สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 295 จิตใจของแกมันช่างอุบาทว์เกิน

ตอนที่ซูสือเยว่กลับที่สถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรงนั้น ด้านนอกสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรงก็ยังมีบรรดาคนตามกระแสโลกออนไลน์และพวกนักข่าวล้อมรอบไปหมดจนเบียดเสียดยัดเยียด

กระทั่ง มีคนเอาป้ายออกมา เพื่อต้องการเรียกร้องความยุติธรรมแทนเฉินตานตานที่กระโดดตึก

คนที่เป็นแกนนำเอาโทรโข่งออกมา จากนั้นก็เริ่มสาธยายถึง “ความผิด” ของซูสือเยว่เสียงดังลั่น

“หน้าตาก็อัปลักษณ์ขนาดนั้น ดันมาเปิดสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวแค่เสียค่าเรียนแค่ 1 หยวน กิจการนี้ดูก็รู้แล้วว่ามันไม่ปกติ!”

“เก็บเงินค่าเล่าเรียน แต่กลับสร้างความอับอายให้กับเฉินตานตาน ในชั่วโมงเรียน ท่ามกลางสายตาของทุกคน แถมยังเหยียบย่ำความภาคภูมิใจของเฉินตานตาน นี่คือความผิดข้อสองของสวี่หรงเจ้าของสวี่!”

“ข้อสุดท้าย ทำร้ายคน หลังจากทำลายเกียรติยศของเด็กสาวคนอื่นแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่คิดกลับใจแต่อย่างใด แถมยังไม่อนุญาตให้เขาได้กลับเข้าไปในสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวอีกครั้ง จนสุดท้ายแล้วทำให้คนอื่นต้องกระโดดตึก นี่คือความผิดข้อที่สามของเธอ”

“สรุปข้อหาเบื้องต้น สวี่หรงเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ เย็นชา ไร้ความรู้สึกแถมยังโหดร้ายทารุณและเป็นผู้หญิงที่ไม่มีความเห็นใจคนอื่น!”

“เธอต้องชดใช้ค่าทำขวัญและค่ารักษาพยาบาลให้กับเฉินตานตานทุกบาททุกสตางค์!”

คนที่ตะโกนออกมานั้นเปล่งเสียงอย่างสุดกำลัง ทำให้คนที่มุงอยู่รอบๆ ต่างเริ่มตะโกนตามขึ้นมา

“ต้องชดใช้ค่าเสียหาย! ต้องชดใช้ค่าเสียหาย!”

“สวี่หรงขยะโสมม! สวี่หรงขยะโสมม!”

ท่าทางเช่นนั้น เหมือนกับการแข่งขันกีฬาสีในโรงเรียนประถมเพื่อส่งกำลังใจให้เลย

ซูสือเยว่ถึงกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่

เธอพลางเงยหน้าขึ้นเหลือบตามองผู้ชายที่เป็นแกนนำคนนั้น

พฤติกรรมที่ปัญญาอ่อนขนาดนี้ ขนาดซิงหยุนกับซิงเฉินที่เป็นเด็ก 6 ขวบ ยังไม่ยอมทำเลย?

ตอนที่หญิงสาวกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ระเบียงชั้นสองของสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวก็เปิดออก

ซิงกวงที่สวมกระโปรงชุดเจ้าหญิงสีชมพูทั้งชุดก็ลากเก้าอี้ตัวเล็กออกมานั่งไขว่ห้างอยู่ตรงระเบียง ในมือก็ถือโทรโข่งที่รุ่นเดียวกันกับคนที่ถืออยู่ข้างล่าง พร้อมทั้งพูดออกมาอย่างเย็นชา “ไม่ใช่ว่าใครเสียงดังกว่าแล้วจะมีเหตุผลมากกว่านะ!”

“คุณเอาโทรโข่งมาได้ หนูก็เอามาได้!”

น้ำเสียงตามประสาเด็กของสาวน้อย แต่ว่ากลับมีความเชื่อมั่นและการยืนหยัดที่ยากมากที่ผู้ใหญ่พึงจะมี

“คุณแจ้งข้อกล่าวหาให้เจ้าของสวี่หรง3ข้อหา ในสายตาของหนูมันไม่เป็นความจริงเลย”

“แม้ว่าเจ้าของสวี่หรงจะหน้าตาไม่สวยเลยสักนิด แต่ว่าจิตใจของเธอ กลับสวยงามมาก”

“ถ้าเธอเป็นคนหน้าเนื้อใจเสืออย่างที่ว่าจริงๆ เธอก็สามารถติดสินบนให้สื่อมวลชนทำข่าวว่าเธอเป็นคนเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ และประกาศหลักสูตรวิชา 1 หยวนของเธอให้ดังกระฉ่อนไปทั่ว เพื่อให้ทุกคนรู้กันทั่วว่าเธอเป็นเจ้าของของสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวที่เสียสละไม่มีนอกไม่มีใน ใช่ไหม?”

