คำพูดของฉินโม่หาน ทำให้สีหน้าของชุยเฉิงเก๋อเคร่งเครียดทันควัน
ชายหนุ่มเลิกหัวคิ้วขึ้น พร้อมทั้งจ้องมองใบหน้าของฉินโม่หานอย่างร้ายกาจ “คุณหมายความว่าอะไร?”
“จิตใจผมทุเรศงั้นเหรอ?”
“ไม่ว่าจะทุเรศมากขนาดไหนก็ตาม มันทุเรศเท่ากับคุณและสวี่หรงไหมล่ะ!?”
พูดจบ เขาก็จ้องมองใบหน้าของฉินโม่หานอย่างเอาเป็นเอาตาย “ผมยังจำได้ดีตอนที่คุณกับซูสือเยว่ประกาศความสัมพันธ์กันนั้น คุณก็ได้สาบานจะดูแลรักเธอไปตลอด คำสัญญาทุกอย่าง กระทั่งฉากละครที่เธอจูบกับจี้หนานเฟิงนั้น คุณยังแสดงความต้องการที่จะจูบแทน เพื่อไม่อยากให้ซูสือเยว่ไปสัมผัสกับผู้ชายคนอื่น”
“แถมคุณยังพูดว่าเธอเชื่อฟังสามีมาก”
“แต่ผลที่ได้รับล่ะ?”
“ยังไม่ถึงครึ่งปีเลย คุณก็มารักสวี่หรงที่หน้าตาอัปลักษณ์คนนี้เข้าแล้ว!”
ชุยเฉิงเก๋อ พูดไปด้วย พร้อมทั้งใช้นิ้วชี้มาที่ใบหน้าซูสือเยว่ด้วย “ยังมีแกอีคนหน้าตาอัปลักษณ์”
“มิน่าล่ะถึงได้ปฏิบัติกับเฉินตานตานแบบนั้น มิน่าเล่าถึงได้จองหองพองขนอวดดีได้ขนาดนี้ ที่แท้ก็มี Black gourd ที่ทั้งรักทั้งหลงจนหยิ่งผยองได้นี่เอง!”
“หรือว่าแกรู้สึกว่า แกได้ความรักจากฉินโม่หานแล้ว ก็สามารถทำอะไรได้ตามใจอยากเหรอ? อยากจะรังแกใครก็ได้ตามใจงั้นสิ?”
“ฉันจะบอกแกให้นะ ทางที่ดีที่สุดแกสามารถที่จะรับรองได้ไหมล่ะว่าฉินโม่หานจะชอบแกไปชั่วชีวิต!”
“ไม่งั้น แกก็จะเหมือนรุ่นน้องที่น่าสงสารของฉันซูสือเยว่คนนั้น แค่ห่างหายไปจากเขาเท่านั้นเอง ไม่นานเท่าไหร่ เขาก็จะลืมแกไปจนหมดสิ้น และไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นแทน!”
คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ซูสือเยว่อดไม่ได้ที่เลิกคิ้วขึ้น
เธอคลี่ยิ้มให้ พลางมองเขาที่กำลังยิ้มอยู่ “คุณชุยท่านนี้ ฟังความหมายจากประโยคที่คุณพูดออกมานั้น…. คุณสนิทกับซูสือเยว่มากนักเหรอ?”
“แน่นอนสิ!”
ชุยเฉิงเก๋อส่งเสียงงึมงำกลับอย่างเย็นชา “ฉันกับรุ่นน้องซูสือเยว่ เคยเป็นคนที่มีความรู้สึกพิเศษต่อกันมาก่อน!”
“ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าตอนเรียนมัธยมด้วยกันไม่อนุญาตให้คบหาดูใจกัน พวกเราก็คงอยู่ด้วยกันไปตั้งนานแล้ว!”
“ตอนแรกเธอยังเคยสารภาพรักกับฉันเลยนะ….”
ซูสือเยว่หรี่ตามอง “คุณพูดว่า…ซูสือเยว่เคยสารภาพรักกับคุณด้วย?”
