ลั่วเยียนเบิกตากว้างออกมาอย่างตื่นตกใจ
ผู้ปกครองของนักเรียนกำลังโวยวายอยู่ข้างนอก บอกว่าซูสือเยว่ทำร้ายลูกของพวกเขา?
เธอย่นคิ้วออกมา ถ้าจำไม่ผิดล่ะก็ นักเรียนที่ซูสือเยว่ทำร้ายไป…มีเพียงแค่หัวหน้าในกลุ่มเด็กผู้หญิงที่หัวเราะเยาะบอกว่าเธอน่าเกลียดคนนั้น
อีกอย่างถึงแม้ว่าซูสือเยว่จะเก่งศิลปะการต่อสู้ แต่กับเด็กผู้หญิงพวกนั้นเธอก็ได้ออมมือแล้ว
ไม่งั้นแล้วล่ะก็เธอไม่มีทางจะเพียงแค่ตกลงบนเบาะไปง่ายๆอย่างนั้นหรอก
แค่นี้…
ก็ต้องบอกว่าซูสือเยว่ทำร้ายลูกของพวกเขาด้วย?
ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมา และก็คงจะนึกถึงขึ้นมาได้ว่าคนที่บอกว่าเธอทำร้ายไปคนนั้นคือใคร
หญิงสาวแสยะยิ้มออกมา เลิกสายตาขึ้นมองพนักงานคนตรงหน้า “ฉันออกไปดูสักหน่อย”
พูดจบ เธอไม่แม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ได้ก้าวเดินออกไปโดยทันที
ลั่วเยียนชะงักไป และก็ได้รีบเดินตามไป
ด้านนอกสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง
เฉินตานตานเด็กหญิงที่ถูกซูสือเยว่สั่งสอนไปเมื่อก่อนหน้านี้กำลังนั่งอยู่บนรถเข็น พ่อกำลังยืนอยู่ด้านซ้ายมือ แม่กำลังคุกเข่าอยู่ทางขวามือของเธอ
ทั้งครอบครัวก็กำลังร้องเรียนถึงพฤติกรรมที่ชั่วช้าของสวี่หรงเจ้าของสวี่แห่งนี้กันออกมา
“พวกเราส่งลูกมา ก็เพื่อให้เธอสอนทักษะการป้องกันตัวให้ลูก!”
“แต่ผลที่ได้ล่ะ? เธอทำลูกของพวกเราให้กลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแล้วยังทำร้ายเด็กจนบาดเจ็บในคลาสสอนของเธออีก!”
“เธอเป็นคนที่เรียนศิลปะการต่อสู้มานะ!คนที่สามารถเปิดสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง ได้ คนไหนกันที่จะไม่ใช่คนที่มีทักษะในศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงกัน?”
“ฝีมือในศิลปะการต่อสู้ของเธออยู่ในระดับสูง แต่กลับยังลงมือกับลูกของพวกเราอีก ไม่ใช่ว่าเห็นว่าบ้านของพวกเราจนแล้วมันน่ารังแกนักหรือไง?”
“เธอทำร้ายลูกของพวกเราให้ลูกของคนรวยดู มันช่างเลวทรามมากจริงๆ! ดูถูกคนจนกันนี่นา!”
……
สองสามีภรรยาเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย บวกกับน้ำตาของเด็กผู้หญิงที่ชื่อว่าเฉินตานตานคนนั้นด้วยอีก คนที่อยู่รอบๆก็มารวมตัวกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ มีท่าทางที่อยากจะลากซูสือเยว่มามาตัดสินคดีให้รู้ดำรู้แดงไปเลย
ลั่วเยียนย่นคิ้วออกมา นี่กำลังทำอะไรกัน?
ทั้งๆที่ซูสือเยว่ไม่ได้ทำอะไรกับลูกของพวกเขาเลยนะ…
สูดหายใจเข้าไปลึกๆ ซูสือเยว่แสยะริมฝีปากออกมา ก้าวขาเดินเข้าไป “เฉินตานตาน บอกฉันมาสิว่าเธอบาดเจ็บตรงไหน?”
