ชุยเฉิงเก๋อมองไปทางซูสือเยว่ด้วยความตกใจ “นี่คุณ…”
สวี่หรงพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไงกัน?
เธอเองก็จบการศึกษาจากที่เดียวกับพวกเขาอย่างนั้นเหรอ?
พอเห็นใบหน้าที่สับสนและตกใจของชายหนุ่ม ซูสือเยว่อดที่จะหัวเราะเยาะไม่ได้
“ยังมองไม่ออกอีกเหรอ?”
เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขา พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบน้ำยาล้างเครื่องสำอางในกระเป๋าของเธอออกมา และเช็ดเมคอัพบนใบหน้าของเธอออก
รอยแผลเป็นและปานที่น่าเกลียดจางหายไป เผยให้เห็นใบหน้าที่ขาวใสเนียนนุ่มของหญิงสาว
ชุยเฉิงเก๋อเหมือนถูกฟ้าผ่ายืนนิ่งอยู่กับที่
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดซูสือเยว่ก็สามารถใช้ใบหน้าที่แท้จริงของเธอสูดอากาศบริสุทธิ์สักที เธอมองหน้าชุยเฉิงเก๋ออย่างเรียบเฉย
“ตอนนี้รุ่นพี่ชุยเห็นชัดเจนแล้วใช่ไหมคะ?”
“ก่อนหน้านี้คุณบอกฉัน ว่าคุณกับฉันรู้จักกันดี ฉันจึงไม่อยากที่จะบอกความจริงกับคุณ”
“แต่คุณกลับยิ่งพูดยิ่งเกินไป”
“หรือว่าคุณคิดว่าแค่ฉันไม่ออกมาพูด คุณคิดว่าใครก็จะถูกหลอกได้ตลอดหรือไง”
คำพูดของหญิงสาว ทำให้ชุยเฉิงเก๋อหน้าแดงและซีด หน้าซีดแล้วแดง
คนที่อยู่รอบๆแอบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วถ่ายวิดีโอเพื่อปล่อยคลิปลงอินเทอร์เน็ต
ข่าวที่ว่าสวี่หรงก็คือซูสือเยว่ จะต้องเป็นข่าวดังครึกโครมอย่างรวดเร็วแน่นอน
คลิปวิดีโอที่สวี่หรงเช็ดเครื่องสำอางแล้วกลายเป็นซูสือเยว่ ยอดไลค์ได้กลายเป็นที่นิยมอย่างมาก จนกลายเป็นยอดนิยมอันดับหนึ่ง
คนที่เคยด่าว่าฉินโม่หานหลายใจเพราะตามจีบสวี่หรงต่างพากันตกตะลึง
ที่แท้……
ที่แท้สวี่หรงก็คือซูสือเยว่ ที่แท้คนที่ฉินโม่หานรัก และตามจีบ ก็คือซูสือเยว่ภรรยาตามกฎหมายของเขามาตลอด
“เจ้านายครับ”
ในห้องทำงานของประธานฉินซื่อกรุ๊ป ไป๋ลั่วได้นำข่าวในอินเทอร์เน็ตมาให้ฉินโม่หานดู
“ตอนนี้ในโซเชียลเป็นเป็นสองฝ่ายครับ”
“ส่วนหนึ่งบอกว่าเจ้านายกับคุณผผู้หญิงมรักใคร่กันมาก พวกคนรวยชอบเล่นจริงๆ”
“อีกส่วนหนึ่ง…รู้สึกว่าคุณผู้หญิงปลอมตัวหลอกลวงประชาชน เหมือนเห็นทุกคนเป็นคนโง่…”
“ต้องลบข้อความที่พูดไม่ดีต่อคุณผู้หญิงออกไปไหมครับ”
ฉินโม่หานกำลังอ่านแฟ้มเอกสาร พอได้ยินคำพูดของไป๋ลั่ว ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมอง “ทำไมต้องลบทิ้งด้วย?”
“เพราะว่า… มันส่งผลไม่ดีต่อคุณผู้หญิงครับ”
ชายหนุ่มหัวเราะ:
“ให้คนพวกนี้พูดเยอะหน่อย ไม่เห็นจะเป็นอะไร”
เขาพูด ก่อนจะปิดแฟ้มเอกสาร “แบบนี้ ถ้าหากครั้งหน้าพวกเรามีปัญหากัน ตอนที่เธอเลือกจะหนีด้วยวิธีนี้อีก เธอจะได้ลังเลที่จะเลือกวิธีนี้”
ไป๋ลั่วนิ่งเงียบไป และทำยังไงก็ไม่เข้าใจความหมายคำพูดของฉินโม่หานอยู่ดี
“แผนการของเจ้านาย…คือยืมมือของคนอื่น เพื่อเตือนสติคุณผู้หญิงเหรอครับ?”
“สุดยอดเลยครับ เป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ”
ไป๋ลั่วรีบพูดประจบประแจงทันที
“คงมีแต่เจ้านายที่สามารถคิดแผนที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ออกมาได้”
ฉินโม่หานขมวดคิ้วแล้วชำเลืองมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “เอาล่ะ ไม่ต้องมาพูดประจบประแจง”
“ให้นายไปสืบที่อยู่ของฉินหลิงยี่ หาเจอหรือยัง?”
“เจอแล้วครับ”
พอพูดถึงฉินหลิงยี่ ไป๋ลั่วรีบเก็บท่าทางทีเล่นทีจริงของเขากลับไป เปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที “จากการตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์มือถือของเขา พบว่าสถานที่สุดท้ายที่เขาปรากฏตัว อยู่ในป่าในเขตชานเมืองครับ”
“คนของเราทำการตรวจสอบ เมื่อหลายปีก่อน เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าไม้ได้สร้างบ้านพักทิ้งไว้ในป่า มีอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆครบครัน ซึ่งฉินหลิงยี่กับเย่เชียนจิ่วสามารถพักอาศัยได้อย่างสะดวก”
“แต่พื้นที่ในป่ามีขนาดใหญ่เกินไป และต้นไม้ก็หนาทึบ ทางเราถามผู้พิทักษ์ป่าไม้ในปีนั้น เพราะสภาพแวดล้อมในป่าเปลี่ยนไปมาก พวกเขาไม่สามารถกำหนดตำแหน่งของกระท่อมที่แน่ชัดได้…”
หลังจากพูดจบ ไป๋ลั่วก็ถอนหายใจ “เราไม่กล้าทำอะไนผลีผลาม เพราะกลัวว่าฉินหลิงยี่จะตื่นตูม แล้วหนีไปอีก”
“ดังนั้นเราจึงทำได้แค่ส่งคนที่มีประสบการณ์มาหลายปี เพื่อปลอมตัวเป็นไปนักผจญภัย แล้วค่อยๆสำรวจไปทีละเล็กทีละน้อย”
ฉินโม่หานขมวดคิ้ว “บอกให้พวกเขาระวังตัวด้วย”
ฉินหลิงยี่เคยเป็นทหารรับจ้างมาก่อน จึงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่ลำบากและทรหดทุกรูปแบบเพื่อเอาชีวิตรอด
ถ้าหากไม่มีเทคโนโลยีที่ดีเพียงพอ ก็ไม่มีทางที่จะทำให้เขาตื่นตัวได้
เขาอุตส่าห์รอจนกระทั่งฉินหลิงยี่เคลื่อนไหว ถึงได้หาเบาะแสของฉินหลิงยี่ได้
ถ้าหากครั้งนี้ถูกฉินหลิงยี่จับได้ ผลที่ตามมาก็มีแต่หายนะ
ไป๋ลั่วพยักหน้า ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรออกมา โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมาก่อน
พอเห็นเบอร์โทรศัพท์ ดวงตาของไป๋ลั่วก็ดีใจขึ้นมาทันที
“เจ้านายครับ คนที่เราส่งเข้าไปตามหาติดต่อมาครับ”
“ต้องเป็นเบาะแสของฉินหลิงยี่แน่ๆครับ”
หลังจากพูดจบ เขาก็รีบรับโทรศัพท์อย่างตื่นเต้น
“ฮัลโหล?”
“ฮัลโหล”
เสียงที่ดังขึ้นจากปลายสายไม่ใช่เสียงของคนที่เขาส่งไป แต่เป็นเสียงที่เย็นชาของผู้ชาย
“ไป๋ลั่วใช่ไหม”
เสียงต่ำของชายหนุ่มอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“ฉินโม่หานสั่งให้นายตามหาฉัน แต่นายกลับส่งพวกไม่ได้เรื่องพวกนี้มาเนี่ยนะ?”
คำพูดของฉินหลิงยี่ ทำให้ไป๋ลั่วต้องสูดไอเย็น ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดขึ้นมาทันที
เขาพูดเสียงทุ้ม “คุณฉิน”
“จะเกรงใจกับฉันแบบนี้ทำไมกัน”
ฉินหลิงยี่หัวเราะ “บอกฉินโม่หาน ว่าเขาทำให้ฉันโมโหแล้ว”
“ผลที่จะตามมานั้นยากที่จะคาดเดาได้”
หลังจากพูดจบ เขาก็วางสายไปอย่างเย็นชา
ในขณะที่วางสาย WeChat ของไป๋ลั่วก็ดังขึ้น
เขาขมวดคิ้วแล้วพยักหน้า
ข้อความถูกส่งมาจากโทรศัพท์มือถือที่ฉินหลิงยี่ก็โทรหาเขาเมื่อตะกี้
ข้อความที่ส่งมาเป็นรูปถ่ายหลายรูป
เป็นรูปของคนสามคนที่เขาส่งไปตามหาเบาะแส ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง เหมือนตายตาไม่หลับ
สภาพศพน่าอนาถมาก
ไป๋ลั่วตกใจจนเกือบจะโยนโทรศัพท์ทิ้งไป
สักพัก เขาถึงได้สติกลับมา ก่อนจะจับโทรศัพท์แล้วกัดฟันกรอด “ฉินหลิงยี่คนนี้… โหดเหี้ยมจริงๆ”
สามคนนี้ เป็นแค่คนที่ไป๋ลั่วจ้างด้วยเงิน รับเงินแล้วทำตามคำสั่งเท่านั้นเอง
พวกเขาไม่ใช่ศัตรูของฉินหลิงยี่ และไม่ใช่ลูกน้องของฉินโม่หานด้วย
ฉินหลิงยี่ต้องใช้วิธีการที่โหดร้ายขนาดนี้ เพื่อฆ่าสามคนนี้เลยเหรอ
เห็นได้ชัดว่าหัวใจของเขา ไม่มีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่เลย
ไป๋ลั่วกัดฟันกัดฟันกรอดอย่างโมโห แต่ฉินโม่หานกลับสงบกว่ามาก
“ดูแลครอบครัวของสามคนนี้ให้ดี”
เขายกน้ำชาขึ้นมาจิบเล็กน้อย “ฉินหลิงยี่โหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ แต่เขา ในสมัยก่อน ไม่เคยฆ่าคนแปลกหน้าโดยไร้เหตุผลแบบนี้มาก่อน”
“การกระทําของเขาในตอนนี้…”
ชายหนุ่มหรี่ตาลง “แสดงว่าเขากำลังร้อนใจแล้ว”
“สามคนนี้ ต้องมาตายแทนนายกับฉัน เขาไม่สามารถทำอะไรนายกับฉันได้ เขาได้แต่ระบายกับสามคนนั้นเท่านั้น”
คำพูดของฉินโม่หานพูดจบลง สีหน้าของไป๋ลั่วก็ซีดเผือดด้วยความตกใจ
“นั่นก็หมายความว่า…”
เขาตัวสั่นเทา “ถ้าผมถูกฉินหลิงยี่จับตัวไป ผมก็ต้องตายในสภาพนี้เหรอครับ?”
“ไม่”
ฉินโม่หานส่ายหน้า “น่าจะรุนแรงกว่าสามคนนี้”
ไป๋ลั่ว “…”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน โทรศัพท์มือถือของฉินโม่หานก็ดังขึ้น
ซิงกวงเป็นคนโทรเข้ามา
ฉินโม่หานขมวดคิ้วเล็กน้อย
สาวน้อยกับซิงหยุนและซิงเฉินแตกต่างกัน เธอไม่ได้เติบโตมากับเขาตั้งแต่เด็ก ในใจเธอยังเคารพนับถือพ่ออย่างจี้หนานเฟิงอยู่ ดังนั้นหลังจากที่กลับมาอยู่กับเขา เธอจึงไม่เคยใกล้ชิดกับเขาเลย
แต่ทำไมเธอถึงโทรหาเขาในตอนนี้ได้?
หลังจากลังเลอยู่สักพัก ชายหนุ่มก็กดรับสาย
“แด๊ดดี้คะ”
เสียงของ ซิงกวงที่ดังมาตามสายมีเสียงสะอื้นเล็กน้อย
“พี่ซิงหยุนกับพี่ซิงเฉิน… ถูกคุณลุงรองพาตัวไปแล้วค่ะ”
ฉินโม่หายขมวดคิ้ว “คุณลุงรองอย่างนั้นเหรอ?”
“ก็พี่ชายคนที่สองของแด๊ดดี้ ฉินหลิงยี่ไงคะ”
“เขาดุมากเลยค่ะ พวกพี่ชายถูกเขาจับตัวไปแล้ว เราจะทำยังไงดีคะ”