บทที่28 ทำไมฉันต้องช่วยเธอ
พอซูสือเยว่มาถึงสตูดิโอของลั่วเยียน ก็พบว่าบรรยากาศในสตูดิโอนั้นช่างน่าเบื่อและน่ากลัวมาก
เหมือนกับว่าผู้กำกับพึ่งจะระเบิดอารมณ์ไป กำลังนั่งดื่มชาอย่างโกรธๆ
ลั่วเยียนนั่งอยู่ตรงมุมด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว มือบีบสคริปต์แน่น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
ซูสือเยว่เข้าไปหาหลิงหยวนอย่างระมัดระวัง แล้วก็กระซิบถาม
“มันเป็นฉากที่ต้องพูดคนเดียวภายในใจน่ะครับ”
หลิงหยวนกระซิบ “ฉากนี้จะถ่ายทำเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของพี่เยียน เธอต้องอยู่ต่อหน้าเลนส์กล้อง แสดงตั้งแต่โกรธ ไปจนถึงดีใจ แล้วก็ผิดหวัง ไปจนถึงปลดปล่อย”
“เมื่อวานพี่เยียนถ่ายบทนี้ไปห้าหกรอบก็ไม่ผ่าน ผู้กำกับให้เธอกลับไปสงบสติอารมณ์ที่บ้าน สุดท้ายวันนี้มาถ่ายแต่เช้า แต่ก็ยังไม่ผ่านอยู่ดี”
พอพูดจบ หลิงหยวนก็รู้สึกทอดถอนใจ “พี่เยียนเองก็ไม่ได้ว่าพึ่งจะถ่ายทำเป็นวันแรก แสดงแบบนี้มันยากไปจริงๆ ”
ซูสือเยว่เม้มปาก ค่อยๆ เดินเข้าไปหาลั่วเยียน แล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เธอ
“สะดวกให้ฉันดูหน่อยไหม? ”
ลั่วเยียนรู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก พอได้ยินเสียงซูสือเยว่ก็ยิ่งรำคาญมากไปกว่าเดิม
ภายใต้จิตใจที่สับสนวุ่นวายนั้น เธอก็ไม่ได้คำนึงถึงตัวตนของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว ลั่วเยียนโยนสคริปต์ไปให้ซูสือเยว่ “ดูไปสิ”
“แสตนอินอย่างเธอจะไปเข้าใจอะไร? ”
ซูสือเยว่เม้มปาก แล้วสุดท้ายก็รับสคริปต์มา มองดูอย่างเรียบง่าย เชื่อมต่อบทด้านบนและด้านล่าง ก็ขอให้หลิงหยวนเอากระดาษกับปากกามาให้แล้วก็วาดภาพลงไป
รอบๆ ต่างก็มีคนมาปลอบลั่วเยียนไม่หยุด แต่ก็โดนลั่วเยียนปฏิเสธกลับไปอย่างเย็นชา
สุดท้าย ผู้กำกับก็เข้ามาแล้วก็ยื่นคำขาดให้กับลั่วเยียน : ฉากนี้ต้องถ่ายทำให้เสร็จภายในเช้านี้!
ลั่วเยียนแสดงในกระจก ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่พอใจ สุดท้ายก็ทุบกระจกทั้งสองบานอย่างโกรธจัด
“คุณลองอันนี้สิ”
ตอนที่ลั่วเยียนกำลังทำกระจกบานที่สองแตกนั้น ในที่สุดซูสือเยว่ก็หยุดวาด แล้วก็ยิ้มให้กับลั่วเยียน “ผู้เขียนบทเขียนเฉพาะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ฉันจัดความสัมพันธ์ของแต่ละบทบาทให้เป็นหมวดหมู่แล้ว อารมณ์ของนางเอกตอนนี้ก็เกิดขึ้นเพราะว่าคิดถึงคนสามคนในสามช่วงเวลา”
เธอส่งกระดาษแผ่นนั้นไป “หวังว่านี่มันจะช่วยคุณได้”
หลิงหยวนกลอกตา “คุณซู คุณอย่าเพิ่มความวุ่นวายเลยนะ”
“แค่นี้พี่เยียนก็อารมณ์เสียพอแล้ว”
ลั่วเยียนเม้มปาก แล้วก็รีบกระดาษแผ่นนั้นไปพร้อมกับมองอย่างส่งๆ
ทันใดนั้น สายตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
ทำไมเธอถึงคิดไม่ได้นะ ที่จริงแล้วนางเอกในตอนนี้คิดถึงคนสามคนในสามช่วงเวลา!
และแล้วเธอก็มองกระจก แล้วก็เริ่มแสดงอีกครั้งหนึ่ง
ครั้งนี้ เธอไม่ได้กระแทกกระจกอีกแล้ว
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ลั่วเยียนก็นั่งอยู่หน้ากล้อง แล้วก็ถ่ายฉากนี้เสร็จ
ไม่ต้องเสียเวลาและฟิล์มอีกต่อไป เทคเดียวผ่าน
ผู้กำกับยกนิ้วให้ลั่วเยียน “สมกับเป็นนักแสดงหญิงดีเด่นลั่วเยียน สามารถสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ทุ่มเข้าไปได้อีกครั้ง เก่งมาก! ”
“ขอบคุณค่ะ”
เวลาอาหารกลางวันนั้น ลั่วเยียนก็พาซูสือเยว่ไปที่ร้านอาหารระดับหรูหราตรงกันข้ามสตูดิโอ
เธอยิ้มแล้วก็มองซูสือเยว่ “เมื่อก่อนฉันประเมินคุณต่ำไป”
“แต่ว่า คุณมีความสามารถในการเข้าใจและเอาใจใส่ในตัวละคร ทำไมคุณถึงเอาแต่เป็นแสตนอินกันล่ะ? ”
“ฉันคิดว่าด้วยหน้าตาและนิสัย แถมยังความสามารถของคุณแล้ว ถ้าจะเข้าวงการบันเทิงจริงๆ ก็ไม่เลวเลยนะ”
ซูสือเยว่กินปลาต้มด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่ได้คิดอยากจะเป็นนักแสดง เป็นแสตนอินแหละดีแล้วค่ะ”
ลั่วเยียนขมวดคิ้ว “ที่คุณเป็นสตันท์แมนที่แสดงการต่อสู้ที่อันตรายที่สุดในสตูดิโอ ความจริงแล้วก็เพื่อเงิน”
“เป็นนักแสดงเต็มตัว ยังไงก็ได้เงินมากกว่าการเป็นสตันท์แมนอีกนะ ทำไมไม่ยอมล่ะ? ”
ซูสือเยว่ยิ้ม แล้วก็ก้มหน้าลง “ฉันมีประวัติศาสตร์ที่มืดมิด เป็นคนอ่อนไหวจิตใจคับแคบ ถ้าเกิดว่าเป็นนักแสดงนั้น ถ้าเกิดว่าในอนาคตไปเผลอทำให้ใครขุ่นเคืองจิตใจเข้า แล้วมีใครเปิดเผยออกมา แม้แต่แสตนอินก็เป็นไม่ได้แล้ว”
“เป็นอย่างตอนนี้แหละดีมากแล้วค่ะ”
เหตุผลนี้ของเธอ ลั่วเยียนนึกไม่ถึงเลย
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองซูสือเยว่ “ถ้ายังงั้นหลังจากนี้ ถ้าเกิดว่าฉันเจอปัญหานี้อีก……”
“ก็สามารถมาถามฉันได้เลยค่ะ”
ซูสือเยว่รีบเอ่ยปากพูดทันที “ด้านนี้ ฉันมีประสบการณ์อยู่ค่ะ”
ถึงอย่างไรก็ตาม แม้แต่คนดังทางอินเทอร์เน็ตอย่างเซี่ยงหวั่นฉิงก็ไม่จบมัธยมต้น ภายใต้ความช่วยเหลือของซูสือเยว่ กลายเป็นผู้เข้าชิงรางวัลหน้าใหม่ที่ดีที่สุดของ Golden Bull Award
“งั้นหลังจากนี้คุณก็เป็นแสตนอินส่วนตัวของฉันเถอะ ฉันจะไม่ปฏิบัติต่อคุณไม่ดี”
ซูสือเยว่พยักหน้าไปด้วยแล้วก็กินข้าวไปด้วย “ขอบคุณค่ะเจ้านาย! ”
ลั่วเยียนยิ้ม แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาฉินหนานเซิง “อาสะใภ้ของนายมีประวัติด้านมืดอะไรงั้นเหรอ? ”
ประวัติด้านมืด?