ร่างของเฉินตานตานที่นั่งอยู่บนรถเข็นได้หดตัวไปข้างหลังทันที “ฉัน…”
“ฉันบาดเจ็บที่อวัยวะภายใน ไหล่ก็บาดเจ็บด้วยเหมือนกัน…”
“แล้วก็ยังมี…”
เด็กสาวมองพ่อที่ยืนอยู่ทางด้านซ้ายของเธอไปทันที “ขาเองก็ด้วย…”
“อย่างนี้สินะ…”
ซูสือเยว่แสยะริมฝีปากออกมา เดินก้าวใหญ่ๆตรงเข้าไป แล้วเข้าไปลากเฉินตานตานขึ้นมาจากรถเข็นทันที
มือของหญิงสาวเคลื่อนไหวลงไปสองสามท่าอย่างว่องไวไร้ที่ติ
หลังจากที่ได้ยินแค่เพียงเสียงแกรกที่ดังขึ้นจากร่างของเฉินตานตาน ขึ้นมาแล้วเฉินตานตานก็ได้กรีดร้องออกมาอย่างรุนแรง!
“เจ็บ——!”
ซูสือเยว่ยกยิ้มเย็นออกมา โยนเด็กสาวไปบนรถเข็น จากนั้นก็ปัดฝุ่นที่อยู่บนร่างไปด้วยท่วงท่าที่สง่างาม
“ตอนนี้ได้แล้ว”
“ฉันเตะขาของเธอ หักกระดูกตรงไหล่ออก อวัยวะภายในก็…”
หญิงสาวแสยะยิ้มออกมา “ก็คงจะบาดเจ็บด้วยนิดหน่อย”
“ฉันควบคุมแรงเอาไว้ได้ไม่ดี”
การกระทำนี้ของเธอ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นตะลึงตาค้างกันออกมาทันที
เห็นกลุ่มคนมีใบหน้าที่ตื่นตะลึงกันออกมา ซูสือเยว่ก็ยิ้มออกมา “ไม่ใช่ว่าฉันทำร้ายอวัยวะภายใน ไหล่ แล้วก็ขาเธอบาดเจ็บหรือไง?”
“ตอนนี้ก็บาดเจ็บจริงๆแล้ว”
พูดจบ เธอก็หันไปเลิกคิ้วให้กับพ่อแม่ของเฉินตานตาน “ยังไม่ไปส่งโรงพยาบาล?”
เห็นเฉินตานตานเจ็บจนหน้าซีดออกมา พ่อแม่ของเธอไม่เพียงจะไม่รีบพาเธอไปส่งโรงพยาบาลแต่กลับยังยื่นมือออกมาทางซูสือเยว่
“เธอไม่ให้เงินพวกเรา บ้านพวกเราจนขนาดนั้น จะไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้ยังไง!?”
ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมา แสยะยิ้มออกมา “งั้นถ้าฉันจะไม่ให้ล่ะ? ทำไม อยากให้ลูกสาวของพวกคุณเจ็บตายอยู่ที่ตรงนี้?”
คำพูดของหญิงสาวทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆอดไม่ได้ที่จะย่นคิ้วกันออกมา
“ผู้หญิงคนนี้ใจร้ายจริงๆเลย นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำร้ายคนอื่นเขาจริงๆ!”
“เหมือนว่าพ่อแม่ของเด็กคนนี้จะพูดมาไม่ผิดเลย ผู้หญิงคนนี้นั้นมันเลวทราม!”
“น่าสงสารจริงๆเลย เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆถูกเธอทำร้ายในคลาสเรียน ตอนนี้ยังมาทำร้ายกันอีก…”
……
เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรอบๆยิ่งดังขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ซูสือเยว่กลับยืนอยู่กลางกลุ่มคนด้วยใบหน้าที่เย็นชา สายตากวาดมองไปยังพ่อแม่ของเฉินตานตานไปด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง “ไม่รีบเอาคนไปส่งโรงพยาบาลจริงๆ?”
เฉินตานตานที่อยู่บนรถเข็น ได้เจ็บจนใกล้จะสลบไปแล้ว
แม่ของเฉินตานตานเห็นลูกสาวเจ็บปวดขนาดนั้นแล้วก็ได้พุ่งตรงเข้าไปยังซูสือเยว่ทันที
“เธอมันเป็นผู้หญิงที่น่าขยะแขยงเสียจริง!”
“เปิดสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง อะไรกัน เธอมันเลวทรามต่ำช้า!”
ตอนที่เธอพุ่งเข้าไปหาซูสือเยว่ ซูสือเยว่ก็ย่นคิ้วออกมา อันที่จริงก็ได้เตรียมตัวรับมือเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
แต่ว่า——
ผู้หญิงวัยกลางคนพุ่งเข้าไปได้ครึ่งทาง มือข้างหนึ่งได้ยื่นออกมา เข้ามาขวางเธอเอาไว้
ฉินโม่หานบีบมือของผู้หญิงคนนั้นกลับไปทันที
“ท่านชายฉิน?”
ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา มองชายคนตรงหน้าไปอย่างตื่นตะลึง
คนที่อยู่โดยรอบต่างพากันช็อกกันขึ้นมา
ท่านชายฉินแห่งฉินซื่อกรุ๊ป ฉินโม่หาน
เขาไม่ใช่ว่าปกติแล้วจะงานยุ่งมาก เป็นคนที่โผล่หน้าออกมาเป็นแวบๆแล้วก็หายไปหรอกหรอ?
ทำไมถึงได้มาปราฏอยู่ตรงที่หน้าประตูทางเข้าสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง เล็กๆนี้ได้ แล้วยังเข้ามาขัดขวางการโจมตีให้กับเจ้าของที่น่าเกลียดคนนี้อีก?
“ฉันเอง”
ฉินโม่หานแสยะริมฝีปากออกมา ร่างสูงใหญ่ที่ทรงพลังกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว สายตาประดับไปความเยือกเย็นออกมา
“ปากบอกคำแล้วคำเล่าว่ารักลูกสาว แล้วยังสมัครคลาสศิลปะป้องกันตัวให้ลูกเพื่อความปลอดภัยของลูกสาว…”
“ทำไมลูกสาวเจ็บนกลายเป็นอย่างนี้แล้ว ยังไม่ไปโรงพยาบาลอีก?”
คำพูดของชายหนุ่มได้ทำให้พ่อแม่ของเฉินตานตานย่นคิ้วออกมา “พวกเราจนไง!”
“พวกเราไม่มีเงิน…”
“ถ้าไม่มีเงินล่ะก็ โอเค”
ชายหนุ่มแสยะยิ้มออกมา หันหน้าไปชำเลืองมองไป๋ลั่ว “พาพวกเขาไปโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายพยาบาลทั้งหมดฉันจะออกไปก่อนเอง”
ไป๋ลั่วพยักหน้าตอบรับออกมา “ครับ”
พูดจบฉินโม่หานก็กวาดสายตามองสามคนพ่อแม่ลูกไปนิ่งๆ “ยังไม่ไปอีก?”
แม่คนนั้นก็ได้ย่นคิ้วออกมา แลกเปลี่ยนสายตากับคนที่เป็นพ่อไป
สุดท้ายแม่ของเฉินตานตานได้เข็นเฉินตานตานเดินตามไป๋ลั่วออกไป
แต่พ่อของเฉินตานตานยังคงอยู่ที่เดิม
ฉินโม่หานแสยะริมฝีปากออกมา มองชายวัยกลางคนคนนั้นไปนิ่งๆ “ไม่ไปดูลูกสาวสักหน่อย?”
