มือของฉินโม่หานจับโทรศัพท์ไว้แน่น
เขาขมวดคิ้วแล้วพูดปลอบซิงกวงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “อย่าเพิ่งตกใจ”
“โทรไปบอกหม่ามี๊หรือยัง”
“ยังค่ะ”
ซิงกวงที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ส่ายหน้า แล้วพูดกับเขาด้วยเสียงสะอื้น “ให้หนูโทรไปหาหม่ามี๊ตอนนี้เลยไหมคะ”
“งั้นหนูจะโทรเดี๋ยวนี้…”
“ไม่ต้องหรอก”
ฉินโม่หานสูดหายใจเข้าลึก “แด๊ดดี้จะให้ไป๋ลั่วไปรับเธอเอง”
หลังจากพูดจบ ชายหนุ่มเลิกคิ้ว พลางสั่งให้ไป๋ลั่วไปรับซูสือเยว่
“ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน?”
ซิงกวงหยุดเงียบไปเล็กน้อย “หนูอยู่ที่บ้านค่ะ”
ฉินโม่หานพยักหน้า “ลูกกินข้าวเช้าหรือยัง”
ซิงกวง “…”
เด็กหญิงตัวน้อยกัดริมฝีปาก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น “แด๊ดดี้คะ พี่ชายทั้งสองเป็นตายร้ายดียังไงก็ยังไม่รู้ สถานการณ์อันตรายแบบนี้ จะมาถามหนูว่ากินข้าวเช้าหรือยังอย่างนั้นเหรอคะ”
“ลูกเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ชายทั้งสองคนของลูกด้วยเหรอ”
“ไม่ค่ะ”
ฉินโม่หานยกยิ้มอย่างเฉยเมย “ลูกอยู่กับจี้หนานเฟิงนานเกินไป จนเรียนวิธีแสดงละครมาด้วยเหรอ”
น้ำเสียงของชายหนุ่มเรียบนิ่ง“ถ้าพี่ซิงหยุนกับพี่ซิงเฉินของลูกตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายจริงๆ ลูกคงไม่แค่โทรหาแด๊ดดี้หรอกจริงไหม”
คำพูดของเขา ทำให้ซิงกวงนิ่งเงียบไปเล็กน้อย
เด็กหญิงตัวเล็กสูดหายใจเข้าลึก เสียงสะอื้นของเธอก็หายไปทันที
เธอเอ่ยปากพูดอย่างเคร่งขรึม “ถ้าอย่างนั้นแด๊ดดี้ก็บอกมาสิคะ ถ้าสถานการณ์รุนแรงจริงๆหนูต้องทำยังไง”
ฉินโม่หานยกยิ้ม
“อย่างน้อยก็คงไม่นอนอยู่บนโซฟาที่บ้านแล้วโทรหาแด๊ดดี้แบบนี้”
ซิงกวง “…”
เด็กน้อยลุกขึ้นนั่งบนโซฟา ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วกวาดตามองไปรอบๆ “น่าแปลกจริงๆ”
ในห้องนั่งเล่นไม่มีกล้องวงจรปิดนี่นา
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ถึงแม้ว่าจะมีกล้องวงจรปิดในห้องนั่งเล่น ด้วยความที่เธอกับซิงหยุนต่างก็สนใจต่อเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์มาก ถ้าในห้องมีกล้องวงจรปิดจริงๆ พวกเธอไม่มีทางหาไม่เจอแน่ๆ
ต้องเข้าใจว่า ทั้งคู่เป็นแฮกเกอร์ระดับแนวหน้าของประเทศเลยก็ว่าได้
แต่ถ้าไม่ใช่ดูจากกล้องวงจรปิด…
ฉินโม่หานจะรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่?
“แน่นอนว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่ในห้อง”
ฉินโม่หานมองที่หน้าต่างเล็ก ๆ ในโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ค่อยๆหาต่อไปเถอะ”
ซิงกวงเบ้ปาก ร่างกายของเธอเหมือนลูกบอลที่ถูกปล่อยลม แล้วนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง “แด๊ดดี้คะ ใครเป็นคนติดตั้งกล้องวงจรปิดนี้ให้คะ?”
“ทำไม?”
“ครั้งหน้า หนูจะขอให้เรียนรู้จากเขาบ้าง”
เทคนิคนี้สุดยอดมาก เธอกับพี่ชายคนโต หายังไงก็หาไม่เจอ
ฉินโม่หานยกยิ้ม “ถ้ามีเวลา จะให้รู้จักเขาแล้วกัน”
“อืม ค่ะ”
ซิงกวงพยักหน้า
สักพัก เธอก็สูดหายใจเข้าลึก “แต่ว่านะคะแด๊ดดี้ พวกพี่ชายถูกคุณลุงรองพาไปจริงๆนะคะ”
“ถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีอันตราย แต่ถ้าคุณลุงรองอยากจะทำร้ายพวกเขาจริงๆ พวกเขาคงไม่สามารถต้านทานได้นะคะ”
ฉินโม่หานพยักหน้า “ดังนั้นเราต้องระบุตำแหน่งของพวกเขาให้ได้ก่อน เราถึงจะช่วยพวกเขากลับมาได้”
“ระหว่างลูกกับซิงหยุน น่าจะมีระบบสื่อสารพิเศษที่ใช้ติดต่อกันอยู่ใช่ไหม?”
“ตอนนี้ลูกเห็นไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน”
คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ซิงกวงที่ปลายสายตกตะลึงไปทันที
หลังจากผ่านไปสักพัก เสียงของเด็กหญิงก็ดูอ่อนลง
“แด๊ดดี้รู้ได้ยังไงคะ”
ฉินโม่หานหัวเราะอย่างเย็นชา เขาเอนหลังพิงเบาะหนัง ก่อนจะกดเปิดคอมพิวเตอร์ แล้วพูดเสียงเรียบว่า “พวกลูกสองคนชอบเรื่องการแฮ็กข้อมูลมากขนาดนั้น อีกทั้งยังโจมตีกันเองได้ จะไม่มีระบบสื่อสารพิเศษที่ใช้ติดต่อกันได้ยังไงกัน ? “
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็กดเปิดลำโพงโทรศัพท์ แล้ววางมือบนแป้นพิมพ์ “ลูกรู้ไหมว่าทำไมพวกลูกทั้งคู่ถึงมีทักษะการแฮ็คข้อมูลที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้”
ซิงกวงที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์นิ่งเงียบไปสักพัก “แด๊ดดี้หมายความว่ายังไงคะ…”
“กล้องวงจรปิดในห้องนั่งเล่นแด๊ดดี้เป็นคนติดตั้งเอง”
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก “ลูกขึ้นไปข้างบน แล้วส่งระบบสื่อสารที่ใช้ติดต่อกับซิงหยุนมาให้แด๊ดดี้”
ซิงกวงได้สติกลับมา แล้วพยักหน้าติดต่อกัน
เด็กหญิงรีบวิ่งตึงตังขึ้นไปชั้นบน และขณะส่งระบบสื่อสารไปทางคอมพิวเตอร์ เธอก็สูดหายใจก่อนจะพูด
“เมื่อตะกี้ตอนที่หนูกับพวกพี่ชายกำลังกินอาหารเช้ากันอยู่ คุณลุงรองก็บุกเข้ามา ในมือจับมีดไว้ แล้วสั่งให้พวกเราไปกับเขา”
“เขามีมีดอยู่ในมือ และไม่มีบอดี้การ์ดคนไหนในบ้านที่กล้าทำอะไรเขา”
“พี่รองต่อรองกับเขาอยู่นาน เขาถึงคิดว่าหนูเป็นเด็กผู้หญิง ต้องร้องไห้กวนใจให้ปวดหัวแน่ๆ เขาถึงไม่จับตัวหนูไปด้วย”
หลังจากพูดจบ เด็กหญิงก็ถอนหายใจ “แม้ว่าพี่ชายจะส่งข้อความมาบอกว่าพวกเขาไม่เป็นไร แต่หนูก็ยังเป็นห่วงมากอยู่ดี”
“แม้ว่าคุณลุงรองจะมีสีหน้าใจดี ตอนที่คุยกับพวกเราเขาก็ยิ้มตลอด แต่หนูมองออก ว่าเขาอารมณ์ไม่ดีและต้องการระบายอารมณ์ใส่พวกเรา”
ฉินโม่หานขมวดคิ้ว ในขณะที่ฟังคำพูดของลูกสาว เขาก็ได้เปิดระบบสื่อสารที่ส่งมาจากซิงกวง แล้วค้นหาตำแหน่งของฉินหลิงยี่อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังพาซิงหยุนและซิงเฉิน มุ่งหน้าไปในทิศทางของป่า
ชายหนุ่มหรี่ตามอง ก่อนจะปิดคอมพิวเตอร์ลง “ซิงกวง แค่นี้ก่อนนะลูก”
“แด๊ดดี้จะไปช่วยพวกพี่ชายของลูกก่อน”
ซิงกวงที่อยู่ปลายสายตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
“แด๊ดดี้คะ แด๊ดดี้รู้แล้วเหรอคะว่าพวกพี่ชายอยู่ที่ไหน”
วิธีการติดต่อระหว่างเธอกับซิงหยุนค่อนข้างพิเศษ วิธีการถอดรหัสก็ค่อนข้างซับซ้อนมากด้วย
ในตอนแรก เธอพูดติดตลกกับซิงหยุนว่าในโลกนี้คงไม่มีบุคคลที่สามที่สามารถไขรหัสระหว่างพวกเธอได้
แต่ตอนนี้ เธอยังไม่ทันได้บอกวิธีถอดรหัสกับแด๊ดดี้ แด๊ดดี้ก็รู้ตำแหน่งที่อยู่ของพวกพี่ชายแล้วเหรอ?
“เรื่องง่ายๆ”
ฉินโม่หานยกยิ้มย่อง ก่อนจะบอกลาซิงกวง แล้วกดวางสายไป
ตอนที่ชายหนุ่มเดินลงมาที่ชั้นล่าง ซูสือเยว่ก็ถูกคนของไป๋ลั่วพาไปถึงแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกับซิงหยุนและซิงเฉินคะ”
ทันทีที่เดินเข้าไปในห้อง ซูสือเยว่พบว่าไม่เพียงแต่ไม่รีบไปช่วยลูก แต่ยังเดินออกจากลิฟต์อย่างเอื่อยเฉื่อย เธอจึงเกิดอารมณ์โมโหขึ้นมาในทันที
เธอเดินตรงไปเข้าไปหา ดึงแขนเสื้อของฉินโม่หานไว้แน่น “นี่มันเวลาไหนแล้วคะ? คุณยังมัวแต่เอื่อยเฉื่อยอยู่อีก”
ฉินหลิงยี่จับทั้งซิงหยุนและซิงเฉินไป แต่เขาก็ยังอยู่ที่นี่อีก
ฉินโม่หานยกยิ้ม ก่อนจะหันไปมองหน้าเธออย่างเรียบนิ่ง “คุณเป็นห่วงเด็กๆมากขนาดนี้เลยเหรอ”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว แล้วมองไปทางเขาอย่างไม่พอใจ “คุณหมายความว่ายังไงคะ”
“ฉันเป็นคนคลอดซิงหยุนกับซิงเฉินออกมาเอง คุณคิดว่าฉันจะเป็นห่วงพวกเขาหรือไม่เป็นห่วงล่ะ”
ขณะที่ฟังเสียงที่แปลค่าจากรหัสในหูฟัง ชายหนุ่มก็ยิ้มออกมา “แล้วทำไมก่อนหน้านี้คุณถึงทิ้งพวกเขาไปถึงหนึ่งเดือนกว่า คุณไม่เป็นห่วงพวกเขาเลยหรือไง?”
คำพูดของ ฉินโม่หานทำให้คิ้วของซูสือเยว่ขมวดขึ้นมาทันที
“นั่นก็เพราะยังมีคุณคอยดูแลพวกเขาอยู่ไม่ใช่หรือไงคะ”
เธอยอมรับว่าที่เธอเลือกหนีไปอย่างเงียบๆ แล้วยังปลอมตัวเป็นคนอื่น เป็นเรื่องที่ผิด เพราะเธอไม่ได้คำนึงถึงลูกทั้งสามคนของเธอ
แต่ตอนนี้สถานการณ์เร่งด่วนแบบนี้ เธอไม่จะพูดเรื่องนี้กับฉินโม่หานเลยสักนิด
เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือจะช่วยซิงหยุนกับซิงเฉินจากเงื้อมมือของฉินหลิงยี่ได้ยังไง
ชายหนุ่มถามคำถามแบบนี้กับเธอในเวลาแบบนี้ คืออยากทะเลาะกับเธอ หรือว่าเขาไม่รู้ว่าฉินหลิงยี่อันตรายมากแค่ไหน?
