การกระทำและสายตาที่เต็มไปด้วยความรักของฉินโม่หานให้หัวใจของซูสือเยว่อดไม่ได้ที่จะเต้นรัวขึ้นมา
เธอเบือนหน้าออกไปไม่กล้ามองเขาไปด้วยใบหน้าที่แดงลามไปถึงหู “ขอบคุณ”
พูดจบ หญิงสาวก็ผันร่างออกไป สาวเท้าก้าวใหญ่ๆเดินออกจากร้านจิวเวลรี่ ไป
เห็นเงาร่างเบื้องหลังที่กำลังเดินหนีออกไปอย่างเขินอายของเธอ มุมปากของฉินโม่หานอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมา
เด็กโง่
เป็นสามีภรรยามาตั้งนานขนาดนี้แล้ว ยังเขินอายขนาดนี้อยู่อีก
เห็นซูสือเยว่หนนีออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มก็แสยะยิ้มออกมาจางๆ พลางก้าวขาเดินตามออกไป
ทั้งสองคนขึ้นรถตามหลังกันไป
ซูสือเยว่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังเอาร่างแนบเข้ากับทางบานประตูรถไปอย่างสุดชีวิต
ฉินโม่หานพิงเข้ากับพนักเก้าอี้เบาะหลังรถไปอย่างอารมณ์ดี “ไป๋ลั่ว ไปโรงหนัง”
ไป๋ลั่วพยักหน้าตอบรับออกมา พร้อมกับสตาร์ทรถออกเดินทางไปเงียบๆ
รอจนรถเริ่มออกเดินทาง ซูสือเยว่จึงได้ย่นคิ้วออกมา “ไปโรงหนัง?”
ฉินโม่หานอยากจะดูหนังด้วยกันกับเธอ?
“ครับ”
ชายหนุ่มแสยะริมฝีปากออกมา บนใบหน้าที่มีเค้าโครงของความเคร่งขรึมเย็นชาได้ประดับไปด้วยรอยยิ้มจางๆ “การออกเดตของคู่รักทั่วๆไป ไม่ใช่ว่าจะต้องไปดูหนังกันทั้งนั้นหรือไง?”
ซูสือเยว่เม้มริมฝีปากออกมา “แต่ว่า…”
เธอไม่ค่อยชอบดูหนังเลย
เมื่อก่อนเพื่อวิเคราะห์ทักษะการแสดงให้กับเฉิงเซวียนกับเซี่ยงหวั่นฉิง ทุกครั้งที่ดูหนังสำหรับเธอแล้วมันเป็นการทรมานกันทั้งนั้นเลย
ต่อมาหลังจากเธอแตกแยกกันไปกับเฉิงเซวียนและเซี่ยงหวั่นฉิง ก็ไม่เคยดูหนังอีกเลย
“ถือเสียว่าผ่อนคลายแล้วกัน ตั๋วหนังก็ซื้อมาแล้ว”
เหมือนกับว่าจะมองเห็นความไม่สมัครใจจากในตาของเธอออกมา ฉินโม่หานจึงแสยะยิ้มออกมาจางๆ “จะไม่ให้ผมต้องมาเสียเงินนี้ไปเปล่าๆหรอกใช่มั้ย?”
ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สมัครใจ แต่สุดท้ายแล้วก็ยังต้องตอบตกลงไป
เพราะถึงยังไงเธอก็บอกไปแล้วว่าตอบรับคำเชิญวันนี้ของเขา ไม่ควรจะเปลี่ยนแปลงในเวลาใดเวลาหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น…
ในเมื่อออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว ก็ควรแก้นิสัยเสียที่เคยมีเหล่านั้นไปด้วย คิดเสียว่าตัวเองเป็นผู้ชมที่ไปผ่อนคลายที่โรงหนังคนนึง
เพียงไม่นาน รถก็ได้มาถึงโรงหนัง
บางทีอาจเป็นเพราะว่าด้วยสาเหตุที่เป็นวันทำงาน คนในโรงหนังจึงเบาบาง
รอจนเข้าไปในโรงหนังแล้ว เธอถึงได้ค้นพบว่าภายในโรงหนังที่มีขนาดใหญ่ขนาดนี้ มีเพียงแค่เธอกับฉินโม่หานอยู่แค่สองคน
หญิงสาวย่นคิ้วมองเขา “คุณเหมาที่นั่ง?”
