สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 297 ชั่วชีวิตเป็นของผม

คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ตัวซูสือเยว่ตะลึงหนักมาก!

จิตใต้สำนึกสั่งการ เธอเริ่มดิ้นรนอย่างไม่คิดชีวิตขึ้นมาทันที “ท่าน…ท่านชายฉิน…”

เธอทั้งดิ้นรน ทั้งอยากจะรักษาสถานะการเป็น “สวี่หรง” ของตนเองเอาไว้

“พวกเรายังไม่ค่อยสนิทกันนะ…”

เดิมซูสือเยว่คิดว่า ตนเองพูดว่าไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับฉินโม่หานสักเท่าไหร่ สามารถตักเตือนฉินโม่หานได้ ว่าตอนนี้สถานะของเธอกับเขานั้น ไม่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้

แม้ว่าเธอรู้ว่าฉินโม่หานรู้ถึงตัวตนของเธออย่างชัดเจนแล้วตั้งแต่แรกก็ตาม

แต่ว่าที่เขาไม่ได้เปิดเผยเธอตลอดทั้งวัน ก็น่าจะเคารพอารมณ์ของเธอที่อยากจะปลอมตัวอยู่ตลอดเวลา

ทว่าเธอไม่คาดคิดเลยว่า …

หลังจากที่เธอหลุดปากพูดคำพูดนี้ออกไปแล้ว ฉินโม่หานกลับแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมาแทน “ไม่ค่อยสนิทกันเหรอ?”

“คุณนายฉิน คำพูดเหล่านี้ตอนที่คุณหลุดปากพูดออกมานั้น หน้าไม่แดงขึ้นมาบ้างเหรอ?”

มือข้างหนึ่งจับเอวคอดกิ่วของเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา ส่วนมืออีกข้างก็ลูบไล้บนแก้มตอบของเธออย่างแผ่วเบา

“ระหว่างผมกับคุณ มีลูกมาด้วยกันตั้งสามคนแล้ว ตอนนี้คุณยังมาพูดกับผมว่าพวกเราไม่สนิทกันเหรอ?”

ซูสือเยว่เบิกตาโต

นี่เขา…

เปิดเผยความจริงแล้ว ไม่ต้องเสแสร้งต่อไปแล้วสิ?

ประมาณว่าจับความสงสัยที่อยู่ในใจของเธอได้ ชายหนุ่มฉีกยิ้มออกมา พลางกระซิบต่ำๆ และนำพาลมหายใจอันร้อนผ่าวของชายหนุ่มพ่นรดลงบริเวณใบหูของซูสือเยว่

“ตอนแรกผมก็อยากจะผสมโรงแสดงเป็นเพื่อนกับคุณนายฉินต่ออีกสักระยะ”

“แต่ว่าทำไมคุณนายฉินพูดออกมาว่าพวกเราไม่สนิทกันล่ะ หือ?”

คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้หัวใจของซูสือเยว่กระวนกระวายใจขึ้นทันที

เธอเม้มริมฝีปากเอาไว้ “ท่าน…ท่านชายฉิน คุณอย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้านะ!”

“สุ่มสี่สุ่มห้าเหรอ?”

ชายหนุ่มฉีกยิ้มออกมา นิ้วเรียวยาวลากไล้ลงบนเส้นโค้งบนโหนกแก้มของเธอ และรอยยิ้มปรากฏอยู่บนมุมปาก “ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในโรงหนัง อากัปกิริยาที่คุณนายฉินแสดงออกมาอย่างนั้น ถือว่าเรียกว่าสุ่มสี่สุ่มห้าเหรอ?”

“ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าผมไม่สามารถอดกลั้นยับยั้งกับคุณได้ ยังจงใจจู่โจมจูบผมก่อนอีก…”

“ผมอยากจะถามคุณนายฉินกลับสักหน่อย ทำไมถึงได้ทำอะไรแบบสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ”

ลมหายใจและน้ำเสียงของชายหนุ่มอันตรายเกินควรแล้ว ซูสือเยว่รู้สึกว่าสภาพของตนเองในเวลานี้เหมือนกับเนื้อเข้าปากเสือจนแล้วจนรอด ซึ่งไม่สามารถหลุดรอดพ้นเงื้อมมือกรงเล็บของชายหนุ่มได้เลย

เธอเม้มริมฝีปากเอาไว้ เพื่อพยายามรักษาน้ำเสียงของตนเองให้เป็นเสียงปกติ “ฉินโม่หาน พวกเรา…พวกเราไม่สามารถ….ต่อหน้าเด็กๆ ….อื้อ–!”

หญิงสาวยังพูดไม่ทันจบ ริมฝีปากของฉินโม่หานก็จูบลงมาอย่างหนักหน่วงทันที

ซูสือเยว่เบิกตาโต พร้อมทั้งดิ้นรนพยายามขัดขืน ทว่าไม่ว่าจะดื้นรนยังไงก็ดิ้นไม่หลุดสักที

ตำแหน่งไม่ไกลนัก ซิงหยุนก็ปิดตาซิงกวงเอาไว้ “ไม่เหมาะสำหรับเด็ก”

ซิงเฉินถอนหายใจออก พลางดึงมือซิงกวง มุ่งหน้าเดินเข้าไปด้านในของสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวทันที “ห่างเหินไปนานแล้วกลับมาเจอกันใหม่ พวกเขาต้องอ้อยอิ่งกันอีกนาน”

“พวกเราไปเล่นหมากรุกกับคุณตาสองคนที่อยู่ด้านในดีกว่า”

เมื่อเห็นว่าเงาของเด็กๆ ทั้งสามคนที่เป็นลูกของตนเองเดินไปไกลแล้ว แววตาของซูสือเยว่ก็ปรากฏความเบื่อหน่ายออกมาเล็กน้อย

เจ้าสามแสบทั้งสามคนนี้นะ!

เดิมเธอก็อยากจะยกพวกเขาสามคนมาเป็นข้ออ้าง เพื่อไม่ให้ฉินโม่หานกล้าทำกับเธออะไรมากมายนัก!

แต่ผลที่ได้คือ…

พวกเขาวิ่งกันอย่างเร็วจี๋กว่าใครๆ เสียอีก!

เมื่อเห็นดวงตาของหญิงสาวที่อยู่อ้อมกอดเอาแต่มองไปทางเจ้าสามแสบที่หายไป ริมฝีปากของฉินโม่หานค่อยๆ คลี่ออกมาทันที

ชายหนุ่มตรึงปลายคางของซูสือเยว่เอาไว้ พร้อมทั้งใช้เสียงทุ้มต่ำที่ปะปนด้วยความเสน่หาที่ยากจนทำให้คนมองไม่ออก “ถึงขั้นที่ว่ายังมีความคิดที่มองไปทางพวกเขาทั้งสามคน …นั่นก็หมายความว่าผมยังลงแรงไม่หนักพอ”

พูดจบ เขาก็อุ้มซูสือเยว่ขึ้นมาทันที และเดินสาวเท้ายาวๆ ออกไปจากสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวทันที

ไม่คิดเลยว่าเขาจะอุ้มร่างกายของตนเองขึ้นมา ซูสือเยว่ทั้งตื่นตระหนกทั้งสับสน เลยรีบเอาศีรษะของตนเองมุดเข้าไปแนบแผงอกของเขา แล้วกระซิบเสียงทุ้มต่ำ

“ฉินโม่หาน คุณจะทำอะไร?”

“คุณ”

ริมฝีปากบางของชายหนุ่ม เผยอเล็กน้อย จากนั้นก็พูดตรงๆ ออกมาคำเดียว

วินาทีนั้นสมองของซูสือเยว่ตกตะลึงทันที

นี่มันคำตอบบ้าบออะไรกัน?

เธอถามเขาว่าทำอะไร

เขากลับตอบคำถามว่าคือเธองั้นเหรอ?

นี่คือ…

สมองของเธอหยุดแล่นไปหลายวินาที ในที่สุดก็เข้าใจความหมายของชายหนุ่ม

เธอเม้มริมฝีปากเอาไว้ พร้อมทั้งใช้มือของหนึ่งกำหมัดขึ้นมาจากนั้นก็ต่อยลงบนไหล่ของเขา “คุยกันดีๆ ก่อนได้ไหม?”

“ผมก็คุยกับคุณดีๆ มาตลอดเวลานี่ไง”

ริมฝีปากของชายหนุ่มเผยอขึ้น “ผมจองห้องที่โรงแรมแล้วนะ”

“ที่บ้านมีทั้งคนแก่มีทั้งเด็ก ไม่สะดวกเท่าไหร่”

น้ำเสียงเขาเป็นทางการมาก แต่ทำให้ใบหน้าของซูสือเยว่อายจนหน้าแดงแจ๋ทันที

ทำไมเขาถึงได้พูดราวกับกำลังพูดคุยเรื่องงาน และพูดเรื่องพรรค์นี้อย่างเป็นทางการไปได้นะ!

“ฉันยังไม่ตอบตกลงเลยว่าจะนอนกับคุณ…”

น้ำเสียงของซูสือเยว่ทุ้มต่ำ พร้อมทั้งบ่นพึมพำ

แม้ว่าปากจะพูดไปแบบนั้น แต่ในความจริงแล้ว …

เธอเองก็ห่างเหินจากเขาไป มันเนิ่นนานเกินไปแล้วจริงๆ

ตั้งแต่ตอนที่ฉินโม่หานเริ่มแกล้งแสดงละครตบตากับหยางชิงโยว เธอก็ไม่ได้มีอะไรกับเขามาตลอด

ความจริงแล้วพูดได้เลยว่า…

เธอเองก็ไม่ใช่ว่าไม่ถวิลหาความรู้สึกที่เคยได้รับ…

แต่ว่า…

ฉินโม่หานอุ้มเธอเอาไว้ในอ้อมกอดแน่น พร้อมทั้งเดินมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่อยู่ด้านนอก และหัวเราะออกมาเล็กน้อย “แต่ว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณร้องขอออกมาทั้งหมดเหรอ?”

ซูสือเยว่ชะงักเล็กน้อย “ฉันร้องขอออกมาเหรอ?”

เธอไปร้องขอเรื่องพรรค์นี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน?

“ตอนเช้าไง”

ราวกับเมื่อคาดเดาได้ว่าเธอต้องไม่เข้าใจอย่างแน่นอน ชายหนุ่มทั้งเดินไป พร้อมทั้งอธิบายอย่างละเอียด “ตอนเช้าเจ้าของสวี่บอกว่าต้องการให้ผมฝึกวิชาเป็นเพื่อนคุณ คุณลืมไปแล้วเหรอ?”

พูดจบ ฉินโม่หานอุ้มเธอขึ้นลิฟต์เรียบร้อยไปแล้ว

ไม่นานนัก ลิฟต์ก็มาถึงชั้นบนสุด

ซูสือเยว่เลิกคิ้ว สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะตอบโต้กลับเขาไป “แต่ฉันบอกว่าฝึกวิชา ไม่ใช่เรื่องนี้สักหน่อย!”

ชายหนุ่มเปิดประตูห้องพักของโรงแรมอย่างคล่องแคล่ว พลางโยนตัวหญิงสาวลงบนเตียงใหญ่อันอ่อนนุ่มอย่างไม่ยั้งมือ จากนั้นดึงเนกไทออกอย่างสง่างาม “วันนี้ให้สามีเป็นคนสอนคุณแล้วกันนะ”

“ว่าการฝึกวิชาบนเตียง มันฝึกยังไง”

หลังจากดึงเนกไทออกแล้ว เขาก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทันที

ทั้งๆ ที่เป็นอากัปกิริยาอันแสนสง่างามมาก แต่ในสายตาของซูสือเยว่ กลับเซ็กซี่เร้าใจเหลือทน

เขาเอาเนกไทและเสื้อเชิ้ตโยนลงบนตัวเธอ ริมฝีปากพลันมีรอยยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์ปรากฏออกมา “คืนนี้ ผมจะทำให้คุณเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะบนเตียงหรือใต้เตียง…”

“ว่าคุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม”

พูดจบ ร่างกายของชายหนุ่มก็กดทับลงมาทันที และจูบลงตรงปานดำอันแสนอัปลักษณ์ที่อยู่บนใบหน้าของเธอ

ซูสือเยว่เบิกตาโพลง พลางผลักตัวเขาออก “ดะ…เดี๋ยวสิ!”

เธอยังไม่ลืมว่า บนใบหน้าของเธอตอนนี้ มันเป็นการแต่งหน้าเอฟเฟกต์ให้ดูอัปลักษณ์อยู่!

หญิงสาวเม้มริมฝีปากเอาไว้ พร้อมทั้งผลักเขาออกอย่างเอาเป็นเอาตาย “ฉันไปล้างเครื่องสำอางออกก่อน!”

“ไม่ต้องแล้ว”

ชายหนุ่มกักตัวเธอให้อยู่ในอ้อมกอด “สือเยว่ ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน”

ซูสือเยว่เม้มริมฝีปากเอาไว้ “แต่ว่า คนที่คุณคิดถึง น่าจะเป็นฉันคนเดิม ซูสือเยว่นะ ไม่ใช่สวี่หรง!”

เธอไม่สามารถจินตนาการออกเลยว่า ทำไมฉินโม่หานถึงได้จูบหน้าตาอันแสนอัปลักษณ์ของตนเองแบบนี้ได้อย่างไร

“ฉันขอไปล้างหน้าเอาเครื่องสำอางออกก่อน!”

“ขอ 2 นาทีก็เสร็จแล้ว!”

ฉินโม่หานยังคงกอดเธอเอาไว้แน่นไม่ยอมแพ้ “ผมก็พูดแล้วไงว่าผมไม่สนใจ”

นิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มลูบไล้ผ่านปานและรอยแผลเป็นที่อยู่บนหน้าของเธอ “อย่าพูดว่าพวกนี้เป็นของปลอม…”

“แม้ว่ามันเป็นของจริง ผมก็ไม่สนใจเลย”

“ซูสือเยว่”

เขาจ้องมองใบหน้าของเธออย่างจริงๆ จังๆ แววตาจับจ้อง “ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ผมชอบตัวตนที่เป็นคุณ มาโดยตลอด”

“ไม่ว่าคุณจะหน้าตาเป็นอย่างไร ก็ไม่เป็นไรทั้งสิ้น”

พูดจบ เขาก็เชิดปลายคางของเธอขึ้น พลางจุมพิตลงอย่างหนักหน่วง “ไม่ว่าหน้าตานี้จะเปลี่ยนไปอยู่ในสภาพไหนก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหน ผมก็ชอบทั้งนั้น”

“คุณเป็นภรรยาของผม ชั่วชีวิตเป็นของผมทั้งนั้น”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset