ฉินโม่หานเลิกสายตาขึ้นมองซูสือเยว่ไปนิ่งๆ สายตาอ่อนโยน น้ำเสียงทุ้มต่ำ “หรือว่าผมยังแสดงออกไปยังไม่ชัดเจนพองั้นเหรอครับ?”
เสียงและสายตาของเขาล้วนแล้วแต่จะดูอ่อนโยนดูเท่แบบพอดีๆ ยั่วยวนออกมาจนซูสือเยว่หน้าแดงไปถึงหู การเต้นของหัวใจเองก็เร็วขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่
เห็นสีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนมาแดงออกมาแล้ว ฉินโม่หานก็แสยะริมฝีปากออกมา เกี่ยวเอาปอยผมไปทัดเอาไว้ข้างหลังใบหูของเธอไปด้วยท่วงท่าที่อ่อนโยน “เจ้าของสวี่ หน้าคุณแดงออกมาแล้ว”
ซูสือเยว่จิตใจยุ่งเหยิงขึ้นมาทันที
เธอกัดริมฝีปาก เบือนหน้าออกไปไม่กล้ามองเขา หัวใจเต้นตึกตักเหมือนกับกำลังตีกลองออกมา
ผ่านไปได้สักพัก เธอก็ได้ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็หันหน้าไปมองหน้าฉินโม่หาน “ถ้าคุณคิดจะจีบฉันล่ะก็…”
“แล้วซูสือเยว่ภรรยาของคุณล่ะ?”
“คุณไม่สนใจเธอ ไม่ตามหาเธอ ไม่ต้องการเธอแล้วเหรอ?”
ฉินโม่หานพยักหน้าตอบรับออกไปนิ่งๆ หันกลับมานั่งบนเก้าอี้ให้เรียบร้อย “อืม”
อืม???
คิ้วของซูสือเยว่ย่นเข้าหากันแน่น
หมายความว่าอะไร?
ผู้ชายคนนี้ก็คือไม่ต้องการเธอแล้ว อยากจะเปลี่ยนไปรักคนอื่นแล้ว ใช่หรือไม่?
“เธอไม่สนใจผม ผมเองก็ไม่จำเป็นจำต้องสนใจเธอเหมือนกัน”
น้ำเสียงนิ่งเรียบของชายหนุ่มได้แฝงไปด้วยความรู้สึกเศร้าอยู่บ้าง “ถึงแม้ว่าผมจะทำผิดไป แต่ผมก็ทำไปเพื่อเธอ…”
“ยิ่งไปกว่านั้น ผมเองก็กำลังพยายามแก้ไขความผิดพลาด และแสดงความเสียใจกับสิ่งที่ผมได้ทำลงไปอย่างเต็มที่แล้ว”
“แต่ซูสือเยว่ล่ะ?”
“จากไปโดยไม่ลา ไม่เพียงแต่จะจากไปโดยไม่ลา ยังพาพ่อทั้งสองคนของเธอไปด้วย”
“เธอเดินออกไปอย่างสบายใจ ปิดบังชื่อแซ่ไม่ให้ใครรู้ เห็นผมวิ่งวุ่นตามหาเธอไปทั่วเหมือนแมลงวันหัวขาด”
“แต่เธอเคยคิดบ้างมั้ยว่าผมกับลูกทั้งสามคนจะคิดถึงเธอกันขนาดไหน?”
“ทุกคืนซิงหยุนจะนอนไม่หลับ ซิงเฉินจากเดิมที่เป็นเด็กที่ชอบพูดมากขนาดนั้นก็ไม่ยอมพูดไปเสียแล้ว ส่วนซิงกวงนั้นน่าสงสารเสียยิ่งกว่า”
“เด็กคนนั้นผอมลงสองสามกิโลในช่วงเวลาสั้นๆแค่เดือนเดียว”
“บนร่างของเธอเดิมทีก็ไม่ได้มีเนื้อมีหนังเท่าไหร่อยู่แล้ว ตอนนี้แม้แต่ชุดกระโปรงตัวเล็กๆก็ยังหลวมเสียจนใส่ไม่ได้เลย”
ชายหนุ่มพูดไป พลางยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบไปอย่างแรง “ซูสือเยว่เคยคิดถึงพวกเราบ้างมั้ย?”
“เธอไม่เลย เธอคิดเพียงแค่ว่าผมผิดต่อเธอ เธอไม่รู้ว่าควรจะยกโทษให้ผมหรือเปล่า ก็เลยจากไปเสียอย่างนั้นเลย”
สุดท้าย ฉินโม่หานก็เงยหน้าขึ้นมา สายตามองซูสือเยว่ไปนิ่งๆ “ถ้าในใจของเธอยังรู้สึกห่วงหาพวกเราอยู่ ก็ไม่ควรจะจากไปโดยไม่มีข่าวคราวนานขนาดนี้”
“ดังนั้นแล้ว เธอนั้นก็ไม่เคยจะคิดถึงผมกับพวกเด็กๆเลย ทำไมผมยังจะต้องรักษาตนให้บริสุทธิ์ดั่งหยกเพื่อเธออีก?”
พูดจบ เขาก็ได้มองสำรวจซูสือเยว่ขึ้นลงไปรอบนึง “ผมคิดว่าเจ้าของสวี่ คุณดีมาก”
“สามารถเปิดสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง ช่วยเหลือเหล่าเด็กผู้หญิง จะต้องเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและมีจิตใจดีแน่นอน หลังจากนี้ไปคุณกับผมคบอยู่ด้วยกัน ก็จะปฏิบัติต่อลูกๆของผมเหมือนกับแม่แท้ๆที่ปฏิบัติต่อลูก”
“อีกอย่างคุณก็มีความรับผิดชอบ มีความกระตือรือร้น และไม่โลภอยากได้เงินทองและอำนาจของผมด้วย”
“อย่างนั้นแล้ว”
ชายหนุ่มมองซูสือเยว่ไปอย่างจริงจัง “เจ้าของสวี่หรง ผมต้องการจะจีบคุณจริงๆ”
ซูสือเยว่ถูกคำพูดนี้ของเขาทำเอาช็อกจนพูดไม่ออกอยู่นาน
เธอมองหน้าของเขา อ้าปากออกมาอย่างทำอะไรไม่ถูก แต่มันกลับพูดไม่ออกเลยสักคำ
ในช่วงเวลาที่จากเขามา เธอเริ่มต้นจากไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี มาจนไม่มีความเคลื่อนไหวในตอนหลัง จนมาถึงขั้นปิดบังตัวตนเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้อย่างตอนนี้
เธอเองก็เคยนึกเสียใจภายหลังอยู่เหมือนกัน
แต่สุดท้ายแล้วเธอก็เลือกเส้นทางสายนี้ขึ้นมาเอง
แต่ทว่าในเวลานี้ โดนฉินโม่หานพูดทั้งหมดออกมาอย่างโหดร้ายขนาดนั้นแล้ว หัวใจของซูสือเยว่ก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเหมือนกับถูกเข็มทิ่มแทงลงมาก็ไม่ปาน
เธอรู้ว่าเธอผิด
เธอไม่ควรจากลูกน้อยทั้งสามมาเพราะขัดแย้งกับฉินโม่หาน หรือเพราะว่าไม่อยากยอมรับการขอโทษจากฉินโม่หาน
แต่ว่าไม่ใช่
เธอไม่ใช่แม่ที่ไม่มีหัวใจ
เมื่อก่อนตอนที่พวกเขาอยู่ที่เมืองสตัฟฟ์ ซูสือเยว่เคยให้หลิงหรานกับหลิงซือยู่ช่วยถ่ายรูปลูกๆให้มานับครั้งไม่ถ้วน
ตอนนี้กลับมาที่เมืองหรง เจี่ยนเฉิงปลอมตัวไปถ่ายภาพลูกๆมาให้เธอ
ทุกครั้งในภาพที่เธอเห็นนั้นพวกเขาต่างก็มีความสุขสนุกสนานกัน
เธอนึกว่าพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ที่ดี ถึงขนาดที่ยังเคยรู้สึกเศร้าใจอยู่เลยว่าที่แท้พวกเขาไม่เจอแม่ก็ยังสามารถมีความสุขกันขนาดนี้ได้
แต่เธอไม่รู้เรื่องที่อยู่ในคำพูดของฉินโม่หานพวกนี้เลยจริงๆ
เธอไม่ใช่ว่าจะไม่เป็นห่วง ไม่กังวลเกี่ยวกับลูกๆ…
เวลาแบบนี้ เธอเองก็อยากจะโต้กลับไปให้ตัวเองด้วยเหมือนกัน
แต่กลับพูดไม่ออกเลยสักคำ
ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เธอเลือกเองทั้งนั้น
หรือว่าเธอจะต้องฉีกหน้าตัวเองยอมรับผิดไปกับฉินโม่หานไปในตอนนี้เลยงั้นเหรอ?
