สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 294 ให้เวลาพวกเขาได้หายใจหายคอกันสักหน่อย

คำพูดของฉินโม่หาน ทำให้คิ้วเฉินเจี้ยนฮั๋วย่นเข้าหากันทันที

เขาเบนหน้าหนีไม่กล้าสบตาฉินโม่หานเลย “ฉัน…ฉันไม่รู้ว่าอะไรคือฉินหลิงยี่”

“ยังไม่พูดอีกเหรอ?”

ชายหนุ่มนั่งยองๆ ลง นัยน์ตาปกติ “คุณกับภรรยาของคุณ เป็นคนมาจากชนบท”

“พวกคุณเข้าใจวิธีการในการใช้จุดอ่อนของคนเรา และชอบทำตัวให้ได้รับบาดเจ็บพร้อมทั้งเรียกร้องค่าเสียหายไปทั่ว”

“แต่คนอย่างพวกคุณ ก็ไม่เข้าใจถึงการใช้ประโยชน์ในการเสนอความคิดในที่สาธารณะได้อย่างไร

ฉินโม่หานพูดไปก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมทั้งหาข่าวคราวที่ออกมาพูดดูหมิ่นสวี่หรงในโลกออนไลน์ “ของพวกนี้นะ ถ้าพวกคุณรู้วิธีการใช้งานในการใช้ประโยชน์แล้วละก็ ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นตกเป็นเหยื่อเพื่อการแบล็กเมล์สถานฝึกศิลปะป้องกันตัวที่เพิ่งจะเปิดกิจการหรอก”

“เมื่อกี้คนของฉันได้ตรวจสอบแล้ว ความคิดที่เปิดเป็นสาธารณะเหล่านี้มาจากบริษัทแอคหลุม ที่มาจากบริษัทเล็กๆ ในต่างประเทศ”

“ไหนคุณลองบอกพวกผมสักหน่อยสิ พวกคุณยังได้รับการช่วยเหลือจากต่างประเทศใช่ไหม?”

เฉินเจี้ยนฮั๋วเม้มริมฝีปากอย่างตกตะลึง วินาทีนั้นไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

“ท่านชายฉิน คุณพูดได้อย่างถูกต้อง! เมื่อวานนี้มีคุณฉินคนหนึ่งมาหาพวกเราจริงๆ ….”

เธอยังพูดไม่จบประโยคเลย เฉินเจี้ยนฮั๋วก็ใช้สายตากวาดตามองเธอ เธอรีบหุบปากทันที “มะ…ไม่มีอะไร”

“ยังไม่พูดออกมาอีกใช่ไหม?”

ฉินโม่หานแสยะยิ้มอย่างเย็นชาออกมา “วางใจเถอะ ถึงแม้ว่าพวกคุณไม่พูด ฉันก็หาตัวจนได้”

“แต่ว่าผมของเตือนสองท่านเอาไว้…’

“ตอนนี้ขนาดตัวของฉินหลิงยี่เองยังเอาตัวไม่รอดเลย นับประสาอะไรจะมาปกป้องพวกคุณได้”

“พวกคุณถึงขั้นเลือกช่วยเหลือคนเลวในการทำเรื่องร้ายๆ …”

“งั้นตัวเองก็ภาวนาให้โชคเข้าข้างตนเองมากๆ แล้วกัน”

พูดจบ ชายหนุ่มกันหันตัวไป พลางดึงซูสือเยว่ให้เดินสาวเท้าไปจากที่นี่

ฟู๋เชียนเชียนยังคงยืนอยู่ที่เดิม เมื่อเห็นด้านหลังของฉินโม่หานกับซูสือเยว่เดินออกไปแล้ว เธอได้แต่เม้มปากเอาไว้เงียบๆ

เธอหันศีรษะกลับมาพร้อมทั้งกวาดตามองเฉินเจี้ยนฮั๋วคู่สามีภรรยาที่นอนกองอยู่ที่พื้น “ต้องการเรียกหมอให้พวกคุณไหม?”

แววตาของเฉินเจี้ยนฮั๋วทอประกายขึ้นมาทันที “ต้องการสิ!”

“คุณหนูผู้แสนจิตใจเมตตากรุณาคนนี้ คุณก็เห็นกับตาแล้ว พวกเราถูกท่านชายฉินรังแกจนตกอยู่ในสภาพนี้…”

“คุณช่วยออกค่ารักษาให้กับพวกเราสักหน่อยได้ไหม…”

“ออกให้หมดเลย!”

ฟู๋เชียนเชียนพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

“ค่ะ คุณหมอหวาง ฉันอยู่ชั้นบนเหนือพวกคุณ คุณต้องการจะพาคนมาหลายคนด้วยใช่ไหม?”

“ทางฉันมีคนป่วยอยู่สองคน…”

“ค่ะ คุณก็ให้คนมาเยอะๆ หน่อย ฉันรู้ว่าพวกเขาจะต้องต่อสู้แน่ๆ ค่ะ…”

“ค่ะ วัยกลางคนสองคนค่ะ”

“รบกวนด้วยนะคะ!”

พูดจบ หญิงสาวก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางกดวางสายโทรศัพท์

เฉินเจี้ยนฮั๋วสบตากับภรรยา พลันสีหน้าดีใจจ้องมองมาที่ฟู๋เชียนเชียน “คุณหนูผู้แสนจิตใจเมตตาท่านนี้ คุณ…”

ทำไมให้หมอมาเอง แถมยังให้พาคนมาเยอะๆ อีก แล้วยังพูดว่าพวกเขาจะต้องต่อสู้กันอย่างแน่นอน?

ตกลงว่านี่คือ…

“ฉันหาคุณหมอที่มีอำนาจทางด้านจิตเวชให้พวกคุณแล้วนะ”

ฟู๋เชียนเชียนยิ้มหน้าบานตอนที่จ้องมองมาที่คนสองคน “พวกคุณวางใจได้เลย คุณหมอเฉินฝีมือดีมาก ต้องรักษาอาการทางสมองของพวกคุณให้กลับมาหายดีได้อย่างแน่นอน!”

เฉินเจี้ยนฮั๋ว “…”

ทันใดนั้น เขาจ้องมองใบหน้าฟู๋เชียนเชียนอย่างเอาเป็นเอาตาย “แกกับพวกฉินโม่หาน…เป็นพวกเดียวกันเหรอ?”

“ไม่งั้นทำไมต้องพูดออกมาด้วยล่ะว่าสติของแกมันไม่ดีอะ”

ฟู๋เชียนเชียนกลอกตามองบน “นี่ยังดูไม่ออกอีกเหรอเนี่ย?”

พูดจบ หญิงสาวก็หันตัวกลับ พลางเดินจ้ำอ้าวออกไป

ด้านนอกของโรงพยาบาล

ฉินโม่หานดึงซูสือเยว่ให้ขึ้นรถ

“แค่นี้ก็ออกมาแล้วเหรอ ไม่ตรวจสอบต่อเหรอ?”

พอขึ้นรถได้ ซูสือเยว่ก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้าถามกลับทันที

“พวกเขาไม่พูดออกมาหรอก”

ฉินโม่หานหรี่ตามอง “แต่ว่าตั้งแต่วิธีการติดต่อกับฉินหลิงยี่ทางโทรศัพท์นั้น ก็สามารถเช็กตำแหน่งของฉินหลิงยี่ได้คร่าวๆ แล้ว”

“ซิงหยุนกับซิงกวงสามารถตรวจจับสัญญาณโทรศัพท์ของพวกเขาได้ทั้งหมดแล้ว ต่อจากนี้พวกเขาต้องติดต่อกับฉินหลิงยี่แน่นอน”

ซูสือเยว่พยักหน้าต่อ พลางอดถอนหายใจไม่ไหว “ถึงจะพูดว่าอย่างไรฉินหลิงยี่ก็เป็นคนในตระกูลฉินแถมยังเป็นพี่รองของคุณอีก ทำไมถึงได้…”

“เพราะว่าแม่แท้ๆ ของเขาตอนที่คลอดเขาออกมานั้นคลอดยากมาก พ่อก็เลยโทษเขามาตลอด ปู่กับย่าเป็นคนเลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ พ่อไม่เคยเข้าไปข้องแวะกับเขาเลย”

“ต่อมาเขาก็เป็นทหาร ปู่กับย่าก็เสียชีวิต พ่อถึงได้คิดว่าในที่สุดอยากจะสานสัมพันธ์กับลูกชายคนนี้ของเขา”

“แต่ในเวลานั้น ในใจของเขาไม่ได้คิดว่าพ่อเป็นพ่อที่แท้จริงของเขาแล้ว”

“ในสายตาของเขานั้น พวกเพื่อนร่วมงานรวมถึงทหารรับใช้เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าก็ตาม ถือว่าเป็นครอบครัวของเขาอย่างแท้จริง”

“แต่ว่า…”

ฉินโม่หานเลิกคิ้วขึ้น “กลุ่มเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าเหล่านั้น หลายปีก่อนระหว่างการทำงาน ทุกคนตายหมด เหลือแค่เขาเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตรอด”

พูดจบ ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมา “เขาเคยพูดว่า การที่เขามีชีวิตอยู่ ก็เพื่อต้องการจะแก้แค้นให้กับบรรดาพี่น้องของเขา”

ซูสือเยว่เม้มปาก “แล้วเย่เชียนจิ่ว…”

“เย่เชียนจิ่วเป็นเด็กกำพร้า”

