พอซูสือเยว่พูดจบ ลั่วเยียนถึงได้รู้ว่าเธอเข้าใจอะไรผิดไป
หญิงสาวแก้มออกมาเบาๆ “ซู……เจ้าของสวี่”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ฉันก็แค่……ตกใจนิดหน่อย”
ตกใจที่ซูสือเยว่แต่งหน้าตัวเองจนกลายเป็นแบบนี้
ก่อนหน้านี้ฉินโม่หานบอกเธอว่าซูสือเยว่แต่งหน้าด้วยเอฟเฟคพิเศษ เปลี่ยนตัวเองเป็นอีกคนนึง เธอยังไม่เชื่อ ว่าซูสือเยว่ที่หน้าตาสะสวยขนาดนี้ จะเปลี่ยนไปเป็นคนน่ะขี้เหร่ได้ยังไง?
แต่ว่าตอนนี้……
ตอนที่เธอได้มองผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเอง ลั่วเยียนก็เข้าใจ
เธอคิดน้อยเกินไปหน่อย
ความมุ่งมั่นที่จะหน้าตาน่าเกลียดของซูสือเยว่ เป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถคาดการณ์หรือจินตนาการได้เลย
ผู้หญิงคนนี้ ไม่สนใจหน้าตาของตัวเองเลยจริงๆ
ก็จริง
ยังไงตอนนี้เธอก็เปลี่ยนชื่อของตัวเองแล้ว
ตอนนี้ทุกคนต่างรู้จักเธอในนามสวี่หรง ไม่มีใครรู้ ว่าที่จริงแล้วเธอคือคุณนายฉินที่หายตัวไป ไม่มีใครรู้ว่าเธอคือคนที่ท่านชายฉินตามหามา 1 เดือนกว่าแล้ว
“ใบหน้าของฉัน เดี๋ยวถ้าคุณชินก็เริ่มดีขึ้นค่ะ”
ซูสือเยว่ยิ้มหยังก็เขิน
ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจะทำให้ลั่วเยียนตกใจ ตอนแรกเธอจะไม่ให้คนแต่งหน้า แต่งหน้าเธอให้ดูโหดร้ายขนาดนี้หรอก!
“อืม เดี๋ยวฉันก็คงชินแหละค่ะ”
ลั่วเยียนถอนหายใจ แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง ที่อยู่ด้านหลังของสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง “ที่นี่สวยมากเลย”
“ขอบคุณค่ะ”
เดิมทีซูสือเยว่อยากจะเข้าไปพยุงลั่วเยียน
แต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อกี้ ที่ใบหน้าของเธอทำให้ลั่วเยียนตกใจแทบแย่ เธอก็เลยลังเล
สุดท้าย ลั่วเยียนก็เดินเข้ามา แล้วก็กอดแขนของซูสือเยว่ “พวกเราเข้าไปกันเถอะค่ะ!”
การที่จู่ๆ หญิงสาวก็เข้ามาสนิทกับเธอแบบนี้ ทำให้ซูสือเยว่พึ่งไปช่วงหนึ่ง
แต่ว่าก็เพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้น
หลังจากนั้นเธอก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ได้ค่ะ พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
พอพูดจบ หญิงสาวทั้งสองคนก็เกาะแขนกันเข้าไปในยิม ต่างลืมไปเลยว่าด้านหลังของพวกเธอนั้น ยังมีชายหนุ่มร่างสูงยืนอยู่คนหนึ่ง
“แพ้”
“นี่แด๊ดดี้ถูกเมินอย่างนั้นหรอ? ”
“คนที่หล่อเหลาอย่างแด๊ดดี้ยังถูกเมินได้! แน่นอนว่ามิตรภาพของหญิงสาวยังน่าเชื่อถือกว่าความรักอีก!”