คุณพ่อเฉินย่นคิ้วออกมา ยกมือขึ้นมาชี้ซูสือเยว่
“นังผู้หญิงชั่วคนนี้ยังไม่ชดใช้ค่าเสียหายมาเลย!”
“อีกอย่างถึงแม้ว่าคุณฉินจะยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พวกเรา มันก็ไม่ควรจะลอยลวนไปอย่างนี้!”
“มันเองก็ควรจะชดใช้เงินให้กับลูกสาวของฉันด้วย!”
ฉินโม่หานยักไหล่ออกมา “งั้นคุณก็ไม่สนความปลอดภัยที่แท้จริงของลูกสาวตัวเอง อยู่ที่นี่ต่อก็เพื่อให้เจ้าของสวี่ชดใช้เงินให้?”
คุณพ่อเฉินเงียบไปสักพักหนึ่ง แล้วก็ได้พยักหน้าออกมาอย่างแรง “ใช่!”
“ก็แค่อยากให้ยัยผู้หญิงจิตใจชั่วช้าคนนี้ชดใช้เงินมา!”
“หล่อนชดใช้เงินมาแล้ว พวกเราถึงจะ…”
“เป้าหมายของพวกนายถึงจะบรรลุผลสำเร็จ”
ฉินโม่หานแสยะริมฝีปากออกมา “คลาสฝึกศิลปะการป้องกันตัวผู้หญิงที่มีราคาคลาสละหนึ่งหยวน เป้าหมายเพียงเพื่อให้เหล่าเด็กผู้หญิงที่บ้านยากจนมีโอกาสได้เข้าเรียนคลาสนี้กันได้”
“แต่พวกนายกลับคิดกันว่าจะมาใส่ร้ายรีดไถเงินกันยังไง”
พูดจบ ชายหนุ่มก็ได้หยิบโทรศัพท์ออกมา อ่านข้อมูลที่อยู่ในโทรศัพท์ไปนิ่งๆ
“เฉินเจี้ยนฮั๋ว เพศชาย อายุ46ปี ผู้ต้องสงสัยคดีต้มตุ๋นรีดไถเงินหลายคดี มักจะใช้วิธีการก่ออาชญากรรมโดยใช้ครอบครัวมารวมหัวกันเป็นหมู่คณะ…”
คำพูดของฉินโม่หานทำให้คุณพ่อเฉินเลือดขึ้นหน้าขึ้นมาทันที
“นี่ไม่ใช่…มันไม่ใช่ความจริง!”
“เรื่องโกหกทั้งนั้น!”
“งั้นเหรอ?”
ฉินโม่หานแสยะริมฝีปากดูเวลาไป “ตำรวจก็ใกล้จะมาถึงแล้ว”
“คำพูดของตำรวจ คงจะไม่มีทางเป็นเรื่องโกหกหรอกมั้งใช่มั้ย?”
คำพูดนี้ของเขาพูดออกมา สีหน้าของเฉินเจี้ยนฮั๋วไปเปลี่ยนไปทันที แล้วก็ได้ผันร่างเบียดหนีเข้าไปในกลุ่มคนทันที
หลังจากที่กลุ่มคนตกตะลึงตาค้างกันอยู่นั้นเอง ก็ได้เข้าใจกันขึ้นมา
นี่สวี่หรงเจ้าของสวี่…ถูกมิจฉาชีพรีดไถเงิน
“นึกไม่ถึงว่าคลาดเรียนคลาสละหนึ่งหยวนยังถูกรีดไถเงินได้อีก…”
“ช่างน่าสงสารจริงๆเลย…”
เห็นผู้คนทอดถอนหายใจ ทยอยแยกย้ายกันออกไป
รอจนเหล่าผู้คนเดินกันออกไปเสร็จแล้ว ฉินโม่หานก็ได้ผันร่างกลับมา มองซูสือเยว่ไปอย่างอ่อนโยน “คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?”