินข่าวว่าเธอกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้อีก……”
“ฉันถึงได้จำความทรงจำที่มีเธออยู่ได้ จากความเจ็บปวดที่ลึกลงไปในกระดูกดำ”
“หลังจากนั้น ฉินโม่หานก็หาฉันเจอ บอกว่าอยากจะช่วยเธอ ช่วยฉัน ช่วยให้ครอบครัวของพวกเราได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง……”
ชายหนุ่มหันหน้ามา “ที่ฉินโม่หานตัดสินใจทำลงไปแบบนี้ ที่จริงมันก็เป็นความผิดของฉัน”
“ดังนั้น……”
เขามองหน้าซูสือเยว่นิ่ง “ฉันจะสนับสนุนการตัดสินใจของเธอ”
ซูสือเยว่เลิกคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นคุณเจี่ยนรู้หรอว่าฉันจะทำอะไร? ”
เจี่ยนหมิงจงยักไหล่พร้อมกับยิ้ม “บางที ฉันก็คงรู้”
…………
ซูสือเยว่หายตัวไป
ไม่ว่าฉินโม่หานจะตามหายังไง ก็หาเธอไม่เจอ
ตัวถังเมืองสตัฟฟ์ เขาก็ไม่สามารถสืบหาบันทึกการเดินทางของซูสือเยว่ได้เลย
ก่อนที่เธอจะไปนั้น ได้ทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งไว้ให้ฉินโม่หาน
เธอบอกว่าเธอต้องการเวลาเงียบๆ และเธอจะกลับมาอีกครั้งหากอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว
แล้วที่เธอไม่ได้พาลูกทั้งสามคนไปด้วย ก็เพราะเธอรู้ว่า ซิงหยุน ซิงเฉินและซิงกวง ต่างก็คาดหวังให้เขาคืนดีกับเธอ แล้วก็จะแอบเปิดเผยที่อยู่ของเธอ
ท้ายจดหมายนั้น เธอได้วาดใบหน้ารอยยิ้มหน้าใหญ่ๆ
“ไม่ต้องพยายามตามหาฉัน ตราบใดที่นายรู้สึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไปจริงๆ ดูแลลูกๆ อย่างดี ฉันจะกลับมาหานายอย่างแน่นอน”
ฉินโม่หานขังตัวเองไว้ในห้องทำงาน 1 อาทิตย์เต็ม
ไป๋ลั่วพลิกแผ่นดินเมืองสตัฟฟ์ หา แต่ก็ไม่เจอข่าวคราวที่เกี่ยวกับเธอเลย
แล้วก็ได้ข่าวว่าฉินหลิงยี่หนีกลับเมืองหรงไป
ในขณะเดียวกัน เขาก็โจมตีฉินโม่หาน แล้วก็พาเย่เชียนจิ่ว หนีไป
“คุณผู้ชายครับ”
ไป๋ลั่วยืนอยู่ในห้องทำงาน แล้วก็มองผู้ชายที่อยู่ต่อหน้าตัวเอง หนวดเครารุงรังเพราะไม่ได้ออกไปไหนมานาน
“คุณนายบอกแล้วว่า คุณแค่ต้องเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไป แล้วก็ดูแลลูกทั้งสองคนให้ดี แล้วเธอจะกลับมา”
“คุณ……”
“เลิกทำตัวเสื่อมโทรมแบบนี้ต่อไปได้ไหมครับ? ”
ฉินโม่หานหลับตาลง รอยยิ้มที่มุมปากของเขาขมขื่นขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่มีอารมณ์”
ไป๋ลั่วถอนหายใจออกมา “ คุณผู้ชายครับ”
“ช่วงนี้ ผมเองก็คิด……คุณว่า การตัดสินใจในอดีตของคุณ มันผิดหรือเปล่า? ”
ถึงแม้ว่าคุณนายที่ความจำเสื่อมจะแอบร้องไห้ แอบทุกข์ใจอยู่คนเดียว
แต่ว่ากับคุณผู้ชายนั้น เธอก็รู้สึกดีเหมือนเมื่อตอนที่ยังไม่สูญเสียความทรงจำไป
ถ้าเกิดว่าคุณผู้ชายไม่ได้ไปให้เธอรื้อฟื้นความทรงจำ ความเจ็บปวดนั้น ก็จะมีแค่คุณนายที่รู้สึกอยู่คนเดียว
แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ คุณนายไม่ได้ทุกข์ใจแล้ว แถมยังหนีไปคนเดียวอีก
แต่ว่าคุณผู้ชายกลับซึมเศร้าแบบนี้
“ฉันไม่เสียใจ”
ฉินโม่หานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ก้มหน้าลงอ่านเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ
มันคือข่าวที่เกี่ยวกับเมืองหรง
หลายวันมานี้ มีหญิงลึกลับคนหนึ่งไปที่เมืองหรง เปิดยิมศิลปะการต่อสู้ รับแต่นักเรียนผู้หญิง แล้วก็สอนศิลปะการป้องกันตัวให้กับเด็กผู้หญิงพวกนั้น
ค่าเรียนก็ถูกมาก1บทเรียนแค่1หยวนเท่านั้น
เพราะเห็นว่าฉินโม่หานกำลังอ่านข่าวนี้อยู่ ไป๋ลั่วก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน “ใครเอาข่าวแบบนี้มาวางบนโต๊ะคุณหรอครับ? ”
เขาเหลือบมองข่าว แล้วก็เยาะเย้ยพฤติกรรมของผู้หญิงที่อยู่ในข่าว
“ค่าเรียน1หยวนต่อ1บท ปีนึงก็คงยังเช่าบ้านไม่ได้เลยมั้ง? ”
“ลูกสาวคนรวยที่ไหนกัน ที่เอาพวกเด็กๆ ธรรมดามาล้อเล่น”
ฉินโม่หานคลี่ยิ้ม “บางที อาจจะเป็นลูกสาวคนรวยจริงๆ ก็ได้”
พอพูดจบ เขาก็เปิดคอม แล้วก็หาข้อมูลเกี่ยวกับ“สถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง ”
ในวิดีโอนั้น ผู้หญิงที่มีปานที่น่าเกลียดบนใบหน้าของเธอกำลังยืนอย่างกล้าหาญต่อหน้ากลุ่มสาวๆ และบอกพวกเขาถึงความจำเป็นในการป้องกันตัว
เสียงของเธอไม่ค่อยไพเราะ และใบหน้าของเธอก็ดูน่าเกลียด
แต่ว่ามันกลับทำให้ฉินโม่หานมีรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
เขาดูวิดีโอนั้นทั้งหมด5 รอบ
สุดท้าย เขาก็ปิดคอม แล้วก็เงยหน้ามองหน้าไป๋ลั่ว
“เก็บของ ไปเมืองหรงกัน”
เมืองหรงเบิกตาโพลง
“คุณผู้ชาย นี่คุณ……จะกลับเมืองหรงแล้วหรอ? ”
”ไม่ตามหาคุณนายแล้วหรอครับ?”
ช่วงเวลาที่ผ่านมา คนของพวกเขาได้ดูบันทึกการเดินทางทั้งหมดแล้ว แต่ไม่มีข้อมูลของการที่ซูสือเยว่ออกจากเมืองสตัฟฟ์ เลย
ตอนนี้เธอต้องยังอยู่ที่เมืองสตัฟฟ์ อย่างแน่นอน
อยู่ดีๆ ก็จะกลับไปแบบนี้……ไม่ตามหาแล้วหรอ?
“ไม่หาแล้ว”
ฉินโม่หานยิ้ม “กลับเมืองหรง”
“ฉันรู้สึกว่าสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง ’มันมีคุณค่าดี”
“อยากจะไปลงทุนสักหน่อย”