“ก็ใช่นะสิ!”
ชุยเฉิงเก๋อเต๊ะท่าทางแสดงท่าทีว่าเป็นแบบนั้น
“แม้ว่าฉันไม่ได้ตอบตกลงเธอ และไม่ได้คบหากับเธอ แต่ว่าฉันก็จำเป็นต้องยอมรับเลยว่า ซูสือเยว่เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่งเลย…”
“เธอสวยขนาดนั้น ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ตาม ก็อยากจะตามจีบเธอ อยากจะดูแลทะนุถนอมเธอกันทั้งนั้นแหละ!”
“ทว่าฉินโม่หานผู้ชายคนนี้…เหอะๆ”
ชุยเฉิงเก๋อถลึงตาจ้องมองฉินโม่หาน “เขาเจ้าชู้ เย็นชา ถือว่าเป็นความอัปยศของผู้ชายเลย!”
ยิ่งเห็นท่วงท่าชุยเฉิงเก๋อที่ดูพูดอย่างเป็นธรรมแล้ว ซูสือเยว่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาทันที
“คุณชุยนี่คุณคิดจริงๆ หรือว่า แค่ตัวของซูสือเยว่ไม่ได้อยู่ที่นี่ คุณจะพูดอะไรออกมา ก็ไม่มีคนหักหน้าคุณได้ใช่ไหม?”
เธอหาวหวอดออกมา “ตอนเรียนมัธยมปลาย…ฉันจำได้ว่าคุณในเวลานั้นเนี่ย เขียนจดหมายรักให้กับซูสือเยว่ไปตั้งหลายสิบฉบับมั้ง เธอก็ตอบกลับคุณมาสองครั้งเห็นจะได้ ในจดหมายนั้นก็ระบุอย่างชัดเจนว่าให้คุณตั้งใจเรียนหนังสือ”
“ทำไมคำพูดที่หลุดออกจากปากของคุณ กลายเป็นว่าเธอมาตามจีบคุณไปได้ล่ะ?”
คำพูดของหญิงสาว ทำให้ชุยเฉิงเก๋อเบิกตาโตทันที
เขาขมวดคิ้วพลางมองมาทางซูสือเยว่ “ทำไมคุณถึง….”
“ทำไมฉันรู้ใช่ไหม?”
ซูสือเยว่คลี่ยิ้ม “ฉันยังรู้อีกนะว่า คุณชุยสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยมาสองครั้งแล้ว ครั้งแรกสอบไม่ผ่าน หลังจากนั้นก็มาสอบครั้งที่สอง ยังให้ซูสือเยว่ช่วยแนะนำให้คุณอยู่เลย แถมยังอยากจะสอบเข้าคณะเดียวกับเธอ”
“ทว่าซูสือเยว่เรียนการแสดง ด้วยปัจจัยจากบุคลิกภายนอกของคุณชุยทำให้การสอบใหม่อีกครั้งก็ยังไม่ผ่าน ใช่ไหม?”
คำพูดของหญิงสาว ทำให้การแสดงออกทางสีหน้าของชุยเฉิงเก๋อยิ่งดูย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ
เขากัดฟัน พร้อมทั้งพูดเสียงต่ำ “แกรู้ได้ยังไง….”
ซูสือเยว่กะพริบตาจ้องมองมาทางเขา “คุณลองเดาดูสิ?”
พูดจบ หญิงสาวก็บิดขี้เกียจ พลางใช้สายตาเหลือบมองกลุ่มฝูงชนที่คอยติดสอยห้อยตามเรียกร้องอยู่รอบๆ ตัวของชุยเฉิงเก๋อ “รู้ว่าทุกคนมีจิตใจที่เป็นห่วงเป็นใยกันมาก แต่ว่าอย่าให้คนอื่นใช้เป็นเครื่องมือหลอกใช้ประโยชน์เลย”
“แฟนสาวของชุยเฉิงเก๋อคนนี้ ทั้งครอบครัวก็เคยมีคดีเกี่ยวกับการทำร้ายตนเองเพื่อเรียกเงินค่าเสียหายมาก่อน การที่พวกคุณทำแบบนี้กับฉันต่อหน้าบ้านของฉันเอง”
“แต่ถ้าสุดท้ายแล้วความจริงตรวจสอบออกมาแล้ว ว่าพวกเขาทำลงไปเพื่อต้องการสร้างเรื่องในการเรียกร้องเงินจากฉันโดยไม่มีเหตุผลใดๆ …”
“แล้วพวกคุณจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อที่จะขอโทษฉันอีกครั้งหนึ่งใช่ไหม?”
คำพูดของหญิงสาว ทำให้กลุ่มฝูงชนเงียบขรึมลงทันที
คนในกลุ่มนั้นเริ่มถอนหายใจ “ก็นึกว่าคุณชุยเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มที่มีจิตใจกระตือรือร้นมาตลอด ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแฟนหนุ่มของเฉินตานตาน”
“เฮ้อ สลายตัวสลายตัวกันได้แล้ว วุ่นวายมาตั้งนาน ที่แท้ก็คนในครอบครัวตนเองทั้งนั้น”
“ไปดีกว่า ไปล่ะ ฉันก็ไม่ใช่คนอยู่ในเหตุการณ์ ไม่มีสิทธิ์พูด”
ไม่นานนัก คนรอบข้างที่เคยต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมอย่างโกรธเคืองเคียงบ่าเคียงไหล่มากับชุยเฉิงเก๋อพวกนั้น ก็เดินออกไปจนหมด
ประตูอันเวิ้งว้างว่างเปล่า เหลือแค่ฉินโม่หาน ซูสือเยว่และชุยเฉิงเก๋อคนนี้อยู่
ฉินโม่หานแสยะยิ้มออกมา พลางเดินสาวเท้าไปยืนอยู่ตรงด้านข้างของชายหนุ่ม พลางยื่นมือออกมาตบไหล่ของเขา แล้วยื่นบุหรี่ให้หนึ่งมวน “ตะโกนมาตั้งนาน เหนื่อยแล้วใช่ไหม?”
“ครั้งนี้เฉินเจี้ยนฮั๋ววางแผนว่าจะแบ่งให้คุณเท่าไหร่?”
ชุยเฉิงเก๋อเริ่มมีอาการมึนงงอยู่บ้าง เขารับบุหรี่ที่ฉินโม่หานยื่นให้ “จะให้ผม…5หมื่น”
ชายหนุ่มฉีกยิ้ม “ผมให้คุณ6หมื่น”
ชุยเฉิงเก๋อ ชะงัก พลางเงยหน้าอย่างตกตะลึงขึ้นทันควัน “ท่านชายฉิน คุณมัน..”
“อาศัยที่ว่าคุณเป็นรุ่นพี่ของซูสือเยว่ ลองๆ คิดดูนะ?”
ชุยเฉิงเก๋อเลิกคิ้ว พลางชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว เพื่อบอกสัญลักษณ์ตัวเลข “8” “8หมื่น” ผมจะเป็นสายลับให้ท่านเอง
ซูสือเยว่ “…”
นี่หมายความว่า เฉินตานตานไม่ใช่แฟนสาวของชุยเฉิงเก๋องั้นเหรอ?
เฉินเจี้ยนฮั๋วให้เขา 5 หมื่น ฉินโม่หานให้เขา 8 หมื่นก็สามารถซื้อตัวเขาได้แล้วเหรอ?
แฟนสาวมีค่าแค่ 3 หมื่นเท่านั้นเองเหรอเนี่ย?
ฉินโม่หานพยักหน้า “Deal”
ชุยเฉิงเก๋อดีใจจนลูกตาในเบ้าตาทอประกายอย่างซาบซึ้งออกมา “คุณพูดมาเลย ว่าคุณต้องการให้ผมทำอะไร”
“จะให้บุกน้ำลุยไฟ โดยไม่คำนึงถึงชีวิตก็พูดมาเลย”
“ไม่จำเป็นต้องให้คุณไปบุกน้ำลุยไฟหรอก”
ฉินโม่หานอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา พลางตบไหล่ของชายหนุ่ม “แค่จำเป็นต้องให้คุณ…”
เมื่อเห็นฉินโม่หานกับชุยเฉิงเก๋อกำลังคุยกันอยู่นั้น ซูสือเยว่ก็เบะปากออกอย่างเบื่อหน่าย พลางผลักประตูเข้าไปในสถานฝึกศิลปะป้องกันตัว
“หม่า…สวัสดีครับ/ค่ะเจ้าของ!”
เมื่อเธอผลักประตูเดินเข้าไป ตรงปากประตู เจ้าของซิงหยุน ซิงเฉิน ซิงกวงเจ้าสามแสบกำลังยืนเข้าแถวสั้นๆอยู่ ทุกคนมีคาเนชั่นดอกเล็กๆ อยู่ในมือ แล้วยืนยิ้มร่าให้กับเธอ
หัวใจของซูสือเยว่สั่นเล็กน้อย
ซิงกวงวิ่งเข้ามาหาเป็นคนแรก
สาวน้อยขาสั้นๆ ตอนที่วิ่งมานั้นผมหางม้าของเธอกวัดแกว่งไปในอากาศ
เธอวิ่งเข้ามาหา พลางเอาดอกคาเนชั่นในมือยัดใส่มือของซูสือเยว่ทันที “ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ!”
ซิงเฉินอยู่ด้านหลังของเธอ แถมเดินเอามือข้างหนึ่งใส่กระเป๋ากางเกงอย่างเท่ พลางยื่นดอกคาเนชั่นยัดใส่มือของเธอ “ผมไม่ชอบเล่นเกมการส่งดอกไม้แบบปัญญาอ่อนนี่เลย แต่ว่าซิงกวงต้องการให้พวกเราทำแบบนี้”
ซิงหยุนยังคงยืนอยู่ที่เดิม พร้อมทั้งยิ้มและมองมาทางซูสือเยว่ “ชอบไหมครับ?”
ซูสือเยว่พยักหน้าแรงๆ “ชอบ!”
เธอเดินเข้ามาหา พลางหยิบดอกไม้ในมือของซิงหยุนมา
พลางหอบช่อดอกคาเนชั่นทั้งสามช่อเล็กเอาไว้ จนหัวใจของซูสือเยว่มีความรู้สึกต่างๆ ถาโถมขึ้นมา
นี่เป็นครั้งแรกของเธอ ที่รู้สึกความงดงามของความเป็นแม่
หลังจากที่หลุดพ้นตัวตนของซูสือเยว่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ตนเองอยากจะกลับไปเป็นตัวเอง เพื่อลูกๆ แล้ว
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หอมแก้มซิงกวง ซิงเฉิน และซิงหยุนคนละที
“ขอบใจลูกๆ นะ!”
“ผมล่ะ”
เมื่อสิ้นเสียงคำพูดของซูสือเยว่ ตรงประตูก็มีเสียงชายหนุ่มดังขึ้น พร้อมทั้งเสียงหัวเราะออกมา “หอมแก้มพวกเขาสามคนไปแล้ว ผมก็ต้องการนะ”
ซูสือเยว่กลอกตามองเขา “ของคุณไม่มี”
“แล้วทำไมของผมไม่มีล่ะ?”
ฉินโม่หานสาวเท้าก้าวยาวๆ เข้ามาหา นัยน์ตาไร้ความรู้สึกคู่นั้นมีรอยยิ้มปะปนอยู่เล็กน้อย “เจ้าของสวี่ไม่ให้เหรอ?”
แววตาของชายหนุ่มช่าวเร่าร้อนอ้อนวอนเหลือเกิน ร้อนผ่าวถึงขึ้นที่ซูสือเยว่ต้องเบนหน้าหนี “ไม่ให้”
“ไม่ให้ก็ไม่เป็นไร”
ฉินโม่หานยิ้มออกมา จากนั้นก็ดึงตัวเธอเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด “ผมเอาเองก็ได้”