ในหูฟังนั้น มีเสียงเด็กน้อยทั้ง 3 คนพูดคุยกัน
ฉินโม่หานขมวดคิ้ว แล้วก็ปิดกล้องในกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยความหงุดหงิด
หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็กลายเป็นสีเทาทันที
ภายในคฤหาสน์ตระกูลฉิน เด็กน้อยทั้ง 3 คนมองหน้ากัน ใบหน้าดูเหมือนงง
ซิงกวง:”หนูพูดแรงไปหรือเปล่า? ทำไมแด๊ดดี้ถึงตัดสัญญาณไปด้วยความโกรธด้วยล่ะ? ”
ซิงเฉิน:“บางทีแด๊ดดี้อาจจะไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของเธอหรอก แต่ว่ารู้สึกน่าอายมากกว่าหรือเปล่า? ไม่ง่ายเลยกว่าจะตามหาหม่ามี๊เจอ แถมยังพยายามเข้าไปเกี่ยวข้องกับหม่ามี๊อีก แต่ว่าในสายตาของหม่ามี๊ กลับมีแค่น้าลั่วเยียน!”
ซิงหยุนเคาะแป้นพิมพ์เงียบๆ “ไม่เป็นไรหรอก แด๊ดดี้ปิดกล้อง แต่ว่าพี่ยังสามารถเจาะเข้าไปในระบบกล้องวงจรปิดของสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง ก็ได้เห็นสถานการณ์ข้างในเหมือนกันแหละ”
พอพูดจบ หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขาก็ปรากฏให้เห็นภาพวิดีโอในสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง
สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของเด็กน้อยทั้ง 3……
ก็คือคุณตาของพวกเขาเจี่ยนเฉิงและเจี่ยนหมิงจง กำลังนั่งดื่มชานมแล้วก็เล่นการพนันกัน
เจี่ยนหมิงจงเป็นคนพูดก่อน “ฉันวางเดิมพันว่าวันนี้ฉินโม่หานจะหาเหตุผลให้ได้อยู่ที่นี่ ไม่กลับ”
เจี่ยนเฉิงมองเขาด้วยความสงสัย “ถ้าอย่างนั้นฉัน……ก็จะพนันว่าวันนี้เขาจะอยู่ที่นี่ไม่กลับเหมือนกัน!”
หลายวันมานี้นับตั้งแต่ที่เขาเริ่มพนันกับเจี่ยนหมิงจง กระเป๋าของเขาก็ว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว
เมื่อวานซูสือเยว่เพิ่งจะให้เงินเขาไว้ใช้จ่าย เขาอยากจะใช้อย่างเสียเปล่าแบบนี้
เจี่ยนหมิงจงมีเงินที่หลิงหรานกับหลิงซือยู่ให้มา แต่ว่าเขามีแค่ซูสือเยว่ที่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว !
“แกกับฉันพนันเหมือนกัน แล้วใครจะเป็นฝ่ายตรงข้ามล่ะ? ”
เจี่ยนหมิงจงกลอกตา “เลือกใหม่เลย”
เจี่ยนเฉิงเถลิงตาใส่เขา “ฉันไม่มีวันยอม!”
ตอนที่ชายแก่ทั้งสองคนเถียงกัน ด้านข้างๆ กล้องนั้นก็มีเสียงเด็กน้อยดังขึ้น
เสียงนุ่มๆ ของซิงเฉิน “คุณตาทั้งสองคน ให้พวกผมเป็นฝ่ายตรงข้ามไหมครับ? ”
“ผมพนันว่าแด๊ดดี้จะไม่อยู่ที่สถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง ต่อ หลังจากส่งน้าลั่วเยียนเสร็จแล้ว เขาก็จะออกไปทันที”
คำพูดของเด็กน้อย ทำให้เจี่ยนเฉิงกับเจี่ยนหมิงจงรีบเงี่ยหูฟังในทันที
ชายแก่ทั้งสองคนหาอยู่พักหนึ่ง ถึงได้พบว่า มันเป็นเสียงที่มาจากกล้อง
เจี่ยนหมิงจงขมวดคิ้ว “ซิงหยุนเป็นคนทำหรอ? ”
“พี่ใหญ่เป็นคนทำครับ”
ซิงเฉินยิ้มตาหยี “แล้วสรุปว่า คุณตาทั้งสองจะพนันกันไหมครับ? ”
จะพนันไหม
เจี่ยนเฉิงกับเจี่ยนหมิงจงมองหน้ากัน “เอาสิ!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
ซิงเฉินกระแอม “ถ้าเกิดว่าพวกตาชนะ พรุ่งนี้ตอนที่แด๊ดดี้ไปที่สถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง ผมจะให้เขาเอาเงินใส่ไว้ในกล่องจดหมายด้านหน้า”
“แต่ว่าถ้าเกิดว่าพวกเราชนะ……พวกตาต้องรับปากอะไรพวกเราหนึ่งเรื่อง โอเคไหมครับ? ”
“มันไม่ใช่เรื่องที่ทำให้พวกตาลำบากใจอย่างแน่นอน มันเป็นเรื่องที่พวกตาทำได้!”