“การที่เธอไม่ได้เช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าเธอไม่ใช่คนหน้าเนื้อใจเสือ”

“ยังมีอีก คือว่าการทำร้ายเฉินตานตานในวิชาเรียน…”

“ขอร้องล่ะ นี่มันวิชาศิลปะการป้องกันตัวนะ ตอนที่คุณเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ครูก็ให้คุณได้แก้โจทย์ปัญหา การที่ให้เฉินตานตานขึ้นมาต่อสู้กับครู ก็เพื่อจะได้ตรวจสอบการเรียนของเธอเท่านั้นเอง แต่การเรียนศิลปะป้องกันตัวไม่มีความคืบหน้าสักนิด พอถูกครูเตะเข้าให้ จนสุดท้ายก็ยังพูดว่าครูจงใจรังแกคนเหรอ?”

“ยังมีท้ายสุดของท้ายสุดอีก…”

“ขนาดหนูที่เป็นเด็กน้อยอายุแค่ 6ขวบ ตอนที่เข้าเรียนอนุบาล แก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ไม่ดี ก็ยังถูกครูตำหนิมาเลย”

“ถ้าเป็นเพราะว่าเรื่องพลิกมุมขี้ปะติ๋วแค่นี้ถึงขึ้นทำให้กระโดดตึกแล้วละก็ งั้นปัญหาก็มาจากเธอแล้วแหละ แล้วทำไมยังต้องให้ครูจ่ายค่าเสียหายด้วยล่ะ?”

พูดจบ เด็กน้อยก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางยืนเท้าสะเอว “ถึงอย่างไรพวกคุณกำลังหาเรื่องสร้างปัญหาอย่างไม่มีเหตุผล!”

“ถ้าพวกคุณยังไม่ยอมไป พวกเราจะแจ้งความแล้ว!”

“ถึงเวลานั้นลองดูสิว่าเจ้าของสวี่หรงชดใช้ค่าเสียหาย หรือว่าพวกคุณจะถูกจับกันแน่!”

แม้ว่าคำพูดของสาวน้อยจะน่ารักน่าเอ็นดูก็ตาม แต่ว่าท่าทางกลับไม่แพ้ให้ผู้ใหญ่พวกนั้นสักนิด

คนกลุ่มหนึ่งมองหน้ากัน คนนี้มองหน้าคนนั้น สุดท้ายแล้วกลุ่มนี้ก็พากันเบนสายตาไปทางผู้ชายที่เป็นแกนนำ

ราวกับว่ากำลังรอข้อสรุปของเขาอยู่

ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น เห็นได้ชัดว่าไม่คิดเลยว่าจะโดนเด็กน้อยอายุ 5 ขวบตอกกลับมาจนตกอยู่ในสภาพนี้

ตอนที่เขากำลังคิดไม่ออกว่าตกลงแล้วจะทำอย่างไรดีนั้น ซิงเฉินกับซิงหยุนก็เปิดประตูระเบียงออกมา พลางยืนด้านหลังของซิงกวงคนละฝั่ง

“ชุยเฉิงเก๋อเป็นคนเมืองหรง ปีนี้อายุ 31 ปี คนเร่ร่อนไม่มีงานทำ เคยเรียนที่โรงเรียนมัธยมอันดับที่4ในเมืองหรง…”

ซิงเฉินมองโทรศัพท์ พร้อมทั้งอ่านเอกสารประวัติของผู้ชายคนนั้นออกมาทำละคำ

ซิงหยุนที่อยู่ด้านข้างก็ยืนกอดอก “คุณชุยพวกเราได้ตรวจสอบเอกสารกันแล้วก็พบว่า เฉินตานตานเป็นแฟนสาวคนปัจจุบันของคุณ”

“ทว่าก่อนหน้านี้คุณกลับบอกกับทุกคนว่า คุณเป็นที่ไม่รู้จักกันแต่ออกมาเรียกร้องให้กับเฉินตานตาน….”

“การที่คุณทำเช่นนี้ คุณทำเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับแฟนสาวจริงๆ ใช่ไหม หรือว่าอยากจะช่วยให้แฟนสาวได้ค่าแบล็กเมล์ให้ได้มากขึ้นหน่อย จากนั้นก็จะได้แบ่งกันได้อย่างยุติธรรมใช่ไหม?”

คำพูดของซิงหยุน มันทำให้ซูสือเยว่อดขมวดคิ้วเข้าหากันไม่ได้

ชุยเฉิงเก๋อ

คนคนนี้…เหมือนว่าเธอรู้จักนี่

ตอนที่เธอเรียนมัธยมปลายในโรงเรียนมัธยมอันดับที่4ของเมืองหรง

ถ้าเธอจำไม่ผิดไป ชุยเฉิงเก๋อก็เป็นหนึ่งในนักเรียนที่เคยตามจีบเธอ

แต่ว่าเวลานั้น สมองของซูสือเยว่สนใจแต่ฉิงเซวียน ไม่เคยเหลือบมองเขาสักครั้ง

แต่พอเธอได้เจอหน้าของชุยเฉิงเก๋ออีกครั้ง แค่รู้สึกว่าคุ้นตา แต่นึกชื่อไม่ออก

วันนี้เมื่อได้ยินชื่อที่ซิงเฉินพูดออกมา เธอกลับจำได้ขึ้นมาทันที

น่าจะเป็นสิ่งที่คิดอยู่ในใจแต่โดนซิงหยุนพูดออกมาจนหมดเปลือกต่อหน้าฝูงชนจนทำให้เกิดความรู้สึกเคอะเขินขึ้นมาบ้างชุยเฉิงเก๋อ ยังเสนอหน้าตั้งคอส่งเสียงแข็งพูดตอบกลับ “หรือว่าฉันไม่สามารถประท้วงความยุติธรรมกับรุ่นน้องซูสือเยว่ของฉันได้เลยเหรอ??”

เขาพูดอย่างเย็นชา และยืนกอดอกไปด้วย

“รุ่นน้องของฉัน เป็นนักแสดงสาวสวยที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในวงการบันเทิง ก่อนหน้านี้ยังได้รับการโหวตให้เป็นนักแสดงหญิงดีเด่น!”

“ต่อมาเธอเกิดเรื่องขึ้นจนไม่รู้หายหน้าหายตาไปไหน หลังจากนั้นฉินโม่หานก็เริ่มตามจีบสวี่หรงคนนี้ทันที”

“ที่ฉันมาที่นี่ ความจริงแล้วไม่ใช่เพื่อตัวเอง และก็ไม่ใช่เพื่อเฉินตานตาน แต่มาเพื่อซูสือเยว่!”

คำพูดของชุยเฉิงเก๋อ พลันเรียกเสียงฮือฮาจากผู้คนโดยรอบได้

ก่อนหน้านี้ซูสือเยว่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก อีกทั้งฉินโม่หานยังมีการแถลงข่าวเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองคนอย่างโด่งดัง คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่มีใครที่จะไม่รู้ว่าซูสือเยว่เป็นใคร

กลุ่มฝูงชนเริ่มกระซิบถกเถียงกันแล้ว

“ใช่สิ ซูสือเยว่สวยขนาดนั้น… ช่างน่าเสียดาย”

“สายตาท่านชายฉินที่ก็ขัดหูขัดตาจริงๆ เลย…เมียคนก่อนสวยหยาดเยิ้มขนาดนั้น แต่ตอนนี้กลับมาถูกใจสวี่หรง… นี่มันเรื่องตลกอะไรเนี่ย?”

“ใช่ๆ ถ้าฉันเป็นเพื่อนกับซูสือเยว่ ฉันก็รับไว้ไม่ไหว!”

“……”

เมื่อเห็นว่าตนเองใช้ประโยชน์จากซูสือเยว่ได้ จนสามารถทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเข้าข้างตัวเองแล้ว สีหน้าของชุยเฉิงเก๋อก็ฉายแววภาคภูมิใจขึ้นมาทันควัน

เขาส่งเสียงฮึมฮัมออกมา พลางเงยหน้าจ้องมองเด็กๆ ทั้งสามคนที่อยู่บนระเบียง “ทุกคนต่างพูดกันว่าหน้าตาแสดงถึงสภาพจิตใจขอคนเรา สวี่หรงหน้าตาทุเรศอัปลักษณ์ จิตใจก็ต้องทุเรศตามด้วย”

“พวกเราก็แค่เรียกร้องความเป็นธรรมแทนสวรรค์เท่านั้นเอง!”

คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ซูสือเยว่อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มออกมา “เหรอ?”

หญิงสาวที่นั่งดูความครื้นเครงอยู่ในรถพลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เปิดประตูรถลงมา นัยน์ตากวาดตามองชุยเฉิงเก๋อแวบหนึ่ง “สิ่งที่คิดอยู่ในใจแสดงออกทางสีหน้าเหรอ?”

“ถึงขั้นสิ่งที่คิดอยู่ในใจแสดงออกทางสีหน้า แล้วทำไมตอนนี้คุณชุยยังไม่ได้เสียโฉมไปล่ะ?”

คำพูดของหญิงสาว ทำให้ชุยเฉิงเก๋อชะงักทันที

ชั่วครู่ เขาก็เข้าใจความหมายของเธอ พลันโกรธกระฟัดกระเฟียดขึ้นมา

“อีคนหน้าตาอัปลักษณ์ แกหมายความว่ายังไง!”

ซูสือเยว่ยังไม่ทันได้ตอกกลับ ประตูรถด้านหลังของเธอก็เปิดออก

ชายหนุ่มลงจากรถ พร้อมทั้งเริ่มพูดเอื้อนเอ่ยออกมา “ความหมายคือ จิตใจของคุณมันทุเรศเหลือเกินไง”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset