ดอกกุหลาบที่เดิมราคาช่อละพันกว่าหยวน ถูกซูสือเยว่ขายไปในราคาช่อละ99หยวน
บอกกับการถ่ายทอดสดของนักข่าว เพียงแป๊บเดียว ตรงหน้าประตูทางเข้าสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง ก็มีคนต่อแถวยาว ดอกกุหลาบก็ถูกแย่งซื้อกันไป
อะลั่วที่เป็นพนักงานทำความสะอาดเข้ามาหาซูสือเยว่ด้วยท่าทีที่โกรธแค้น “เจ้าของสวี่ พวกเราขาดทุนเกินไปแล้ว!”
“ฉันเสิร์ชหาจากในคอมมาแล้วว่าดอกกุหลาบใหม่ที่เก็บมาใหม่ๆพวกนี้อย่างน้อยๆก็ต้องขายราคาสี่หลักขึ้นไปเลย แต่พวกเราขายแค่99หยวน มันจะขาดทุนเกินไปหรือเปล่า!?”
ซูสือเยว่นั่งไขว้ขา คิดบัญชีไปพลางยื่นดอกไม้ออกไปพลาง “นี่มันจะเรียกว่าขาดทุนได้ยังไงกันล่ะ?”
“ดอกไม้นี้ฉันซื้อมาเหรอ?”
อะลั่วส่ายหน้าออกมา “ไม่ใช่”
“ฉันจ่ายเงินแล้วเหรอ?”
อะลั่วก็ส่ายหน้าออกมาอีกครั้ง “เปล่า”
“อย่างนั้นแล้ว”
ซูสือเยว่ติดคิวอาร์โค้ดชำระเงินไปบนป้ายโฆษณาที่อยู่ข้างๆไปอย่างคล่องแคล่ว ขายดอกไม้ต่อไปพลาง ยิ้มออกมาพลาง “ในเมื่อฉันไม่ได้จ่ายไปสักหยวนเดียว งั้นไม่ว่าฉันจะขายออกไปเท่าไหร่ มันก็เป็นเงินที่ฉันได้มันทั้งหมด ถูกมั้ยล่ะ?”
อะลั่วนิ่งอึ้งไป ทันใดนั้นเองก็ได้พบว่าความคิดนี้ของซูสือเยว่เธอไม่อาจโต้แย้งไปได้เลย
หญิงสาวเม้มริมฝีปากออกมา “เจ้าของสวี่ ถึงแม้ว่าจะด้วยเหตุผลนี้…”
“เธอก็แค่มองว่าฉันกำลังอุทิศประโยชน์เพื่อสังคมเถอะ”
ซูสือเยว่ขี้เกียจจะพูดอธิบายกับอะลั่วออกไปต่อ จึงได้แสยะยิ้มออกมา “เธอไปเปิดอีกแผงนึงตรงฝั่งตรงข้าม พวกเราจะได้ขายเร็วขึ้นหน่อย”
“เดือนนี้จะขึ้นเงินเดือนให้เธอ”
อะลั่วชะงักไป อยากจะพูดอะไรออกไป สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเลยสักคำเดียว
หญิงสาวถอนหายใจออกมา ผันร่างไปยังฝั่งตรงกันข้ามหลีเยว่ แล้วก็ตั้งแผงขายดอกกุหลาบขึ้นมาอีกแผงนึง
แผงลอยทั้งสองได้คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วมาก
ไม่ถึงสองชั่วโมง ช่อดอกกุหลาบหนึ่งคันรถบรรทุกนี้ก็ขายไปจนหมดเกลี้ยง
ตอนที่มาถึงช่อสุดท้าย อะลั่วก็รู้สึกไม่ค่อยอยากจะขายไปนัก “เจ้าของสวี่ ช่อนี้เก็บเอาไว้เถอะ เอาไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อยสิคะ”
ซูสือเยว่กวาดตามองดอกกุหลาบแดงที่มีสีสันสวยงามช่อใหญ่ช่อนั้น “มันก็…”
“ช่างมันเถอะ”
เธอเห็นว่าตรงจุดที่ไกลออกไปได้มีชายหนุ่มคนนึงกำลังเดินเข้ามาทางนี้ เธอไม่แม้แต่จะมอง ก็ได้ยัดดอกกุหลาบช่อใหญ่ช่อนั้นใส่ไปในอ้อมแขนของชายคนนั้นไปทันที “99หยวน สแกนคิวอาร์โค้ดหรือว่าจะจ่ายเงินสดดีคะ?”
เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มประดับไปด้วยรอยยิ้มออกมาจางๆ “ผ่อนชำระได้มั้ยครับ?”
ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมา “99หยวนยังผ่อนอีก?”
พอเงยหน้าขึ้นไป ดวงตาของหญิงสาวก็สบเข้ากับดวงตาที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มคู่นั้นของฉินโม่หานเข้า
เธอนิ่งอึ้งไป “คุณมาได้ยังไง?”
“มาตั้งนานแล้ว”
ชายหนุ่มตอบกลับมาอย่างไม่ตรงคำถาม จากนั้นก็ได้เอาดอกกุหลาบที่อยู่ในอ้อมแขนช่อนั้นยัดใส่ในแขนของซูสือเยว่ไป “เจ้าของสวี่ทำการค้ากับดอกกุหลาบที่ผมซื้อให้คุณ ทำเงินได้ก้อนโตเลยนะครับ”
ซูสือเยว่เบ้ปากออกมา จากนั้นก็มองเหยียดเขาออกไปจางๆ “ก่อนที่ท่านชายฉินจะจีบผู้หญิง จะไม่ถามดูสักหน่อยเหรอว่าผู้หญิงเขาชอบอะไร?”
“ฉันไม่ได้ชอบดอกกุหลาบเสียหน่อย”
“ผมรู้อยู่แล้ว”
ชายหนุ่มแสยะยิ้มออกมา ผันร่างส่งสัญญาณไปทางด้านหลัง
ด้านหลังของเขา มีซิงหยุนในชุดสูทสีดำตัวน้อยโอบช่อดอกลิลลี่สีขาวช่อใหญ่เดินลงมาด้านในรถ
ภาพเด็กน้อยอยู่ในชุดสูทนั้นหล่อเหมือนกับฉินโม่หานแด๊ดดี้ของเขาเลย
ดอกลิลลี่ช่อใหญ่ที่เขากำลังโอบอยู่ในอ้อมแขนช่อนั้นแทบจะสูงกว่าตัวของเขาอีกเสียด้วยซ้ำ
แต่เขากลับโอบมันเอาไว้ได้อย่างมั่นคง ฝีเท้าที่เดินเข้ามาหาซูสือเยว่ทีละก้าวๆก็ก้าวออกมาได้อย่างมั่นคงด้วยเช่นกัน
ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้ซูสือเยว่ดวงตาเบิกกว้างออกมาทันที
ไม่ได้เจอซิงหยุนมานานมากแล้ว
เขาสูงขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย และก็ยังผอมลงนิดนึง
เด็กน้อยที่ค่อนข้างจะแก่แดดมาโดยตลอดในเวลานี้มองไปแล้วก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
เขาโอบดอกลิลลี่ช่อใหญ่ช่อนั้นเอาไว้อย่างกับเจ้าชายน้อย ค่อยๆเดินเข้ามาตรงด้านหน้าซูสือเยว่
เด็กน้อยกะพริบตา ชูดอกไม้ช่อนั้นขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “สวี่หรงเจ้าของสวี่ นี่เป็นของที่ผมมอบให้คุณ ช่วยรับเอาไว้ด้วยนะครับ”
แผลเป็นและปานบนใบหน้าของซูสือเยว่มันปกปิดความสุขที่เกิดขึ้นภายในใจของเธอเอาไว้ไม่อยู่อีกแล้ว
หญิงสาวสาวเท้าก้าวใหญ่ๆเดินเข้าไป โอบอุ้มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ——
อุ้มซิงหยุนที่กำลังโอบช่อดอกลิลลี่ขึ้นมา
เธอถึงขนาดที่จูบลงไปบนใบหน้าของเด็กน้อยไปทีนึง “ทำไมหนูถึงได้น่ารักขนาดนี้!”
สุภาพบุรุษตัวน้อยที่กำลังโอบช่อดอกไม้อยู่นั้นนึกไม่ถึงว่าแม่ของตนจะซื่อตรงขนาดนี้ ทั้งๆที่เปลี่ยนไปอยู่ในอีกตัวตนนึงแล้ว พอเจอหน้าก็ยังเข้ามาอุ้มเขาขึ้นมาทันที
เขาลนลานออกมาเล็กน้อย “เอ่อ… สวี่หรงเจ้าของสวี่ครับ”
“ผมเป็นลูกผู้ชายทั้งแท่งนะครับ จะต้องหล่อเท่านั้น ไม่มีทางจะน่ารักไปได้ ช่วยระวังคำพูดของคุณหน่อยนะครับ”
พูดจบ เขาก็ได้ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “อีกเรื่องก็คือ…”
“พวกเราเจอกันเป็นครั้งแรก คุณก็เข้ามาอุ้มผมขึ้นมาทันที มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรือเปล่า?”
เสียงคำว่า “สวี่หรงเจ้าของสวี่” นี้ของเขามันได้ดึงความคิดของซูสือเยว่กลับมาทันที
ได้สติกลับมาแล้ว เธอจึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองในตอนนี้ ตัวตนที่แสดงออกภายนอกไม่ใช่ซูสือเยว่แม่ของซิงหยุน แต่เป็นเจ้าของสวี่ที่เจอกับเด็กน้อยเป็นครั้งแรกคนหนึ่ง
เธอกระแอมออกมา มองสังเกตออกไปรอบๆทันที อย่างที่คิดได้พบว่าคนที่เดินอยู่บนท้องถนนจำนวนมากต่างก็ใช้สายตาตื่นตะลึงมองมาที่เธอ
อย่างที่คิดเลย…ถูกมองเป็นคนจิตวิปริตไปแล้วงั้นเหรอ?
ซูสือเยว่ยิ้มออกมาด้วยความอับอาย จำต้องวางซิงหยุนลงบนพื้น จากนั้นโอบช่อดอกลิลลี่ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาขึ้นมา “ขอบคุณสำหรับดอกไม้ของหนูนะ ฉันชอบมากเลย”
“ชอบมากก็ดี!”
ซิงหยุนมองหญิงสาวไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง “เจ้าของสวี่ ผมสามารถพูดกระซิบอะไรกับคุณสักหน่อยได้มั้ยครับ?”
ซูสือเยว่ย่นคิ้ว จากนั้นก็พยักหน้าตอบรับออกมา
หญิงสาวยื่นช่อดอกไม้ไปให้อะลั่วที่อยู่ทางด้านหลังไปอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ย่อตัวนั่งลง เอาหูยื่นออกไปทางซิงหยุน “หนูอยากบอกอะไร?”
“บอกความลับคุณอยากหนึ่งครับ”
เด็กน้อยแนบมาที่ใบหูของเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“อันที่จริงแด๊ดดี้รู้ว่าคุณคือหม่ามี๊มาตั้งนานแล้ว!”
“เขาก็แค่กำลังแกล้งทำอยู่ก็เท่านั้น เพราะว่าเขาคิดว่าหม่ามี๊เปลี่ยนชื่อก็เพื่อไม่อยากให้เขารู้ เขาก็เลยเล่นเป็นเพื่อนหม่ามี๊ต่อ”
ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมา ในที่สุดก็เข้าใจขึ้นมาโดยทันที
มิน่าล่ะ…
เธอบอกแล้วมั้ยล่ะ ฉินโม่หานจะมาหวั่นไหวกับคนที่หน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้ได้ยังไง!?
“หม่ามี๊เองก็อย่าไปมีความกดดันทางจิตใจมากเกินไป เพราะถึงยังไงเรื่องเมื่อตอนนั้นมันเป็นความผิดของแด๊ดดี้ ถือโอกาสนี้ใช้สถานะสวี่หรง จัดการทรมานแด๊ดดี้ไปซะ ผมกับน้องๆเองก็สนับสนุนหม่ามี๊กันทั้งนั้น!”
ซูสือเยว่ชะงักไป หันหน้าไปชำเลืองมองชายหนุ่มที่กำลังพูดคุยอยู่กับอะลั่วอยู่ไกลๆ จากนั้นก็พยักหน้าออกมาเงียบๆ “อืม”
เห็นท่าทางเหมือนกับยกภูเขาออกจากอกของหญิงสาว ซิงหยุนก็อดไม่ได้ที่เบะปากออกมา
เป็นอย่างที่เขาคาดเดาเอาไว้ไม่มีผิด
คุณตาทั้งสองท่านเพียงแค่เกลี้ยกล่อมให้หม่ามี๊ให้โอกาสแด๊ดดี้ได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่ลืมบอกหม่ามี๊ไปว่าแด๊ดดี้รู้ถึงสถานะของเธออยู่ก่อนแล้ว!
เป็นไปอย่างที่คิดเรื่องสำคัญจำพวกนี้ เขาต้องมาออกโรงด้วยตัวเอง
หลังจากที่ได้กำชับซูสือเยว่ไปง่ายๆสองสามคำ เด็กน้อยก็ตบไหล่ของซูสือเยว่ไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับเอ่ยออกมาเบาๆ “หม่ามี๊ หม่ามี๊อย่ารีบร้อนไป”
“”พวกเราทั้งสามคนได้ปรึกษากันมาแล้ว พวกเราไม่รีบให้หม่ามี๊กลับบ้าน”
“หม่ามี๊สามารถอยู่ทรมานแด๊ดดี้ต่อได้อีกสักพักนึง”
พูดจบ เขาก็ผันร่าง ก้าวขาเล็กๆวิ่งกลับขึ้นไปบนรถไปอย่างรวดเร็ว จากไปอย่างสง่าผ่าเผย
ซูสือเยว่ยืนอยู่กับที่ มองเงาร่างเด็กน้อยที่วิ่งออกไป ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย
เมื่อกี้นี้เธอได้ถามซิงหยุนไปหลายคำถาม
คำพูดเมื่อวานนี้ของฉินโม่หานเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่จะโกหกเธอทั้งนั้น
อะไรที่ว่าซิงหยุนนอนไม่หลับ ซิงเฉินเงียบพูดน้อยลง ซิงกวงผอมลงสองสามกิโล ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น!
เป็นเรื่องที่ชายคนนี้จงใจแต่งขึ้นมาเพื่อให้เธอรู้สึกปวดใจ!
“เจ้าของสวี่”
เสียงทุ้มต่ำสง่างามของฉินโม่หานดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง “รับดอกไม้ของผมไปแล้ว ก็ควรจะตอบรับคำเชื้อเชิญกันสักหน่อย ไปออกเดตกับผมหน่อยเถอะนะ?”
“ได้สิ”
มือทั้งสองข้างของซูสือเยว่กำหมัดแน่นอยู่ข้างๆลำตัว แต่บนใบหน้ากลับฉีกยิ้มสดใสออกมา
“วันนี้ฉันสามารถไปออกเดตเป็นเพื่อนคุณได้ แต่คุณเองก็ต้องฝึกซ้อมการต่อสู้เป็นเพื่อนฉันด้วยเหมือนกัน ดีมั้ย?”