ฉินโม่หานขับรถเร็วมาก ตั้งแต่โรงหนังมาถึงโรงพยาบาล เดิมต้องใช้เวลา40กว่านาทีในการเดินทาง ทว่าฉินโม่หานใช้เวลาแค่ 10 นาที ก็ขับรถมาถึงครึ่งทางแล้ว
ซูสือเยว่ที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังนั้น ก็เอาแต่จับจ้องอยู่ที่โทรศัพท์ เพื่ออ่านข่าวต่างๆ นานาที่อยู่บนโลกออนไลน์
เหตุจูงใจที่ทำให้เฉินตานตานกระโดดตึก จนทำให้ผู้คนต่างถกเถียงกันไปต่างๆ นานา
มีคนพูดว่าเธออกหักบ้างแหละ มีคนพูดว่าเธอใช้ชีวิตได้ไม่เป็นไปตามที่ใจต้องการบ้างแหละ
จนสุดท้าย มีคนเอาคลิปวิดิโอตอนที่ครอบครัวของเฉินตานตานกับซูสือเยว่ทะเลาะกันลงในโลกออนไลน์ด้วย
เวลานั้น โลกออนไลน์แทบจะระเบิดเลย
ฝูงชนเริ่มถกเถียงกันเรื่องซูสือเยว่หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของสวี่ของสถานฝึกศิลปะป้องกันตัว จนมีคนเรียกขานว่า “หน้าตาอัปลักษณ์จิตใจยังชั่วร้ายอีก”
กระทั่งมีคนเริ่มสบถด่ากันยกใหญ่
“สวี่หรงออกไปจากเมืองหรง!”
“สวี่หรงไม่สมควรจะเป็นคน ทำตัวสูงส่งแต่เหยียบย่ำคนจนให้จมดิน แล้วเปิดสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวให้กับผู้หญิงทำไม!”
“ตอนแรกก็คิดว่าแค่หน้าทุเรศอย่างเดียว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจิตใจจะทุเรศเหมือนกับหน้าตาด้วย!”
เมื่อเห็นคำพูดของบรรดาเพื่อนในโลกออนไลน์แล้ว ซูสือเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะนวดหัวคิ้วของตนเอง พลางถอนหายใจเล็กน้อย
พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลย อาศัยแค่คลิปวิดิโอสั้นๆ ก็ทำราวกับว่ารู้จักเธอมานานมากแล้ว
เสียงประณามหลีเยว่ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ในโลกโลกออนไลน์ กระทั่งมีคนเริ่มเอาเรื่องมาเปิดเผยในโลกออนไลน์ว่า ตอนเด็กเป็นเพื่อนบ้านกับสวี่หรง บอกว่าเธอหน้าตาอัปลักษณ์มาตั้งแต่เด็กแล้ว แถมยังมีนิสัยชอบอิจฉาคนอื่นที่หน้าตาดีมาตั้งแต่เด็กแล้ว
แถมยังพูดว่าที่เธอเปิดสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวให้พวกผู้หญิงก็เพื่อจะได้รังแกเด็กสาวที่หน้าตาสะสวยเหล่านั้น ถึงอย่างไรเด็กสาวที่หน้าตาสะสวยก็จำเป็นต้องเรียนวิชาป้องกันตัวเองอยู่แล้ว
แล้วยิ่งสวี่หรงที่หน้าตาอัปลักษณ์ขนาดนี้ หน้าตาดูไม่ได้ตั้งแต่เด็ก บางทีทั้งชาติก็ไม่เคยถูกคนลวนลามมาก่อน
พูดซะออกรสออกชาติเหลือเกิน ถ้าซูสือเยว่ไม่ใช่ว่าตนเองเป็นสวี่หรงตัวจริง เธอก็ต้องเชื่อจริงๆ แล้ว
ท่ามกลางเสียงประณามสวี่หรง แต่ว่ามี ID ที่ซูสือเยว่ดูคุ้นตาอยู่ ซึ่งกำลังเอาหลักฐานมาต่อสู้แทนซูสือเยว่
“จ้งซินก่งเยว่: ทุกคนอย่าได้สงสัยคนอื่นเพียงเพราะวิดิโอสั้นๆ คลิปเดียวเจ้าของสวี่หรงที่เปิดสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวแห่งนี้ รับเงินแค่1หยวนเอง ทำให้เห็นได้ว่าเธอไม่ได้ทำเพื่อต้องการเงินทอง!”