ฉินโม่หานยกยิ้ม แล้วมองหน้าที่ร้อนใจจนแดงก่ำของซูสือเยว่ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
“งั้นตอนนี้ ก็มีผมคอยดูแลพวกเขาอยู่ ไม่ต้องร้อนใจไป”
#####บทที่ 304 ความรักของวัยหนุ่มสาว
ซูสือเยว่สูดหายใจเข้าลึก
วันนี้ฉินโม่หานเป็นอะไรไป?
สมองของเขาถูกประตูหนีบหรือถูกลาเตะไปแล้วใช่ไหม?
ตอนนี้ทั้งซิงหยุนและซิงเฉินอยู่ในเงื้อมมือของฉินหลิงยี่ เขายังพูดเรื่องแบบนี้อยู่อีก?
หญิงสาวกลอกตาไปมา
“ถ้าคุณดูแลพวกเขาอย่างดีจริงๆ ตอนนี้พวกเขาจะถูกฉินหลิงยี่จับไปได้หรือไง”
เธอหายใจเข้าลึก แล้วปัดแขนของชายหนุ่มทิ้ง “ถ้าคุณไม่อยากไปช่วยพวกเขา ฉันจะไปช่วยเอง”
หลังจากพูดจบ หญิงสาวก็เดินตรงไปที่ประตูฉินซื่อกรุ๊ป
ฉินโม่หานมองเห็นเธออย่างชัดเจน ด้านนอกประตูกระจกขนาดใหญ่ เจี่ยนเฉิงกับเจี่ยนหมิงจง กำลังยืนรออยู่ที่นั่นอย่างร้อนรน อีกทั้งยังชำเลืองมองเข้ามาด้านในไม่หยุด
ซูสือเยว่วิ่งออกไป หลังจากพูดอะไรกับคนทั้งสองเล็กน้อย ทั้งสองก็ถอนหายใจขณะที่เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่พอใจ
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา
สาเหตุที่เขาไม่รีบร้อน ก็เพราะในหูฟังของเขา กำลังคุยกับซิงหยุนอยู่
“แด๊ดดี้ครับ คุณลุงรองบอกว่า เขารู้แล้วว่าหนังสือที่ผมกำลังอ่านสามารถส่งข้อความให้คนอื่นได้”
“เขาบอกว่า ในเมื่อพวกเราติดต่อกับแด๊ดดี้ได้ ก็ให้ผมบอกแด๊ดดี้ ว่าเป้าหมายของเขาคือแด๊ดดี้ ไม่ใช่พวกเรา”
ฉินโม่หานหรี่ตาลง แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เขาพูดอะไรอีก?”
“เขาพูดว่า……”
“หลายปีมานี้ เขาเกลียดแด๊ดดี้มากที่สุด และไม่อยากยอมแพ้ให้มากที่สุด”
“ก่อนจะตาย เขาอยากจะสู้กับแด๊ดดี้อย่างตรงไปตรงมาสักครั้ง”
ข่าวที่ได้รับมาจากหูฟัง ทำให้ฉินโม่หานมีท่าทางเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“บอกกับเขาว่า ขอแค่เขาไม่ทำร้ายพวกลูก อย่าว่าแต่สู้กันสักครั้งเลย จะสิบครั้งแด๊ดดี้ก็รับคำท่า”
ชายหนุ่มคุยกับซิงหยุนสักพัก หลังจากที่เขาแน่ใจว่าซิงหยุนกับซิงเฉินปลอดภัยดี ชายหนุ่มก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วเดินออกจากตึกฉินซื่อกรุ๊ป
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาได้รับโทรศัพท์จากซิงกวง เขานึกว่าเขาจะต้องไปช่วยเหลือลูกชายทั้งสองคนโดยด่วน เขาจึงให้ไป๋ลั่วส่งคนไปรับซูสือเยว่มา
แต่ตอนนี้ พอมั่นใจแล้วว่าซิงหยุนกับซิงเฉินปลอดภัยดี ซูสือเยว่กับเจี่ยนเฉิงและเจี่ยนหมิงจงที่ยืนทะเลาะกันอยู่นอกประตู ทำให้เขาปวดหัวไม่น้อย
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก เขาเริ่มก้าวเดินแล้วเดินออกจากประตูไป
ด้านนอกตึกฉินซื่อกรุ๊ป เจี่ยนเฉิงและเจี่ยนหมิงจงกำลังนินทาเขาต่อหน้าซูสือเยว่อยู่พอดี
เจี่ยนเฉิงส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ “รู้อยู่แล้วว่าเจ้าเด็กคนนี้ไม่น่าเชื่อถือ แม้แต่เสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเองเลย พวกเด็ก ๆตกอยู่ในอันตรายแบบนี้ เขายังนิ่งเฉยอยู่อีก ”
“ดูท่าความปลอดภัยของเด็ก ๆ คงไม่สำคัญกับเขาเลย”
“แม้แต่ลูกทั้งสองคนของลูกเขายังไม่ชอบ เห็นได้ว่า ในสายตาของเขา ลูกไม่มีความสำคัญเลยด้วยซ้ำ”
“เชื่อพ่อ หาโอกาสหย่ากับเขาซะ ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก”
เจี่ยนหมิงจงนวดขมับอย่างเหนื่อยใจ “บางทีฉินโม่หานอาจมีแผนของเขาอยู่แล้ว นายอย่าสร้างปัญหาตอนนี้ได้ไหม”
“สิ่งแรกที่ต้องทำในตอนนี้คือตามหาพวกหลานๆว่าอยู่ที่ไหน”
“ทำไมพูดลามไปถึงเรื่องหย่าแล้วล่ะ?”
เจี่ยนเฉิงถลึงตามองเขา “ฉันก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง”
“ยังไงตอนนี้เราก็ไม่ได้ข่าวของพวกหลานๆ แทนที่ร้อนใจโดยเปล่าประโยชน์ มาต่อว่าฉินโม่หานยังดีซะกว่า”
เจี่ยนหมิงจง “แต่นายพูดแบบนี้นอกจากทำให้สือเยว่เครียดแล้ว ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย”
ซูสือเยว่ฟังทั้งสองคนทะเลาะกันไปมา ต่างคนต่างไม่ยอมแพ้กัน
ชายวัยกลางคนสองคน เริ่มทะเลาะกันตั้งแต่วันแรกที่เธอกลับมาประเทศมา และทะเลาะกันมาตลอด…
คนรู้จัก คงจะรู้ว่าพวกเขาสองคนโตมาด้วยกัน จึงสนิทกันโดยตอนเช้าทะเลาะกันตอนเย็นก็คืนดีกัน คนที่ไม่รู้จักคงคิดว่าในครอบครัวของเธอเกิดปัญหากันภายในซะอีก
หญิงสาวนวดขมับตัวเองเบาๆ“พวกคุณพ่อคะ ช่วยเงียบกันหน่อยได้ไหม”
เจี่ยนเฉิงและเจี่ยนหมิงจงมองหน้ากัน แล้วยกมือขึ้นกอดอกหันหลังให้กัน
พอเห็นภาพนี้ ฉินโม่หานก็อดที่จะถอนหายใจแล้วผลักประตูออกไปไม่ได้
“พวกคุณไม่ต้องร้อนใจครับ ซิงหยุนกับซิงเฉินยังมีผมอยู่”
หลังจากพูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นและตบไหล่ของซูสือเยว่เบาๆ “คุณทำใจให้สบายรออยู่ที่นี่กับพ่อของคุณ ผมกับไป๋ลั่วจะรีบไปช่วยพวกลูกๆเดี๋ยวนี้เลย”
ซูสือเยว่กรอกตามองเขาอย่างเย็นชา “ท่านชายฉินงานยุ่งมากขนาดนี้ เขาจะมีเวลาไปช่วยชีวิตลูกของตัวเองจริงๆ เหรอคะ?”
ฉินโม่หานฟังน้ำเสียงเยาะเย้ยคำพูดของเธอออก
ชายหนุ่มยกยิ้ม แล้วพูดเสียงเรียบนิาง “ผมมีเหตุผลของผมเอง”
“แต่ผมรับรองได้เลย ว่าผมจะพาพวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย”
ดวงตาที่ลุ่มลึกของเขามองหน้าซูสือเยว่นิ่ง “เชื่อใจผม ได้ไหม”
ซูสือเยว่มองเข้าไปในดวงตาของเขา หัวใจของเธอเริ่มเต้นแรงอีกครั้งอย่างควบคุมไม่อยู่
เธอต้องยอมรับ ว่าผู้ชายคนนี้ มีดวงตาที่น่าหลงใหลมาก
ทุกครั้งที่เขาใช้สายตานี้มองมาที่เธอ ซูสือเยว่รู้สึกลุ่มหลง จนไม่สามารถหลบหนีไปจากเขาได้
เธอกัดริมฝีปากของตัวเอง อารมณ์เคร่งเครียดของเธอในที่สุดก็ผ่อนคลายลง
“คุณ…จะพาพวกเขากลับมาอย่างปลอดภัยจริงๆ ใช่ไหมคะ?”
“อืม”
ชายหนุ่มพยักหน้าเบา ๆ “เหตุผลที่ผมไม่รีบไปหาซิงหยุนกับซิงเฉิงก็เพราะผมรู้ว่าซิงกวงมีวิธีติดต่อพวกเขา ดังนั้นผมถึงได้มั่นใจว่าพวกเขาไม่ได้ได้รับบาดเจ็บและไม่เกิดอะไรขึ้น”
“แล้วอีกอย่าง……”
เขาถอนหายใจ “ถึงแม้ฉินหลิงยี่จะทำเรื่องไม่ดีมามาก ถึงเขาจะเกลียดผมมาก แต่ซิงหยุนกับซิงเฉินเขาเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต”
“ตอนเด็ก คนที่ซิงหยุนชอบมากที่สุด ก็คือฉินหลิงยี่คุณลุงรองของเขาแล้ว”
“ฉินหลิงยี่เคยบอกไว้ว่าซิงหยุนเหมือนเขาในวัยเด็กมาก ถึงแม้จะเป็นแค่หลานชาย แต่ในสายตาของเขา เขาเอ็นดูอีกฝ่ายเหมือนลูกชายของเขาเอง”
“ถึงแม้ผมจะไม่แน่ใจว่าคำพูดของเขาจริงแท้มากแค่ไหน แต่พอรวมกับข้อมูลที่ซิงหยุนให้เขามา ผมเชื่อว่าเขาจะไม่ทำร้ายพวกเขาด้วยอารมณ์แน่นอน”
ในสายตาที่ตกใจของซูสือเยว่ ชายหนุ่มยกยิ้มบางๆ “ที่จริงแล้วเขาลักพาตัวซิงหยุนกับซองเฉินไป เป้าหมายคือผม”
“เขาอยากให้ฉันยอมแพ้ให้เขา”
บางที อาจจะอยากได้ชีวิตของเขาด้วย
แต่ฉินโม่หานไม่ได้พูดประโยคหลังออกไป
ซูสือเยว่มองเข้าไปในดวงตาของเขา หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก ในที่สุดก็เอื้อมมือไปจับมือเขาไว้ “ทำไมคุณไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้คะ”
เธอเกือบจะคิดว่า ในใจของเขา ลูกและเธอล้วนไม่สำคัญกับเขาอีกต่อไปแล้ว
“คุณเองก็ไม่รอฟังผมอธิบายไม่ใช่หรือไง”
ชายหนุ่มยกยิัม อย่างอ่อนใจ แล้วก้มลงจูบที่หน้าผากของเธอ
“ผมสัญญาว่าผมจะพาซิงหยุนกับซิงเฉินกลับมาอย่างปลอดภัย”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก แล้วพยักหน้าเงียบ ๆ
มาถึงตอนนี้แล้ว เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อใจเขา
ซิงหยุนกับซิงเฉินอยู่ในเงื้อมมือของฉินหลิงยี่ ถ้าหากฉินหลิงยี่พุ่งเป้าหมายไปที่ฉินโม่หาน…
ถึงแม้เธอจะพยายามมากแค่ไหน ก็ทำอะไรไม่ได้
“เด็กดี กลับไปอยู่ที่บ้านกับซิงกวง แล้วรอพวกเรากลับมา”
ชายหนุ่มจูบหน้าผากของซูสือเยว่อีกครั้ง แล้วหันหลังเดินจากไป
ซูสือเยว่ยืนอยู่ตรงจุดเดิม ยืนมองแผ่นหลังของชายหนุ่มเดินจากไป หัวใจของเธอเหมือนจะถูกบีบรัดด้วยมือคู่ใหญ่ที่มองไม่เห็น
มันรู้สึกเจ็บเล็กน้อย โดยไม่รู้สาเหตุ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอรู้สึกว่าคำพูดของฉินโม่หาน เหมือนกำลังบอกลา
เขา… กำลังบอกลาใคร?
ทำไมต้องบอกลาด้วย?
เป็นไปได้ไหมว่าหลังจากที่เขาไปครั้งนี้…
ซูสือเยว่ไม่กล้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
พอเห็นสีหน้าลูกสาวซีดเผือดไป เจี่ยนหมิงจงก็ขมวดคิ้ว เดินไปหยุดด้านข้างซูสือเยว่ แล้วยกมือขึ้นลูบหลังเธอเบาๆ “ทำไม ลูกไม่วางใจเหรอ”
ซูสือเยว่พยักหน้า
แน่นอนว่าเธอต้องไม่วางใจอยู่แล้ว
ในเมื่อฉินหลิงยี่สามารถลักพาตัวซิงหยุนกับซิงเฉินได้ เพื่อให้ฉินโม่หานเดินเข้าไปในกับดักที่เขาวางเอาไว้
ฉินโม่หานไปในครั้งนี้… ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง?
“ถ้าไม่วางใจก็ตามเขาไปสิลูก”
เจี่ยนเฉิงมองมาที่เธอ “แทนที่จะอยู่ที่นี่แล้วคิดมาก ตามเขาไปคงจะดีกว่า”
คำพูดของเขา ทำให้ซูสือเยว่คิดได้ทันที
เธอหันหลังกลับ แล้ววิ่งไปที่รถของเจี่ยนเฉิงรวดเร็วราวบินไได้เธอรีบเปิดประตูแล้วสตาร์ทรถออกไปทันที
รถสีดำพุ่งออกมาไปกับลูกศร ขับตรงไปยังทิศทางที่รถของฉินโม่หานจากไปก่อนหน้านี้
“ความรักของคนหนุ่มสาว ทำให้คนเหนื่อยใจจริงๆ”
เจี่ยนหมิงจงมองไปตามทิศทางที่ซูสือเยว่จากไป แล้วถอนหายใจออกมา
เจี่ยนเฉิงชำเลืองมองเขานิ่งๆ “ความรักของพวกนาย ก็เหนื่อยใจเหมือนกัน”
“ไม่ว่าจะเป็นนายกับหลิวหรูเยียน หรือจะเป็น… ผู้หญิงคนนั้นกับจี้ว่านเชิ่ง”
พอได้ยินเจี่ยนเฉิงพูดถึงจี้ว่านเชิ่ง บิดาผู้ให้กำเนิดของฉินโม่หาน เจี่ยนหมิงจงก็เลิกคิ้วขึ้น “นายยังจำขงเนี่ยนโหรวได้ไหม?”
เจี่ยนเฉิงพยักหน้า “จำได้สิ ผู้หญิงที่ฆ่าจี้ว่านเชิ่งและไม่ได้รับหัวใจของจี้ว่านเชิ่งคนนั้น”
“มีอะไรหรือเปล่า?”
เจี่ยนหมิงจงหรี่ตาลง “รหัสของขงเนี่ยนโหรวคือ K”
“องค์กรที่ให้เงินทุนกับฉินหลิงยี่ และทำให้สือเยว่ของเราต้องความจำเสื่อม มีรหัสว่า Kเหมือนกัน นายไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญไปหน่อยเหรอ?”
สายตาของ เจี่ยนเฉิงเบิกกว้าง “เป็นไปได้ไหมว่า … “