ฉินหนานเซิงที่อ่านข้อความในโทรศัพท์ก็ขมวดคิ้ว มองไปที่ผู้ชายที่นั่งก้มหัวทำงานอยู่ไกลๆ “อา”
ฉินโม่หานไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา “พูดมา”
“ภรรยาของอาที่ประวัติด้านมืดอะไรยังงั้นเหรอ? ”
ชายหนุ่มที่สูงส่งและเย็นชาหยุดเขียนเล็กน้อย “ประวัติด้านมืดคืออะไร? ”
“อืม”
ฉินหนานเซิงลุกขึ้นมาจากโซฟา แล้วก็ส่งโทรศัพท์ให้ฉินโม่หานดู “คนที่ผมเตรียมการไว้พูดถึงเรื่องที่ให้อาสะใภ้เป็นนักแสดงอย่างเป็นทางการ แต่ว่าอาสะใภ้ปฏิเสธ บอกว่าเธอมีประวัติด้านมืด”
ผู้ชายคนนั้นยกมือขึ้นปิดเอกสารอย่างแผ่วเบา “ฉันรู้จักเธอมายังไม่ถึงเรื่อง ไม่ค่อยแน่ใจ”
ฉินหนานเซิง:“……”
“อา อายังไม่รู้จักเธอดี ก็แต่งงานกับเธอแล้วเหรอ? ”
ชายผู้หยิ่งผยองหยิบเอกสารขึ้นมาอีกฉบับและเปิดอ่าน อ่านไปด้วยพยักหน้าไปด้วย “อืม”
ฉินหนานเซิงกลอกตา “แล้วทำไมอาถึงต้องแต่งงานกับเธอด้วยล่ะ? ”
“ซิงหยุนชอบ”
“ตระกูลซูก็ชอบเหมือนกัน”
ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองเขาเงียบๆ “เหตุผลนี้เพียงพอรึยัง? ”
ฉินหนานเซิง:“……”
“เหตุผลนี้จะบอกว่าพอมันก็พอแหละ……”
“แต่ว่าอา คนที่แต่งงานกับภรรยาก็คืออา ไม่ใช่เด็กน้อยทั้งสองคน อาแค่คิดถึงแต่พวกเขา แต่ไม่คิดถึงว่าตัวเองจะชอบหรือไม่ชอบ? ”
“ฉันไม่มีทางชอบผู้หญิงคนไหนหรอก”
“ดังนั้นซิงหยุนตระกูลซูชอบ ก็เหมาะสมแล้ว”
พอพูดจบ ชายคนนั้นหยิบปากกาขึ้นมาและเริ่มแก้ไขตัวเลขในไฟล์ “เรื่องประวัติมืดเนี่ย แกไปสืบมาแล้วกัน”
ฉินหนานเซิง:“……”
ดูเหมือนกับว่าเขากำลังขุดหลุม ฝังตัวเองยังงั้นเหรอ?
…………
ตอนบ่ายซูสือเยว่ยังคงอยู่กับลั่วเยียนเพื่อช่วยเธอวิเคราะห์สคริปต์
ระหว่างเวลาว่างที่ลั่วเยียนถ่ายทำอยู่นั้น เธอก็ออกไปซูเปอร์มาร์เก็ตด้านนอกเพื่อซื้อน้ำ
ตอนที่กลับมาที่กองถ่ายนั้น ก็เดินผ่านสตูดิโอของเฉิงเซวียนกับเซี่ยงหวั่นฉิง นักแสดงหลายคนกำลังพูดถึงเรื่องซุบซิบอยู่
“แฟนของเฉิงเซวียนคนนั้นช่างทำให้ฉันรู้สึกขำจะตายอยู่แล้ว แม้แต่บทธรรมดาๆ แบบนี้ก็เล่นได้ไม่ดี! ”
“ฝีมือการแสดงแบบนี้ กลับเป็นนักแสดงสุดฮอต Golden Bull Award ปีนี้ เช้าวันนี้ยังเล่นไม่ผ่านสักบทเลย”
“ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นนักแสดงได้ยังไง”
ได้ยินคำพูดของพวกเธอ ซูสือเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา
เซี่ยงหวั่นฉิงไม่เคยเรียนรู้ทักษะการแสดงอย่างเป็นระบบ เมื่อก่อนการที่เธอสามารถแสดงได้ ก็อาศัยพึ่งซูสือเยว่อยู่เบื้องหลังคอยปรับอารมณ์และก็วิเคราะห์ตัวละครให้กับเธอ!
ตอนนี้ออกห่างจากเธอไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าเซี่ยงหวั่นฉิงจะน่าผิดหวังขนาดนี้
“ซูสือเยว่!”
ตอนที่เธอกำลังยกเท้าเตรียมจะเดินออกไปนั้น ก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งเรียกเธอเอาไว้ เฉิงเซวียนนั่นเอง
เขาก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วก็ดึงเธอไปอีกฝั่งหนึ่ง “ฉันไปถามมาแล้ว วันนี้ลั่วเยียนไม่จำเป็นต้องใช้แสตนอิน วันนี้ทั้งวันเธอไม่มีงานทำ”
พอพูดจบ เขาก็ยัดสคริปต์ของเซี่ยงหวั่นฉิงใส่มือของเธอ “ไปวิเคราะห์สคริปต์ห์ให้หวั่นฉิง ยิ่งเร็วยิ่งดี”
“หวั่นฉิงใกล้จะแสดงไม่ไหวแล้ว!”
ซูสือเยว่มองดูสคริปต์ในมือของตัวเอง แล้วก็ยิ้ม “แล้วทำไมฉันต้องช่วยเธอด้วย? ”