คำพูดของซิงเฉิน ทำให้เจี่ยนเฉิงกับเจี่ยนหมิงจงมองหน้ากัน
สุดท้าย ชายแก่ทั้งสองคนก็พยักหน้าอย่างรุนแรง “ได้!ตกลงตามนี้!”
พอปิดไมโครโฟน ซิงกวงก็มองซิงหยุนเงียบๆ “พี่รู้ได้ยังไงว่าวันนี้แด๊ดดี้จะต้องกลับออกมาอย่างแน่นอน? ”
“ถ้าเกิดว่าเขาอยู่ที่นั่นต่อ……พวกเราก็แพ้น่ะสิ? ”
ซิงหยุนยิ้มอย่างมั่นใจ “เพราะว่าวันนี้พวกเราโดดเรียน พี่คุยกับครูอนุบาลเรียบร้อยแล้ว อีกพักหนึ่ง เธอจะโทรหาแด๊ดดี้ ฟ้องเขาเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเราไม่ไปเรียนในวันนี้”
“ถึงแม้ว่าในใจของแด๊ดดี้ หม่ามี๊จะสำคัญมาก แต่ว่าพวกเรา 3 คนก็สำคัญเหมือนกัน!”
ซิงกวง:“……”
“นี่มันเรียกว่าขี้โกงไม่ใช่หรอ?”
ซิงเฉิน “ขอแค่เธอกับพี่ใหญ่ไม่พูด คุณตาทั้งสองคนก็ไม่รู้หรอกว่าพี่ขี้โกง!”
ซิงกวง:“……”
แต่ ตอนที่เด็กทั้งสามคนกำลังคุยกันว่าจะขออะไรกับตาทั้งสองคน ครูอนุบาลก็โทรมา
“ซิงเฉิน ครูโทรหาแด๊ดดี้ขอพวกหนูแล้ว แต่ว่าโทรไม่ติดเลย”
ซิงเฉินขมวดคิ้วเข้าหากัน “เป็นไปได้ยังไง?”
“จริงๆ นะ โทรไป 3 รอบแล้วไม่มีใครรับสาย”
คุณครูที่อยู่ปลายสายนั้นถอนหายใจออกมา “ช่วยหนูไม่ได้แล้ว”
โทรศัพท์ก็ตัดไป ซิงเฉินยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ซิงหยุนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ดูเหมือนว่าพวกตาจะห้ามไม่ให้เราโกง……”
“ปิดกั้นสัญญาณโทรศัพท์มือถือ”
ซิงเฉิน:“……”
ซิงกวง:“……”
ที่แท้ ขิงแก่ก็เผ็ดกว่าจริงๆ
ตอนที่เด็กทั้ง 3 คนกำลังคิดว่าครั้งนี้ตัวเองต้องแพ้อย่างแน่นอน ประตูของสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง ก็ถูกเปิดออก
ชายในชุดสูทและรองเท้าหนังก็เดินออกมาจากสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง อย่างสง่างาม
เด็กทั้ง 3 คนเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
ทั้งๆ ที่แด๊ดดี้ไม่ได้รับสายจากครูอนุบาล……
แล้วทำไมถึงออกมาจากยิมเองล่ะ?
ซิงเฉินทนไม่ไหว หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาฉินโม่หาน
ชายหนุ่มขึ้นไปนั่งบนรถด้วยใบหน้าที่พึ่ง แววตานิ่งเรียบและน้ำเสียงก็เฉยเมย “พวกเด็กๆ อย่างลูกๆไปเข้าใจอะไร? ”
“รู้จักกลยุทธ์ที่เรียกว่า แสร้งปล่อยเพื่อจับไหม? ”