ฉินโม่หานถูกจู่โจมจูบ
การโดนหญิงสาวที่ตนเองเฝ้าฝันถึงทุกค่ำคืนจู่โจมจูบ
วินาทีที่ซูสือเยว่จู่โจมจูบในเวลานั้น ฉินโม่หานพลันตะลึงอย่างไม่รู้ตัวทันที
ทว่ากลับไม่มีการต่อต้านหรือปฏิเสธแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะว่าตื่นตระหนกต่างหาก
เขาไม่คิดเลยว่า ซูสือเยว่จะยกโทษให้เขาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ แถมยังยินยอมที่จะใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาได้เร็วขนาดนี้ด้วย
ต้องรู้ว่า ก่อนหน้าที่จะดูหนังในครั้งนี้ ขนาดเขาจะจูงมือเธอ ยังโดนเธอต่อต้านด้วยสัญชาตญาณเลย
แม้ว่าเขาอยากจะสัมผัสกับเธออย่างใกล้ชิดมากๆ แต่ว่าเขายินยอมที่จะเคารพถึงความคิดเห็นของเธอมากกว่า
ถ้าเธอไม่ยินยอม เขาสามารถอดทน และสามารถรอคอยได้
เขาเชื่อมั่นว่า ความจริงใจของเขา สักวันหนึ่งเธอก็จะมองเห็น จะเข้าใจ และยินยอมกลับมาเริ่มต้นใหม่และอยู่ด้วยกันกับเขาอีกครั้ง
ดังนั้นการจูบของซูสือเยว่ในครั้งนี้ เขาก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
ท่ามกลางอาการตกตะลึง ชายหนุ่มก็ตั้งตัวได้อย่างรวดเร็ว
ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างจับท้ายทอยของซูสือเยว่ตรึงเอาไว้แน่น ครั้งนี้จูบอย่างหนักหน่วงตักตวงขึ้นเรื่อยๆ และอ้อยอิ่งเนิ่นนาน…
แรกเริ่มเดิมที ซูสือเยว่ยังสามารถรับมือกับการจู่โจมของชายหนุ่มไว้ได้ ทั้งสองคนผลัดกันรุกผลัดกันรับ
ทว่าในช่วงสุดท้ายนั้น กลายเป็นว่าฉินโม่หานเป็นฝ่ายรุกอยู่ฝ่ายเดียว
เธอถูกจูบจนหายใจไม่ทัน พลางพยายามบ่ายเบี่ยงออกจากอ้อมกอดของเขา
ทว่าก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของชายหนุ่มคนนี้ไปได้
เธอเองเป็นคนที่ร่ำเรียนศิลปะป้องกันตัวมา บางครั้ง พละกำลังของเธอก็ทำให้ผู้ชายมากหน้าหลายตาต่างตกตะลึงอย่างอดไม่ได้
ทว่าเมื่ออยู่ตรงหน้าฉินโม่หานแล้ว เธอกลับกลายเป็นคนที่อ่อนแอปวกเปียกไม่มีวิธีทำให้ตัวเองสามารถหลุดรอดไปได้เลย
พละกำลังของเขา ยิ่งใหญ่มหาศาลที่ทำให้เธอทำได้แค่เชื่อฟังปล่อยให้เขาได้ทำอะไรตามใจอยาก
สักพัก ตอนที่ซูสือเยว่เกือบจะหายใจไม่ออกแล้ว ชายหนุ่มถึงยอมค่อยๆ ผ่อนตัวเธอออก
จนสุดท้ายซูสือเยว่พลางอ้าปากกว้างเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดอย่างทนไม่ไหว
“ฉินโม่หาน!”
ชายหนุ่มเช็ดริมฝีปากอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ราวกับหวนคิดถึงรสชาติของการจูบเมื่อครู่นี้ “คุณเอาตัวใส่พานเสิร์ฟให้ผมถึงที่เองนะ ผมก็แค่ไม่ปฏิเสธนั้นเอง”
พูดจบ เขาก็ฉีกยิ้มให้มาทางเธออย่างเจ้าเล่ห์ “หวานจัง”
คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ใบหน้าของซูสือเยว่แดงแจ๋ทันทีราวกับดวงตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้า
เธอได้แต่เม้มริมฝีปากและจ้องเขาตาเขม็ง พลางลุกขึ้นยืน และสาวเท้าก้าวยาวๆ ไปจากห้องฉายหนัง
เมื่อมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่มีอาการโกรธเคืองไปด้วย ฉินโม่หานอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มออกมา
ที่แท้การถูกจู่โจมจูบ รสชาติมันเป็นแบบนี้เอง
รู้สึกว่า …มันก็ไม่เลวเลยทีเดียว
ความจริงแล้วในบางครั้ง การเป็นฝ่ายถูกกระทำบ้าง มันก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยใช่ไหม?
ชายหนุ่มนั่งอยู่บนที่นั่งอยู่นานมาก
ซูสือเยว่เดินมาถึงประตูห้องฉายหนังแล้ว พลางขมวดคิ้วหันกลับไปมองหาเขาแวบหนึ่งอย่างอดไม่ไหว “คุณยังจะนั่งหวนคิดถึงอยู่อีกนานไหมเนี่ย?”
ฉินโม่หานถึงได้ฉีกยิ้มออกมา พลางลุกจากเก้าอี้อย่างสง่างาม และเดินสาวเท้าก้าวยาวๆ ไปทางซูสือเยว่ “อาการหุนหันพลันแล่นของเจ้าของสวี่เมื่อครู่ มันเป็นความรู้สึกที่แสดงออกมาอย่างไม่รู้ตัวใช่ไหม”
ซูสือเยว่ถลึงตาใส่เขา แต่ไม่ได้ตอบโต้กลับ
“แล้วจะไปไหนต่อ?”
เมื่อเดินออกมาจากโรงหนังแล้ว ซูสือเยว่ก็เหลือบมองเวลา พลางเลิกคิ้วถามกลับ
ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมง กว่าจะถึงเวลาสิ้นสุดการนัดหมายในวันนี้
ตอนนี้เธอยิ่งนับเวลารอขึ้นเรื่อยๆ ว่าในสิ่งที่เขาวางแผนเอาไว้มันคืออะไรกันแน่
เพราะว่าแค่กิจกรรมสองกิจกรรมสั้นๆ เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเอง เธอได้เห็นสิ่งที่เขาตั้งใจทำออกมาจากใจตั้งมากมาย
ต่อจากนี้ ต้องทำให้เธอแปลกใจและซาบซึ้งมากกว่าเดิมอย่างแน่นอนแหละ?
ฉินโม่หานยิ้มให้ “ต่อไปคือ…”
ชายหนุ่มยังพูดไม่จบเลย จู่ๆ ไป๋ลั่วที่นั่งรออยู่ในรถอยู่ตลอดเวลาก็ลงจากรถทันที
เขาลงจากรถด้วยสีหน้าร้อนรน พร้อมทั้งวิ่งเหยาะๆมาตรงหน้าของฉินโม่หาน “ท่านชาย เกิดเรื่องแล้ว”
ฉินโม่หานเลิกคิ้วขึ้น พร้อมทั้งเหลือบตามองเขาตามปกติ “มีอะไร?”
“ท่านดูนี่”
ชายหนุ่มถอนหายใจ พลางยื่นโทรศัพท์ให้อยู่ตรงบริเวณด้านหน้าของฉินโม่หาน
มีข่าวเกิดขึ้นหนึ่งเรื่อง ที่กำลังปรากฏอยู่ในโทรศัพท์
เพิ่งจะลงข่าวเอง
“หญิงสาววัยรุ่นฆ่าตัวตายที่ประตูของสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรงสาเหตุในการตัดสินใจในการลงมือทำคือเรื่องอะไร?”
“ข่าวรายงานว่า เพราะว่ามีความขัดแย้งกับเจ้าของ ของสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรงหญิงสาววัยรุ่นขึ้นไปยังตัวอาคารของสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรงเพื่อกระโดดตึก”
รูปสถานที่เกิดเหตุ เป็นตำแหน่งประตูหลักของสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรงและมีหญิงสาวที่ตกลงมานอนจมกองเลือดอยู่
เด็กสาวคนนี้ ฉินโม่หานจำได้ ก็คือคนที่ถูกซูสือเยว่ทำร้ายในชั่วโมงเรียนเมื่อวานนี้ ดังนั้นเฉินตานตานคนนั้นถึงได้พาพ่อแม่มาแบล็กเมล์กลับ!
หัวคิ้วของชายหนุ่มขมวดคิ้วเอาไว้แน่นทันที
สถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรงเป็นตึกอาคารที่มีแค่สามชั้นและมีห้องใต้หลังคา
เฉินตานตานคนนี้ ถึงขั้นไปกระโดดจากห้องใต้หลังคาลงมา ก็แค่ความสูงประมาณ 4 ชั้นได้
ด้วยความสูงเช่นนี้…
คงไม่ใช่แค่การฆ่าตัวตายแบบธรรมดาแน่ๆ
เพราะว่าถ้าเธออยากจะตายจริงๆ ก็ไม่น่ามากระโดดตึกฆ่าตัวตายยังตำแหน่งตัวอาคาร 4 ชั้นหรอก
เมืองหรงมีตึกระฟ้าที่สูงใหญ่อยู่มากมาย ขนาดด้านข้างสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรงก็มีบ้านเรือนของชาวบ้านคนทั่วไปยังมีความสูงสามสิบกว่าชั้นเข้าไปแล้ว
ดังนั้น การที่เฉินตานตานคนนี้มากระโดดตึก น่าจะไม่ใช่การฆ่าตัวตาย
แต่เป็น…การเรียกร้องค่าเสียหายมากกว่า
“ทำไมเหรอ?”
เห็นผู้ชายที่อยู่ข้างกายไม่พูดไม่จาอะไรเลย เอาแต่จ้องมองโทรศัพท์ ซูสือเยว่ขมวดหัวคิ้วเอาไว้ พลางเอนศีรษะเขยิบเข้าหา
แวบเดียว ก็เห็นภาพเฉินตานตานนอนจมกองเลือด
ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดน่าเวทนา
“เกิดเรื่องขึ้นตอนไหน?”
“เมื่อครู่”
ไป๋ลั่วเม้มริมฝีปาก “ผมเองก็เพิ่งรู้ข่าวมาเช่นกัน”
“ตอนนี้ตรงบริเวณประตูของสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรงแออัดและเข้มงวดมาก ส่วนตัวคนเจ็บก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว”
“แต่ว่าคนข้างในของสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวก็ออกมาไม่ได้ ส่วนตัวอาคารนั้นก็ถูกคนมุงห้องล้อมไว้จนแน่นขนัดแล้ว”
พูดจบ ไป๋ลั่วถอนหายใจออก พลางเงยหน้าเหลือบมองซูสือเยว่ “ข้างในสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวยังมีคนอีกกี่คนครับ?”
“ต้องการให้ผมส่งอะไรเข้าไปให้กินก่อนไหมครับ?”
ซูสือเยว่เลิกคิ้ว พลางยังคงจดจ้องกับข่าวอย่างจริงจัง
เมื่อเห็นว่าเธอเหมือนไม่ได้ยิน ไป๋ลั่วพูดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็พูดเสริมต่อ
“ตอนเช้าผมเห็นว่าในสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวมีพนักงานอยู่2คน และมีคนทำความสะอาดคนหนึ่ง … ทั้งหมดสามคนใช่ไหม?”
“5 คน”
ฉินโม่หานพูดแทรกไป๋ลั่วด้วยน้ำเสียงเย็นชาทันที “จัดการส่งของให้คนที่อยู่ข้างในทั้งหมด 5 คน”
ไป๋ลั่วตะลึงทันที
ในสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวมีคนมาเพิ่มอีก 2 คนตอนไหนกัน?
แล้วทำไมเขาไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ?
คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ซูสือเยว่ชะงักทันที พลันรู้สึกมีความอบอุ่นซาบซ่านเกิดขึ้นในหัวใจขึ้นมาบ้าง
แท้จริงแล้วคนภายนอกมองภายในสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวที่เห็นคือ นอกจากเธอแล้ว มีแค่สามคนจริงๆ
แม้ว่าเจี่ยนหมิงจงกับเจี่ยนเฉิงจะพักอยู่ในสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวตลอด แต่ว่าเพื่อช่วยปกปิดพิรุธจนคนอื่นสนใจเธอ ปกติสองคนนี้ก็จะไม่ออกไปไหน
การที่ไป๋ลั่วไม่รู้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติมากแล้ว
ทว่าแม้ว่าฉินโม่หานจะไม่ได้เจอพวกเขาก็ตาม แต่ก็รู้ว่าพวกเขาอยู่ด้านใน จึงได้ให้ไป๋ลั่วช่วยจัดการเตรียมอาหารด้วย…
ตกลงว่าผู้ชายคนนี้ยังมีเซอร์ไพร์ซอะไรอีกที่เธอยังไม่รู้กันนะ?
“ครับ 5 ชุด”
เมื่อเห็นว่าฉินโม่หานไม่พูดอะไรต่อ ไป๋ลั่วได้แต่ถอนหายใจ พลางหันตัวเดินออกไป
ฉินโม่หานกลับมาอ่านข่าวอีกครั้ง หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าเฉินตานตานกับพ่อแม่ของเธออยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์กลางแล้วก็ดึงซูสือเยว่ขึ้นรถทันที
หลังจากที่จัดการให้หญิงสาวนั่งลงเบาะด้านหลังแล้ว ฉินโม่หานก็เดินอ้อมตัวรถมายังตำแหน่งคนขับรถ จากนั้นก็เปิดประตูรถออก
ไป๋ลั่วตื่นตระหนกพลางมองเจ้านายของตนเอง “ผมขับรถเองได้….”
“ลงจากรถ”
ชายหนุ่มย่นคิ้ว แถมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมจะพาเธอไปที่โรงพยาบาลศูนย์กลางเอง”
“ส่วนนายก็ไปเรียกรถเพื่อไปเตรียมอาหารของกินให้คนที่อยู่ภายในสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรงเหล่านั้น”
ไป๋ลั่ว “…”
“คุณท่าน แต่ว่า …”
“แต่ว่าอะไร?”
ชายหนุ่มถลึงตาใส่เขา
ไป๋ลั่วหุบปากอย่างเชื่อฟังทันที
เขาไม่ควรไปรบกวนโลกของคนสองคนของเจ้านายของตนเองกับภรรยาของเขา
“เอ่อ…คุณกับเจ้าของสวี่ ขอให้เดินทางปลอดภัยครับ”