ในสายตาของฉินโม่หานนั้น “ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉินหลิงยี่ก็พูดออกมาหมดแล้ว ว่าเย่เชียนจิ่วเป็นลูกสาวของเหล่าเย่ที่เป็นหัวหน้าของเขา ดังนั้นก็เลยเอาตัวเธอมาเลี้ยงดูให้เป็นน้องสาวจนเติบโตขึ้นมา”

“พวกเราก็เชื่อมั่นในคำพูดของเขามาโดยตลอด…”

“แต่ไม่นานมานี้ พวกเราเพิ่งจะรู้ว่า แท้จริงแล้วลูกสาวและภรรยาหัวหน้าของเขาเหล่าเย่เสียชีวิตไปตั้งนานแล้ว”

“ส่วนเย่เชียนจิ่วเป็นเด็กกำพร้าที่ฉินหลิงยี่เก็บมาเลี้ยงดูคนหนึ่ง แถมอายุก็ไล่เลี่ยกับลูกสาวของเหล่าเย่ และเป็นเด็กผู้หญิงที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันอยู่สักหน่อย”

พูดจบ ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออก “เย่เชียนจิ่วเป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง”

ทั้งๆ ที่เธอสามารถมีชีวิตได้เป็นของตนเอง

แต่เธอต้องมาพบมาเจอกับฉินหลิงยี่

ดังนั้นเลยเปลี่ยนชื่อเป็นเย่เชียนจิ่ว และใช้ชีวิตท่ามกลางความรู้สึกอารมณ์อันผิดปกติของฉินหลิงยี่

จนสุดท้าย ก็ทำทุกอย่างเพื่อเป็นการล้างแค้น เลยทำเรื่องผิดพลาดตั้งมากมาย

“ฉันก็เป็นคนที่น่าสงสารเหมือนกันนะ”

เมื่อได้ยินฉินโม่หานพูดถึงเย่เชียนจิ่วแล้ว ซูสือเยว่อดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่

เย่เชียนจิ่วเป็นคนที่น่าสงสาร หลายครั้งหลายคราที่ถูกเย่เชียนจิ่วหาเรื่อง จนสุดท้ายเธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด หรือว่าไม่น่าสงสารเหรอ?

ฉินโม่หานชะงักทันที พลางหันหน้าไปเหลือบมองปานกับร่องรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเธอ “เจ้าของสวี่มีประสบการณ์อะไรที่แย่ๆ เหรอ?”

คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ตัวของซูสือเยว่ชะงักทันที

ไม่นาน เธอถึงได้นึกขึ้นมา สถานะตนเองตอนนี้ไม่ใช่ซูสือเยว่ แต่เป็นสวี่หรง

หญิงสาวกลอกตามองบน

เธอลืมไปเสียสนิทเลยว่าตนเองกำลังปลอมตัวอยู่นะเนี่ย ทว่าฉินโม่หานกลับเป็นฝ่ายจดจำได้เอง

เมื่อเห็นท่าทางของเขาที่ไม่ร้อนรนในการให้เธอกลับคืนสู่สถานะเดิมเลย!

งั้นเธอก็ไม่รีบ!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หญิงสาวเบะปากออก พลางกลอกตามองบน “ไม่บอกคุณหรอก”

ท่าทางเขินอายของเธอเช่นนี้ ทำให้ฉินโม่หานอดยิ้มไม่ไหว

ชายหนุ่มยื่นมือออกมา พลางบีบจมูกของเธอเอาไว้ “ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด”

“ผมส่งคุณกลับก่อนนะ”

ซูสือเยว่เลิกคิ้วให้ จากนั้นก็หันตัวกลับไปมองโรงพยาบาลที่อยู่ด้านหลัง “ตอนนี้ฉันกลับไปแล้ว…ทางฝั่งเฉินตานตานทางนั้นล่ะจะทำยังไง?”

“พวกเขาต้องมีแผนการในการเคลื่อนไหวต่ออย่างแน่นอน”

“แม้ว่าตอนนี้พวกเรามีความสามารถมากพอที่สามารถลอบสังหารพวกเขาได้ในพริบตาก็ตาม…. แต่ว่า”

“เพื่อการหาตัวฉินหลิงยี่ให้เจอ ยังต้องรอเวลาที่แสดงจุดอ่อนออกมา”

“ดังนั้นกลับไปก่อนเถอะ ให้เวลาพวกเขาได้หายใจหายคอกันบ้าง”

ถึงอย่างไร การต้องการค้นหาตัวฉินหลิงยี่ความจริงก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร

แต่ว่าอยากตรวจสอบองค์กรที่อยู่เบื้องหลังในการสนับสนุนช่วยเหลือฉินหลิงยี่มาอยู่ตลอด จำเป็นต้องใช้วิธีการอยู่

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset