ฉินโม่หานยกยิ้ม ก่อนจะยื่นมือออกไปหยิกแก้มอันนุ่มนวลของหญิงสาวเบาๆ “คุณยังจำได้อยู่เหรอว่าผมเป็นสามีของคุณ”
น้ำเสียงที่แผ่วเบาของเขาแฝงไปด้วยความรักใคร่ “รู้ว่าผมเป็นสามีของคุณ แล้วยังแสร้งทำเป็นไม่รู้จักผม สร้างสถานะปลอมอย่างสวี่หรงขึ้นมาเพื่อจะทิ้งผมไป”
หัวใจของซูสือเยว่หน่วงเล็กน้อย
หญิงสาวนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก แล้วหันกลับมา สองมือโอบใบหน้าของชายหนุ่มไว้ แล้วกดจูบที่ริมฝีปากของเขา
“ฉันผิดไปแล้วค่ะ”
“เสมอกันแล้วนะคะ”
การกระทําของหญิงสาว ทำให้ฉินโม่หานอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
ในบางครั้ง เขาก็ต้องยอมรับเลยว่า ซูสือเยว่ออดอ้อนเก่งมาก
เธอแอบหนีเขาไป ปล่อยให้เขาตามหาเธอไม่ทุกที่ อีกทั้งยังเปลี่ยนชื่อ ปลอมตัวให้น่าเกลียด ให้เขาจำเธอไม่ได้…
เกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนี้ จะชดเชยด้วยจุมพิตเพียงครั้งเดียวจะพอหรือไง
แต่ที่ต้องยอมรับเลยก็คือ เธอรู้จักเขาดีมาก
เขาใจอ่อนกับไม้ตายนี้ของเธอจริงๆ
ชายหนุ่มยกยิ้มแล้วดึงเธอเข้ามากอดไว้แน่น “โอเค เสมอกันแล้ว”
ทั้งสองหยอกเย้ากันในห้องพักของโรงแรมเป็นเวลานาน จนกระทั่งเจี่ยนหมิงจงโทรเข้ามา ซูสือเยว่กับฉินโม่หานจึงต้องแยกออกจากกันอย่างไม่เต็มใจนัก คนหนึ่งกลับไปที่โรงฝึกซ้อม อีกคนกลับไปที่บริษัท
ตอนที่ซูสือเยว่มาถึงโรงฝึกซ้อม ด้านนอกของโรงฝึกซ้อมยังเหมือนเมื่อวาน ถูกคนชุยเฉิงเก๋อล้อมเอาไว้แน่นหนา โดยชุยเฉิงเก๋อ
กำลังถือโทรโข่ง แล้วพูดอย่างเรียกร้องความถูกต้อง
“ส่งสวี่หรงออกมาซะ”
“ให้เธออธิบายให้ชัดเจน ว่าทำไมถึงหาเฉินตานตานกับคนในครอบครัวไม่พบ?”
“เธอฆ่าพวกเขาไปแล้วใช่ไหม?”
“เราต้องการจะเจอเฉินตานตาน!”
“สวี่หรงออกมาพูดเดี๋ยวนี้นะ ออกมาชดใช้ความผิดด้วยชีวิตตัวเองซะ”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้วของเธอแน่น
เธอสูดหายใจเข้าลึก ยกมือข้างหนึ่งล้วงไว้ในกระเป๋า แล้วเดินผ่านฝูงชนเข้าไปข้างในอย่างสง่างาม ก่อนจะหยุดยืนต่อหน้าชุยเฉิงเก๋อ
“ทำไมคะ จะให้ฉันรับผิดชอบครอบครัวของ เฉินตานตานอีกแล้วหรือไง”
คำพูดของหญิงสาวทำให้กลุ่มของชุยเฉิงเก๋อหันมองไปตามเสียง
“เธอแน่มาก นี่เธอแอบหลบพวกเรากลับมาจากข้างนอกอย่างนั้นเหรอ!”
ชุยเฉิงเก๋อมองที่ซูสือเยว่แล้วพูด “ส่งตัวเฉินตานตานแฟนสาวของฉันพร้อมกับครอบครัวมาเดี๋ยวนี้!”
“ถ้าหากเธอไม่ยอมส่งตัวทุกคนคืนมา ฉันจะให้ตำรวจมาจับเธอซะ!”
ซูสือเยว่ยกยิ้มย่อง “ให้ตำรวจมาจับฉันอย่างนั้นเหรอ?”
“ในข้อหาอะไรล่ะ?”
ชุยเฉิงเก๋อยิ้มเยาะ
“แน่นอนว่าข้อหาก็คือลอบฆ่าเฉินเจี้ยนฮั๋วกับเฉินตานตานและครอบครัว”
“ลอบฆ่าอย่างนั้นเหรอ?”
ซูสือเยว่ยกยิ้มย่อง น้ำเสียงของเธอเย็นชาราวกับน้ำแข็งในฤดูหนาว “ใครบอกคุณว่าฉันจะฆ่าเฉินตานตานกับคนในครอบครัว?”
“ใครเป็นคนบอกคุณ ว่าเฉินตานตานกับคนในครอบครัวทั้งสามตายไปแล้ว”
มือข้างหนึ่งของเธอล้วงไว้ในกระเป๋า แล้วมองหน้าชุยเฉิงเก๋อด้วยสายตาหยิ่งทระนงและเย็นชา
“คุณจะโทรแจ้งตำรวจก็ได้ตามใจคุณ”
“แต่ว่า ถ้าเฉินตานตานกับครอบครัว ยังไม่ตาย ก็ถือว่าคุณใส่ร้ายฉัน”
ด้วยท่าทางที่มั่นอกมั่นใจของเธอ ทำให้ชุยเฉิงเก๋อขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย และเริ่มขาดความมั่นใจไป
“นี่เธอ……”
“ต้องเป็นเธอทำแน่ๆ!”
“ถ้าไม่ใช่เธอ……”
ชุยเฉิงเก๋อขมวดคิ้วและลังเลไปเล็กน้อย “ยังไงก็ต้องเป็นฝีมือเธอแน่ๆ!”
วันนี้เขาไปตามหา เฉินตานตานตั้งแต่เช้า แต่หายังไงก็หาเธอไม่เจอ
ไปหาเฉินตานตานที่บ้าน กลับพบว่ามีคนจำนวนมากยืนขวางประตูเธอแล้วบอกว่าจะฆ่าเธอเพื่อล้างแค้นแทนเจ้าของสวี่
พอคิดถึงเรื่องนี้ ชุยเฉิงเก๋อก็จ้องเขม็ง
เจ้าของสวี่ที่พูดนอกจากสวี่หรงที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว จะมีใครอีก?
แม้ว่าเขาจะไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าเฉินตานตานถูกคนของสวี่หรงฆ่าตาย แต่เบาะแสทั้งหมดก็ชี้ไปที่สวี่หรงคนเดียว
ดังนั้น ชายหนุ่มจึงยิ้มเยาะออกมา “สวี่หรง ไม่จำเป็นต้องแก้ตัวแล้ว”
“ผมโทรแจ้งตำรวจเรียบร้อยแล้ว!”
“อย่างนั้นเหรอ?”
ซูสือเยว่หยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าของเธอ ก่อนจะปัดหาเบอร์โทรออกมาแล้วกดโทรออกทันที
เธอกำลังโทรวิดีโอคอล และคนที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ มองจากโทรศัพท์ของเธอ สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
คนที่อยู่หน้ากล้องอีกด้านของโทรศัพท์ คือคนที่ชุยเฉิงเก๋อพูดออกมาเต็มปากเต็มคำว่า ถูกสวี่หรงลอบฆ่าไปแล้ว อย่างเฉินตานตานและครอบครัว
“ฮัลโหล”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลเป็นคนรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว
ตอนที่เห็นชุยเฉิงเก๋อ สีหน้าของเธอก็บิดเบี้ยวทันที “ชุยเฉิงเก๋อ?”
ภาพในโทรศัพท์คือเฉินตานตานกำลังขมวดคิ้ว “ฉันเลิกกับนายไปแล้ว นายโทรมาหาฉันอีกทำไม?”
ดวงตาของ ชุยเฉิงเก๋อเบิกกว้างในทันที
เขามองผู้หญิงที่อยู่ในวิดีโอคอลอย่างไม่เชื่อสายตา
นี่คือเฉินตานตาน ไม่ผิดแน่ๆ
เขาจ้องไปที่ใบหน้าของเฉินตานตานอย่างอึ้งทึ่ง “ที่รัก นี่คุณ…”
“คุณยังไม่ตายเหรอ?”
เฉินตานตานเลิกคิ้วด้วยสีหน้าเย็นชาทันที
“นี่นายอยากให้ฉันตายมากเลยใช่ไหม”
“ฉันเกือบตายไปแล้ว แต่ฉันโชคดี ที่ยังไม่ตาย”
พอพูดจบ เธอก็ถลึงตามองชุยเฉิงเก๋อ “นี่นายยังยืนก่อกวนอยู่หน้าสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรงใช่ไหม”
“ฉันขอเตือนนายไว้เลยนะ รีบพาคนของนายกลับไปเดี๋ยวนี้”
“เจ้าของสวี่เป็นคนที่ดีที่สุดในโลก”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เมื่อคืนนี้ฉันคงตายไปแล้ว”
คำพูดของหญิงสาว ทำให้ชุยเฉิงเก๋อตกตะลึงไปทันที
เขามองที่เฉินตานตานอย่างตกตะลึง
“แต่ว่า……”
แต่เมื่อวานเขาเพิ่งโทรหาเฉินเจี้ยนฮั๋ว
เฉินเจี้ยนฮั๋วบอกว่าให้เขาหาเวลามาก่อกวนสวี่หรงนี่นา…
“ใช่แล้วล่ะ”
เฉินเจี้ยนฮั๋วที่อยู่ปลายสายถอนหายใจออกมา “เจ้าชุยนะเจ้าชุย นายอย่าไปก่อกวนอีกเลย”
“ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้าของสวี่ เมื่อคืนนี้พวกเราสามคนคงตายไปแล้ว”
ชุยเฉิงเก๋อตกตะลึงไปแล้ว
หลังจากพูดกับชุยเฉิงเก๋อจบเฉินตานตานกับเฉินเจี้ยนฮั๋ว สองพ่อลูกก็หันไปมองซูสือเยว่พร้อมกันก่อนจะพูดว่า
“เจ้าของสวี่ ขอบคุณมากนะครับ/คะ”
“คุณถูกครอบครัวเราพูดจาใส่ร้าย หาเรื่องสารพัด แต่ก็ยังช่วยชีวิตพวกเราโดยไม่คิดแค้นเคือง…”
“พวกเราไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณยังไงแล้วจริงๆ”
ซูสือเยว่ตอบกลับแค่ “อืม”เบาๆ แล้วกดวางสายไป
หลังจากที่วางสายแล้ว ในห้องผู้ป่วยที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ มือใหญ่ข้างหนึ่งก็ดึงโทรศัพท์มือถือในมือของเฉินตานตานไป
“คุณเจี่ยน พวกเราทำตามคำสั่งของคุณ พูดกับเจ้าของสวี่ไปแล้ว”
เจี่ยนหมิงจงเหลือบมองทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างเย็นชา ก่อนจะยิ้มเยาะออกมา “ถือว่าไม่เลว”
“ไม่ตีพวกคุณแล้วก็ได้”
พอพูดจบ ชายหนุ่มก็หันหลังเดินจากไป
หยาดเหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าผากของเฉินเจี้ยนฮั๋ว
หลังจากที่เจี่ยนหมิงจงปิดประตูลง เขาถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วกอดภรรยากับลูกสาวของเขาไว้แน่น
เมื่อคืนที่ผ่านมา ทั้งสามคนผ่านประสบการณ์ต่างๆมามากจริงๆ
เริ่มด้วยคนของฉินหลิงยี่ที่ส่งมาให้เงินค่าจ้าง จากนั้นเขาก็ฆ่าพวกเขา จนพวกเขาเกือบเสียชีวิต
ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน คนของฉินโม่หานก็พุ่งเข้ามา แล้วช่วยชีวิตพวกเขาสามคนกลับมาจากประตูนรก
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าในที่สุดพวกเขาก็พ้นอันตรายแล้ว แต่พอรุ่งเช้า ที่บ้านเขาก็มีคุณเจี่ยนสองคนเดินเข้ามา
เริ่มด้วยเจี่ยนเฉิงที่ทำการทำร้ายพวกเขาอย่างสุดแรง จากนั้นเจี่ยนหมิงจงก็บังคับให้พวกเขาขอโทษต่อสวี่หรงผู้หญิงน่าเกลียดคนนั้น ……
เจี่ยนหมิงจงยังบอกอีกด้วยว่า ถ้าหากไม่พูดขอโทษ เขาเองก็จะทำร้ายพวกเขาเหมือนกัน
และทักษะของเขา ก็ดีกว่าเจี่ยนเฉิงทำเมื่อตะกี้มาก…
เฉินเจี้ยนฮั๋วตกใจกลัวแทบตาย เจี่ยนหมิงจงพูดอะไรก็ตามนั้น
“ครั้งนี้ในที่สุดก็จบลงแล้วใช่ไหม…”
เฉินเจี้ยนฮั๋วหลับตาลง ในใจรู้สึกนึกเสียใจทีหลังเป็นอย่างมาก
พวกเขาทำอะไรไม่ทำ กลับเข้าไปมีปัญหากับสวี่หรงได้
…
“เป็นยังไงบ้าง?”
หลังจากที่วางสายแล้ว ซูสือเยว่ก็มองชุยเฉิงเก๋อที่อยู่ตรงหน้าอย่างหยิ่งทระนง รอยยิ้มบนใบหน้าแฝงไปด้วยความเยาะเย้ย
สีหน้าของชุยเฉิงเก๋อกลายเป็นจานประสมสี ที่แดงก่ำและซีดขาวสลับกันไปมา
คนที่อยู่รอบข้างก็เริ่มซุบซิบ
“ที่แท้ก็เลิกกันแล้วนี่เอง แล้วยังจะมายุ่งเรื่องของคนอื่นเขาอีก”
“ปรากฎว่าไม่มีใครโอเคเลย ตัวเขาเองก็กำลังแพร่ข่าวลือและใส่ร้ายป้ายสีที่นี่”
“นี่ยังดีนะที่ไม่ได้แจ้งตำรวจ ถ้าโทรเรียกตำรวจ พวกเราก็จะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเขาด้วย…”
…
ทุกคนต่างพูดถึง เสียงพูดเจื้อยแจ้วเหมือนนกทำรัง
ชุยเฉิงเก๋อทรุดตัวลงบนพื้นอย่างหมดแรง
“รุ่นพี่ชุย”
ซูสือเยว่ย่อตัวลง แล้วมองไปที่ชุยเฉิงเก๋อยิ้มๆ “เมื่อก่อนตอนที่คุณตามจีบฉัน ฉันไม่รู้เลยจริงๆ ว่าคุณจะหน้าด้านได้ขนาดนี้”