ฉินโม่หานยักไหล่พลางส่ายหน้าออกมา “ก็แค่ไม่มีคนเท่านั้นเอง”
ถึงยังไงหนังที่พวกเขาจะดูเป็นหนังที่ยังไม่เข้าฉาย บางทีก็อาจจะไม่มีวันจะได้เข้าฉายอีกเลย
ซูสือเยว่มองเขาไปด้วยความสงสัย นึกโยงไปถึงตรงด้านนอกเองก็ไม่เห็นใครเลยด้วยเหมือนกัน และก็ไม่ได้สับสนต่อไปด้วยเหมือนกัน
เพียงไม่นาน หนังก็เริ่มขึ้นมาแล้ว
ฉินโม่หานยัดป๊อบคอร์นถังใหญ่เข้ามาในมือของซูสือเยว่
หญิงสาวย่นคิ้วมองเขา “ทำไม?”
“ดูหนังไม่ใช่ว่าต้องกินป๊อบคอร์นกันหรอกเหรอ?”
“ฉันไม่ชอบ”
ฉินโม่หาน “…”
ชายหนุ่มถือป๊อบคอร์นกลับมาไปด้วยความเศร้าสร้อย
เขาถอนหายใจออกมา ทันทีที่คิดอยากจะวางถังป๊อบคอร์นที่อยู่ในอ้อมแขนลงไปข้างๆ แต่กลับถูกมือของหญิงสาวกดเอาไว้
ซูสือเยว่แสยะยิ้มออกมาอย่างซุกซน “ฉันไม่ชอบถือเองเท่านั้นเอง”
พูดจบ เธอก็ยื่นมือออกไป หยิบจากถังป๊อบคอร์นที่อยู่ในแขนของเขามากำนึง กินไปพลาง ดูหนังไปพลาง
จริงๆเธอไม่ค่อยชอบกินป๊อบคอร์นของจำพวกนี้อะไรนัก
แต่ว่า…
นี่เป็นน้ำใจของเขา
เหมือนกับสร้อยเงินที่อยู่บนลำคอของเธอ
รสชาติของป๊อบคอร์นนี้ไม่ได้ดีอะไรนัก เกรงว่าจะไม่ใช่ของที่เขาลงมือทำมาด้วยตัวเองหรอกมั้ง?
คิดถึงตรงนี้แล้ว เธอก้มลงมองมือของชายหนุ่ม
ด้านบนนั้นเต็มไปด้วยรอยแผลจากการทำงานฝีมืออยู่เยอะมาก
หัวใจของซูสือเยว่รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย
หนังเริ่มขึ้นมาแล้ว
หลังจากที่จบโฆษณายาวๆไปแล้ว คำว่า《ความทรงจำที่ขาดหาย》ตัวใหญ่ๆมันก็ได้ทำให้ซูสือเยว่ดวงตาเบิกกว้างออกมาทันที
《ความทรงจำที่ขาดหาย》!?
นี่มันไม่ใช่เรื่องที่เธอถ่ายทำกับจี้หนานเฟิงเมื่อก่อนหน้านี้ แล้วสุดท้ายก็หยุดการถ่ายทำไปไม่ได้ถ่ายทำจนจบเรื่องนั้นหรือไง?
โดยหลักแล้ว หนังจำพวกนี้ควรจะไม่มีทางจะได้เข้าฉายสิ
ทำไมถึง…
“นี่เป็นหนังเรื่องสุดท้ายที่ภรรยาผมถ่าย…”
ฉินโม่หานแสยะยิ้มออกมา “เจ้าของสวี่คงจะไม่รู้ว่าเมื่อก่อนภรรยาของผมเป็นนักแสดงคนหนึ่ง นี่เป็นหนังเรื่องที่ดีที่สุดที่เธอถ่าย”
“แต่ต่อมาเพราะว่ามีบางเรื่อง กองถ่ายได้หยุดลง ฟิล์มถ่ายทำทั้งหมดได้ถูกเก็บเอาไว้ในคลัง ไม่มีใครถามถึง”
การหายใจของซูสือเยว่หยุดชะงักไปเล็กน้อย “งั้นตอนนี้…”
“ผมกับลูกทั้งสามคนของผมได้ซ่อมแซมพล็อตเรื่องง่ายๆไปนิดหน่อย เปลี่ยนตอนจบของหนังแล้วก็ได้ทำใหม่อีกครั้ง”
พูดจบ เขาแสยะยิ้มออกมา หันหน้าไปเลิกคิ้วให้กับซูสือเยว่ “พวกเราล้วนแล้วแต่จะเป็นมือใหม่ในการตัดต่อกันทั้งนั้น คุณดูสิ ตัดได้พอใช้ได้หรือเปล่า?”
ซูสือเยว่ชะงักไป มือที่กำป๊อบคอร์นเอาไว้กำแน่นขึ้นมาเล็กน้อย “พวกคุณทำของพวกนี้กัน…”
“เพื่อให้ภรรยาของผมมีความสุข”
“นี่เป็นหนังฟอร์มยักษ์เรื่องแรกของเธอ และก็คงจะเป็นเรื่องสุดท้าย ก็เลยไม่อยากให้ผลงานของเธอฝังหายไปไม่ได้แสดงออกมา”
พูดจบ ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมา สายตามองดวงตาของซูสือเยว่ไปนิ่ง “ไม่ทราบว่าคุณจะชอบหรือเปล่า”
“ฉัน…”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปากออกมา สุดท้ายก็พยักหน้าตอบรับออกไปอย่างจริงจัง “ฉันชอบ”
จะไม่ชอบได้ยังไง
เมื่อก่อนหน้านี้เธอยังเคยโกรธที่เขาไม่ตามหาเธอที่เมืองสตัฟฟ์ แต่พาลูกๆกลับเมืองหรงไปเสียโต้งๆ
และก็เคยแคลงใจในความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ
แต่ในตอนนี้…
สร้อยที่อยู่บนคอของเธอ ป๊อบคอร์นที่อยู่ในมือ แล้วก็ยังมีหนังที่กำลังฉายอยู่ตรงหน้า ทั้งหมดมันได้อธิบายออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอมันจริงใจมากแค่ไหน อบอุ่นมากแค่ไหน
ในเวลานี้เธออยากละทิ้งการพลางตัวทั้งหมดของตัวเองไป แล้วกระโจนตรงเข้าไปในอ้อมแขนของเขา เรียกเขาว่าสามี
“หนังเริ่มแล้ว”
น้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบเฉยของชายหนุ่ม ได้ดึงเอาความคิดของเธอกลับมาทันที
ซูสือเยว่เม้มริมฝีปาก หันหน้ามาเริ่มดูหนังไปอย่างตั้งอกตั้งใจ
นี่เป็นหนังเรื่องแรกของเธอ การแสดงในบางช่วงของเธออันที่จริงมันก็ยังดูอ่อนหัดอยู่มากเลย
แต่การตัดต่อของฉินโม่หานและพวกเด็กๆก็ตัดออกมาได้ดีมาก หลบเลี่ยงจุดบกพร่องของเธอไปได้สำเร็จ ในจุดที่เธอแสดงได้ไม่ดี ก็ตัดภาพไปที่ตัวประกอบแทน
หนังดำเนินมาสองชั่วโมงกว่า
สุดท้าย ซูสือเยว่ก็ดูจนน้ำตาไหลออกมาเต็มหน้า
เดิมทีตอนจบของ《ความทรงจำที่ขาดหาย》คือหลังจากที่เธอกับจี้หนานเฟิงแยกทางจากกันไปแล้ว ผ่านไปนานก็จะได้กลับมาพบกันใหม่อีกครั้ง ทั้งสองคนได้สบตายิ้มให้กัน ปลดเปลื้องความขัดแย้งที่เคยมีต่อกัน
แต่ตอนนี้ตอนจบที่ได้ปรับแก้บทมาก็คือหลังจากพระเอกกับนางเอกแยกทางกันไป ต่างคนต่างก็ออกไปอยู่ไกลสุดขอบฟ้า
ภาพในหนังหยุดนิ่งลงตรงตอนที่ซูสือเยว่กำลังยืนมองพระอาทิตย์ตกดินอยู่บนขอบหน้าผา แล้วหนังก็จบลง
ซูสือเยว่มองภาพในหนังไปอย่างอารมณ์ค้าง จนสุดท้ายแสงไฟทั้งในโรงหนังสว่างออกมาทั้งหมดแล้ว เธอถึงจะเรียกสติกลับมา
“ตอนจบนี้…”
พูดไป เธอหันหน้าไปมองหน้าฉินโม่หานไปอย่างตื่นตะลึง “คุณเป็นคนแก้?”
ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วลุกขึ้นมา “ใช่ครับ”
“ผมอยากมอบบทสรุปที่เปิดกว้างให้กับพระเอกนางเอก นางเอกไม่จำเป็นจะต้องกลับไปอยู่ข้างๆพระเอก เรื่องราวของพวกเขามันสามารถมีความเป็นไปได้ที่ไม่จำกัด”
พูดจบ เขามองใบหน้าของเธอไปอย่างอ่อนโยน พลางยิ้มออกมา “ระหว่างคุณกับผม มันก็มีความเป็นไปได้ที่ไม่จำกัดด้วยเหมือนกัน”
หลีเยว่มองเขาไปอย่างเหม่อลอย อยากจะพูดอะไรออกไป แต่กลับพูดอะไรไม่ออกเลย
ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ เธอยกมือขึ้นไปกุมหัวของเขาไปทันที จากนั้นก็จูบลงไปอย่างแรง——