เธอทำไม่ได้
“สีหน้าของเจ้าของสวี่ไม่ค่อยดีเลย”
ฉินโม่หานถอนหายใจออกมา ตบไหล่เธอไปเบาๆ “ผมรู้ คุณคงจะรับกับคำพูดที่ผมพูดกับคุณไปเมื่อสักครู่ไม่ไหวไปสักพักนึง”
“คุณใจเย็นๆหน่อย”
“พรุ่งนี้ผมจะมาส่งลั่วเยียนต่อ”
พูดจบ เขาก็ลุกยืนขึ้น สาวเท้าก้าวใหญ่ๆเดินออกไป
ซูสือเยว่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองเงาร่างเบื้องหลังของเขาที่กำลังเดินออกไปอย่างเหม่อลอย
จนกระทั่งเงาร่างของชายหนุ่มเดินออกไปนาน เสียงเท้าบนห้องใต้บันไดก็ได้ดังขึ้นมา
เจี่ยนเฉิงกับเจี่ยนหมิงจงชายทั้งสองคนถอนหายใจกันออกมา เดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกัน
เจี่ยนหมิงจงอยู่ทางด้านซ้าย เจี่ยนเฉิงอยู่ทางด้านขวา ทั้งสองคนตบลงมาบนไหล่ของซูสือเยว่พร้อมกัน “ตอนนี้รู้แล้วหรือยังว่าทำไมตอนแรกพวกเราถึงได้อยากจะห้ามลูกไว้?”
เจี่ยนหมิงจงถอนหายใจออกมา “ในฐานะพ่อคนนึง พ่อเข้าใจถึงความเสียใจที่ไม่อาจได้อยู่กับลูกทำให้ลูกได้มีชีวิตวัยเด็กที่งดงามที่สุดได้””
“สือเยว่ เมื่อตอนนั้นลูกบอกว่าลูกยอมรับฉินโม่หานไม่ได้ พ่อเองก็แค่อยากจะให้ลูกใจเย็นสักหน่อย แต่ใครจะรู้ว่าลูกจะหนีมาอย่างนี้…”
“มาพูดเอาตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์”
เจี่ยนเฉิงถอนหายใจออกมา แล้วนั่งลงตรงตำแหน่งที่ฉินโม่หานได้นั่งลงไปเมื่อสักครู่ “เรื่องที่พวกเราควรจะคิดกันตอนนี้ คือจะแก้ไขยังไง”
“ในเมื่อเรื่องมันเป็นอย่างไปแล้ว ไม่อาจให้ซูสือเยว่ล้างเครื่องสำอางไปแบกหนามให้ไปขอให้ฉินโม่หานลงโทษไปโต้งๆได้หรอกมั้ง?”
“อีกอย่างเรื่องนี้ถึงแม้ว่าสือเยว่จะผิด แต่มันก็เป็นเพราะว่าฉินโม่หานเป็นคนทำผิดก่อน”
“ไม่อาจให้เขาไม่ชดใช้มา แล้วก็ให้สือเยว่กลับไปขอโทษหรอกมั้ง?”
เจี่ยนหมิงจงย่นคิ้วออกมา “เขาเองก็ชดใช้มาแล้วนี่ ไม่ใช่ว่าตามหาเธอมาแล้วเดือนนึงหรือไง?”
“นั่นไม่เหมือนกัน!”
เห็นดูชายชราทั้งสองคนกำลังจะทะเลาะกันขึ้นมาอีกครั้ง ซูสือเยว่หลับตาลง เอามือทั้งสองข้างมากุมหัวเอาไว้ด้วยความเหนื่อยหน่าย “ให้ฉันอยู่เงียบๆได้มั้ย”
เจี่ยนหมิงจงกับเจี่ยนเฉิงสบตากัน แล้วก็เลยไม่ได้พูดอะไรกันออกมา
ผ่านไปอีกสักพักนึง เจี่ยนหมิงจงก็ถอนหายใจออกมา “สือเยว่ พ่อมีไอเดียนึง”
ซูสือเยว่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา “ไอเดียอะไร”
“อย่างนี้…”
เจี่ยนหมิงจงแสยะยิ้มออกมาจางๆ “ในเมื่อตอนนั้นลูกจากฉินโม่หานมาก็อยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยเหมือนกัน”
“ตอนนี้ฉินโม่หานก็อยากจีบลูกด้วยเหมือนกัน งั้นลูกก็เริ่มต้นใหม่กับเขาไปเลย”
“รอให้ลูกได้กลายเป็นแฟนของเขาแล้ว ลูกก็จะสามารถมองดูลูกทั้งสามคนได้”
“ถึงตอนนั้นแล้วลูกเข้าไปสัมผัสแบบลงลึกเข้าไป ก็จะได้รู้ว่าที่เขาพูดมาวันนี้มันจริงหรือเท็จ”
ซูสือเยว่ลืมตาเงยหน้าขึ้นไป
เจี่ยนหมิงจงถอนหายใจออกมา ตบไหล่ของหญิงสาวไป “ตอนนี้ฉินโม่หานต้องการจะจีบลูกในตอนนี้ ไม่ตามหาลูกคนในอดีต เป็นเพราะว่าเมื่อตอนนั้นลูกทิ้งเขากับพวกลูกๆแล้วจากมา”
“รอจนลูกกับเขาได้คบกันใหม่อีกครั้ง ลูกก็ค่อยๆเผยพิรุธออกไปอีกที ให้เขารู้ว่าลูกก็คือลูก…”
“เขาจะต้องมีความรู้สึกดีๆต่อลูกแน่นอน บอกกับที่ผู้หญิงทั้งสองคนที่เขาชอบก็เป็นลูกทั้งนั้น ไม่มีทางจะทำให้ลูกต้องรู้สึกลำบากใจมากนักหรอก”
“ถึงตอนนั้นแล้ว ลูกเองก็ไม่ต้องขอโทษ เขาเองก็ไม่ต้องขอโทษ ลูกก็สามารถกลับไปอีกครั้ง ได้ผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่ายเลยไม่ใช่หรือไง?”
ซูสือเยว่นิ่งอึ้งไป
ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่านี่คงเป็น…ทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวของเธอที่ไม่ต้องการจะแบกหนามไปขอรับโทษจากเขาโดยทันทีอย่างตอนนี้
แผนซ้อนแผน
หลับตาลง เธอก็ถอนหายใจออกมา ผันร่างเดินกลับห้องไป “ฉันจะลองคิดดู”
พ่อทั้งสองยืนอยู่ที่ห้องรับแขก เห็นบานประตูบานนั้นปิดลงไปแล้วก็ได้ถอนหายใจกันออกมา
เจี่ยนเฉิงหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความไปหาซิงเฉิน
“หม่ามี๊ของพวกนายคงจะตกลง ยอมที่จะคบหากับแด๊ดดี้ของพวกนายแล้ว”
“คำขอของพวกนายพวกเราทำสำเร็จแล้วนะ”