“จ้งซินก่งเยว่: เรื่องนี้ต้องมีเรื่องภายในแน่นอน ทุกคนอย่าได้เข้าใจทุกอย่างเพราะเหรียญแค่ด้านเดียวพวกนี้ จนทำลายความกระตือรือร้นของคนคนหนึ่งให้เสียเปล่าไป!”
“จ้งซินก่งเยว่: รอให้ตรวจสอบได้ผลเป็นที่แน่ชัดกัน ฉันเชื่อมั่นในตัวของเจ้าของสวี่หรง!”
……
ซูสือเยว่ดู ID นี้พิมพ์ตอบ จนหัวใจเกิดความอบอุ่นแผ่ซ่านขึ้นมาเรื่อยๆ
ID จ้งซินก่งเยว่นี้ ตอนที่เธอต่อสู้อยู่ท่ามกลางวงการบันเทิงนั้น ซิงหยุนกับซิงเฉินก็ทำ ID แฟนคลับให้กับเธอ
เมื่อกดเข้าไปใน ID นี้ นอกจากคำพูดแทนสวี่หรงไม่กี่ประโยคแล้ว ทั้งหมดก็เป็นข่าวคราวของซูสือเยว่
“ยินดีต้อนรับคุณซูสือเยว่เข้าสู่กองถ่าย! 《ความทรงจำที่ขาดหาย》ข่าวดังข่าวใหญ่!”
“พวกเราควรจะคิดเอาเอง เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของคุณซูสือเยว่ อย่าได้หลงกลกับคำพูดของเฉิงเซวียนกับเซี่ยงหวั่นฉิง!”
“คุณซูสือเยว่เป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมมาก หวังว่าทุกคนจะสนับสนุนเธอไปพร้อมกันกับพวกเรา…”
……
เรื่องข่าวคราวของซูสือเยว่ มีอยู่เป็นพันๆ ข่าว
หญิงสาวกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น พลางเกิดอารมณ์ความรู้สึกที่ได้ถาโถมเข้ามาในใจจนมิอาจจะเปรียบเปรยได้
นานมากแล้วที่เธอไม่ได้สนใจ ID นี้แล้ว วันนี้ได้กดเข้าไปดูถึงได้รู้ว่า ซิงหยุนกับซิงเฉิน แอบทำเพื่อเธอตั้งเยอะแยะ อยู่ในโลกออนไลน์มาตั้งแต่แรกแล้ว
ช่วงเวลาที่ในใจของหญิงสาวกำลังถาโถมเต็มไปด้วยความรู้สึก รถยนต์ก็จอดสนิทหน้าประตูโรงพยาบาลแล้ว
ซูสือเยว่สูดหายใจลึกๆ เข้าปอด พลางเปิดประตูรถออก จากนั้นก็ลงจากรถพร้อมกับฉินโม่หาน
ด้านในโรงพยาบาล ฟู๋เชียนเชียนก็มารอเธออยู่ที่ตรงประตูตั้งนานแล้ว
เมื่อเห็นซูสือเยว่เดินเข้าประตูมาพร้อมกับฉินโม่หาน เธอรีบพุ่งตัวเข้าหาทันที พร้อมทั้งดึงมือของซูสือเยว่เอาไว้ “ในที่สุดแกก็มาจนได้!”
“พวกเรา…”
เธอยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ ก็เห็นฉินโม่หานอยู่ด้านข้างซูสือเยว่
ฟู๋เชียนเชียนชะงักเล็กน้อย จิตใต้สำนึกรีบปล่อยมือซูสือเยว่ทันที พร้อมทั้งรีบเสแสร้งเหมือนว่าไม่ได้สนิทสนมกันออกมา “ฉันเห็นข่าวเกี่ยวกับคุณบนอินเทอร์เน็ต เลยมาดูตามกระแสเท่านั้นเอง”
“ต้องการให้ฉันพาคุณขึ้นด้านบนไหม?”
ซูสือเยว่ได้แต่ยิ้มให้อย่างหมดความอดทน
การแสดงของฟู๋เชียนเชียน ยังขาดตกบกพร่องจนมีพิรุธอยู่เหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน
ยังดีที่ว่าฉินโม่หานรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอตั้งนานแล้ว มิเช่นนั้น คำพูดที่เผลอหลุดปากไปสองประโยคของฟู๋เชียนเชียน ก็ไม่ต่างอะไรกับแก๊งคนโง่เลย
ฉินโม่หานเองจับความรู้สึกได้ว่าฟู๋เชียนเชียนเลยจงใจหลีกเลี่ยงคำถามอยู่
ชายหนุ่มยิ้มให้เล็กน้อย “พวกคุณขึ้นด้านบนไปก่อน ผมขอโทรศัพท์สักเดี๋ยว”
พูดจบ เขาก็หันตัวแล้วเดินออกไปด้านนอกประตู และออกไปโทรศัพท์จริงๆ
มองด้านหลังของชายหนุ่มที่เดินออกไปแล้ว ฟู๋เชียนเชียนถอนหายใจโล่งอก “เกือบจะหลุดให้เห็นพิรุธอยู่แล้วเชียว!”
ซูสือเยว่ “….”
เธอได้แต่นวดบริเวณหัวคิ้วของตนเองอย่างเบื่อหน่าย พลางดึงฟู๋เชียนเชียนขึ้นลิฟต์
“ฉินโม่หานเขารู้เรื่องแล้ว”
วินาทีที่บานประตูลิฟต์ปิดลง ณ วินาทีนั้น ซูสือเยว่ก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และค่อยๆ พูดออกมา
ฟู๋เชียนเชียนเบิกตาโต “เขารู้ได้ยังไงกัน?”
“ไปรู้มาตอนไหน? แกบอกเขาเหรอ?”
“หรือเมื่อกี้ฉันเผลอหลุดจนมีพิรุธออกไปเหรอ?”
ซูสือเยว่เหลือบมองเธออย่างเบื่อหน่าย “ถ้าก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ว่าฉันคือซูสือเยว่แล้วละก็ คำพูดของแกเมื่อกี้นี้ มันมีพิรุธตั้งแต่แรกแล้วแหละ”
พูดจบ เธอก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ “เขาจำได้เอง”
ฟู๋เชียนเชียนขมวดคิ้วทันที “เขาจำได้ได้ยังไงกัน?”
เพราะว่าการแต่งตัวเช่นนี้ของซูสือเยว่ ขนาดเธอเองที่เป็นเพื่อนสนิทของซูสือเยว่มันเกือบ 10 ปี ถ้าซูสือเยว่ไม่เป็นคนออกตัวพูดก่อน เธอก็ยังจำไม่ได้เลย
“อาศัยความรู้สึกแหละ”
น้ำเสียงของซูสือเยว่ดังขึ้นตามปกติ “ซิงหยุนพูดว่า ตอนที่ฉินโม่หานอยู่ต่างประเทศ เมื่อเห็นข่าวของสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรงเปิดให้บริการ ก็จำฉันได้ทันที”
ฟู๋เชียนเชียนทำตาโตใส่ “จะ..เป็นไปได้ยังไง?”
ต้องรู้ว่า เธอกับเจี่ยนเฉิงนั้น ถือว่าเป็นคนที่คบค้าสมาคมกับซูสือเยว่มานานหลายปีมากแล้ว
ตอนแรกที่ซูสือเยว่แต่งหน้าและปรากฏต่อหน้าพวกเขานั้น พวกเขายังใช้เวลาพิจารณาอยู่ตั้งนาน ถึงได้มั่นใจแล้วว่าคนหน้าตาทุเรศที่อยู่ตรงหน้านี้คือซูสือเยว่
แล้วทำไมฉินโม่หานถึงได้อาศัยแค่รูปที่ปรากฏอยู่ในข่าวแค่เพียงรูปเดียว ถึงได้สรุปได้แล้ว ว่าผู้หญิงคนที่แต่งหน้าเอฟเฟกต์คนนี้ จะเป็นซูสือเยว่ตัวจริง?
“ฉันเองก็รู้สึกแปลกใจมากเหมือนกัน แต่ว่าความจริงก็เป็นเพราะเหตุนี้แหละ”
ซูสือเยว่ถอนหายใจออกมา พลางเงยหน้าจ้องมองจำนวนชั้นที่อยู่เหนือศีรษะของตนเอง “หรือว่านี่คือข้อตกลงโดยปริยายระหว่างฉันกับเขากันนะ?”
“เฮ้อ”
ฟู๋เชียนเชียนก้มหน้าลง พลางถอนหายใจอย่างหมดอาลัยตายอยาก “เมื่อไหร่นะที่ฉันกับจี้หนานเฟิงถึงจะมีข้อตกลงโดยปริยายแบบนี้ก็คงดี….”
คำพูดของหญิงสาว ทำให้ซูสือเยว่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน “แกกับจี้หนานเฟิง…ยังไม่ได้เลิกกันเหรอ?”
“เปล่า”
ฟู๋เชียนเชียนถอนหายใจยาว “ฉันได้พูดเรื่องขอเลิกกับเขาแล้วตั้งหลายครั้งหลายหนแล้ว เขาก็ทำเหมือนหูทวนลมไม่ได้ยิน”
“วันทั้งวันก็ออกไปตั้งแต่เช้าตรู่กลับก็มืดค่ำมัวแต่วุ่นวายกับการถ่ายละครอยู่ ขนาดตัวเขาฉันยังไม่เห็นหัวเลย แต่ก็ไม่ยอมเลิกกับฉัน”
“แถมยังไม่ยินยอมที่จะประกาศว่ากำลังคบหาอยู่กับฉัน และก็ไม่ยอมฟังเรื่องที่ฉันพูดว่าจะขอเลิก น่าเบื่อชะมัด”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว “งั้นแก…ไม่สนใจเขาก็เท่ากับว่าจบเรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ”
เรื่องการเลิกรากัน ไม่จำเป็นต้องให้จี้หนานเฟิงเห็นด้วยถึงจะเลิกได้ไม่ใช่เหรอ?
ฟู๋เชียนเชียนส่ายหน้าปฏิเสธ “ถึงแม้ว่าฉันไม่สนใจเขา ตอนที่เขาอยากจะมาหาฉัน ก็สามารถหาฉันจนเจอได้”
“สองสามวันก่อน… พ่อของฉันได้จัดการหาคนดูตัวให้ฉันมาถึงเมืองหรงถึงที่เลย พวกเรายังไม่ได้กินข้าวด้วยกันมื้อเลย จี้หนานเฟิงก็ออกมาจัดการจนคนเขาเตลิดหนีไปแล้ว…”
ตอนที่พูดออกมา หญิงสาวถอนหายใจออก “ฉันหวังให้ฉันกับจี้หนานเฟิง มีข้อตกลงโดยปริยายเหมือนกับแกและฉินโม่หานให้เยอะๆ”
“เขาสามารถเข้าใจฉัน…ก็พอแล้ว”
ซูสือเยว่อ้าปาก เตรียมจะพูดอะไรออกมา ลิฟต์ก็เปิดทันที
ยามเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ซูสือเยว่ก็เห็นพ่อแม่ของเฉินตานตาน ยืนอยู่ตรงหน้าประตูลิฟต์
เมื่อเห็นซูสือเยว่ เฉินเจี้ยนฮั๋วพลางตีหน้าถมึงทึง “นี่แกยังเสนอหน้ากล้ามาที่นี่อีกเหรอ!?”