สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 306 ฉันอยากจะชนะนายอย่างยุติธรรมสักครั้ง

ฉินโม่หานยิ้มเยาะ ก่อนจะดื่มชาจนหมดแก้ว

“กูจะฆ่ามึง!”

ในขณะที่ฉินโม่หานวางถ้วยชาลง และเตรียมจะคุยกับฉินหลินยี่อย่างตรงไปตรงมา เสียงตะโกนของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมา

คนนำทางที่มากับฉินโม่หาน ไม่รู้ว่าเขาดึงมีดยาวที่ใช้ปอกผลไม้ออกมาจากที่ไหน ก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาฉินหลิงยี่

“พวกเพื่อนของกูสามคน ล้วนถูกมึงฆ่าตายหมดแล้ว ใช่ไหม?”

“พวกกูทุกคนต่างก็เป็นเด็กจากครอบครัวที่ยากจน เราทำหน้าที่เป็นคนนำทางให้กับคนอื่น ค้นหาผู้คนที่หายตัวในป่า ก็เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว แต่แต่กลับฆ่าพวกเขาสามตาย”

ชายหนุ่มไม่มีทักษะการต่อสู้ แค่อาศัยแรงทั้งหมดของเขา ถือมีดฟันสะเปะสะปะใส่ฉินหลิงยี่ไม่หยุด

ฉินหลิงยี่ขยับตัวหลยหลีกอย่างรวดเร็ว จนหลบหลีกมีดของคนนำทางได้อย่างง่ายดาย

ในขณะที่ขยับตัวหลบมีดของคนนำทางอย่างคล่องแคล่ว เขาก็มองไปทางฉินโม่หานอย่างเย้ยหยัน “นี่น่ะเหรอฝีมือคนนำทางที่นายขอให้พามา”

“ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ”

ฉินโม่หานขมวดคิ้ว พยายามเกลี้ยกล่อมให้คนนำทางสงบสติอารมณ์ลง แต่ก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมได้

ตามที่เขาคิด ทั้งสามคนที่ถูกฉินหลิงยี่ฆ่าตายล้วนเป็นญาติพี่น้องของเขา

ในเมื่อเป็นญาติกัน…

ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนในการแก้แค้น ก็ไม่มีอะไรผิด

ถ้าวันนี้ฉินหลิงยี่ทำร้ายซิงหยุนกับซิงเฉิน เขาก็คงจะสู้ให้ตายกันไปข้างอย่างแน่นอน

คนนำทางกับฉินหลิงยี่สู้กันอยู่นาน แต่ก็ยังเข้าใกล้อีกฝ่ายไม่ได้เลย

เขาเหนื่อยจนเหงื่อออกทั้งตัว แต่ก็ยังฟาดฟันอย่างแรงพร้อมตะโกนลั่น“แน่จริงก็อย่าหลบสิวะ”

“ฉันไม่หลบ รอให้นายแทงฉันหรือไง”

ฉินหลิงยี่หัวเราะเยาะเย้ย แล้วมองหน้าของคนนำทางอย่างดูถูกดูแคลน

“แสดงละครมานานพอแล้วมั้ง?”

“ถึงทีฉันบ้างล่ะ”

หลังจากพูดจบ ชายหนุ่มก็คว้าข้อมือที่ถือมีดปอกผลไม้ไว้อย่างรวดเร็ว

การกระทำนั้นเร็วเกินไปจนมองไม่ออกว่าเขาลงมือตอนไหน

พอได้สติกลับมา มีดปอกผลไม้ในมือของเขาตกพื้นดัง “แต๊ง”

ฉินหลิงยี่หยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และโยนมีดผลไม้ไปที่คอของคนนำทาง “อยากรู้ไหมว่าพี่น้องสามคนของนายตายยังไง”

“อยากจะไปอยู่กับพวกเขาไหม? จะได้แบ่งปันประสบการณ์การถูกฆ่าไง”

คำพูดของชายผู้นี้ทำให้คนนำทางเซถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เหงื่อเย็นผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเขา

แต่พอเขาขยับหนึ่งก้าว มีดที่คอของเขาจะขยับไปด้วย

เขากลัวจนพูดไม่ชัด “คุณ…คุณฉินครับ…”

ฉินหลิงยี่ยิ้มออกมา “ฉันเองก็คุณฉินเหมือนกันนะ นายเรียกคนไหนล่ะ”

หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็พูดเย้ยหยัน “เมื่อกี้ยังอวดเก่งอยู่เลลย นายอยากจะล้างแค้นให้พี่น้องของนายไม่ใช่หรือไง?”

“ทำไม แค่นี้ก็ยอมแพ้แล้วเหรอ”

คนนำทางเหมือนเพิ่งถูกช่วยขึ้นมาจากบ่อน้ำ เหงื่อท่วมตัว

“ฉินหลิงยี่”

พอใบมีดปอกผลไม้ในมือของฉินหลิงยี่ตัดผ่านชั้นผิวหนังของคนนำทาง แล้วกำลังจะกดลึกลงไป…

ฉินโม่หานก็เรียกเขาไว้ “ซิงหยุนยังอยู่ที่นี่ด้วย”

“เขายังเด็ก นายอยากจะให้เขาเห็นภาพนี้จริงๆ เหรอ”

สิ่งที่ชายหนุ่มพูดทำให้ฉินหลิงยี่ขมวดคิ้วขึ้น

เขาหันไปมองทางเด็กน้อยที่อยู่ข้างหลังเขา

เด็กน้อยตาโตที่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ ไม่ส่งเสียงร้องหรือส่งเสียงดังเลย

มันเหมือนกับเขาตอนที่ยังเป็นเด็กมาก

พอเห็นซิงหยุน สายตาของชายหนุ่มก็อ่อนลง

เขาถอนหายใจ ก่อนจะเหลือบมองคนนำทางที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยอาการเจ็บปวด “ฉันให้ทางเลือกนายสองทางเลือก”

“หนึ่งคือกลับไปเป็นคนนำทางต่อไป ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่”

“กับอีกหนึ่งทางเลือก……”

ชายหนุ่มเหลือบมองใบหน้าของคนนำทางอย่างเย็นชา “รีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”

คนนำทางรีบลุกขึ้นเดินจากไปโดยไม่ลังเลเลย

พอเห็นผู้ชายคนนั้นทิ้งตัวเองไว้แล้ววิ่งหนีไป ฉินโม่หานก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วช่วยแก้เชือกมัดตัวให้ซิงหยุน “ไปตามหาซิงเฉิน”

เด็กน้อยพยักหน้ารับ ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปที่กระท่อมข้างหลังเขา

พอซิงหยุนเดินจากไป ฉินโม่หานก็หันกลับมา แล้วมองหน้าฉินหลิงยี่ที่อยู่ข้างหลังเขาอย่างเฉยเมย “จับพวกเขาที่นี่ เพียงเพื่อให้ฉันมาหา?”

ฉินหลิงยี่จ้องมองเขา โดยไม่พูดอะไร

ชายคนนั้นยิ้มและนั่งลงบนม้านั่งหินอย่างสง่างาม “อันที่จริง มันไม่ได้ต้องลำบากขนาดนั้น”

“ถ้านายอยากพบฉัน แค่บอกมาว่านายอยู่ที่ไหน ฉันก็จะไปหานายอยู่แล้ว”

ฉินหลิงนี่ยิ้มเยาะเย้ย “อย่างนั้นเหรอ?”

“แน่นอน ถึงแม้นายจะไม่มาคิดบัญชีกับฉัน ฉันก็จะมาหานายเพื่อคิดบัญชีอยู่ดี”

ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามฉินโม่หานยกยิ้มอย่างเฉยเมย ก่อนจะจิบน้ำชาของเขาต่อ

“งั้นก็พอดีเลย ทั้งนายและฉันต่างก็มีข้อข้องใจซึ่งกันและกัน”

หลังจากดื่มชาเสร็จ ฉินหลิงยี่ก็วางถ้วยชาลง แล้วลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้านและสง่างาม “ฉินโม่หาน มาสู้กับฉันสักครั้ง โอเคไหม?”

ฉินโม่หานยังคงนั่งบนม้านั่งหินอ่อนอย่างเฉยเมย “ฉันไม่ได้ต่อสู้กับใครมาหลายปีแล้ว”

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ตั้งแต่เขาเรียนศิลปะการต่อสู้มา เขาไม่เคยต่อสู้กับผู้คนอย่างจริงจังเลยสักครั้ง

ในความคิดเห็นของเขา สิ่งเหล่านี้ใช้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงต่อสุขภาพและใช้เพื่อการป้องกันตัว ไม่ใช่เพื่อการต่อสู้เอาชนะกัน

แต่ฉินหลิงยี่คิดแตกต่างกัน

เขาหรี่ตามอง “ฉินโม่หาน คราวนี้นายก็ไม่คิดจะสู้กับฉันเหรอ?”

“ตั้งแต่เด็ก อาจารย์ก็บอกว่านายมีความสามารถพิเศษเหนือกว่าเด็กทั่วไป บอกว่าฉันเทียบกับนายไม่ได้”

“ฉันคิดมาตลอดว่าอาจารย์กำลังพูดโกหก นายท่าทางอ่อนปวกเปียกขนาดนี้ จะเอาชนะฉันได้ยังไงกัน”

“แต่ฉันคิดว่าสิ่งที่อาจารย์พูดนั้นสมเหตุสมผล นายเป็นคนที่คิดอะไรลึกลับซับซ้อน มีทักษะอะไรก็ซ่อนไว้หมด”

หลังจากพูดจบ ชายหนุ่มก็ตั้งท่าเตรียมตัว

“มาสู้กับฉันสักครั้ง”

“ก่อนที่ฉันจะตาย ฉันอยากจะชนะนายอย่างยุติธรรมสักครั้ง”

ถึงแม้ฉินโม่หานจะไม่ต้องแข่งขันเพื่อเอาชนะหรือพ่ายแพ้กับฉินหลิงยี่ แต่ว่า…

ในเมื่อเขาลักพาตัวเด็กๆ มาที่นี่ ก็เพื่อเหตุผลนี้ ตนเองก็จะทำตามที่เขาต้องการเอง

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ถอดเสื้อสูทตัวนอกออก แล้วยิ้มเบา ๆ “ทำไมนายถึงบอกว่าก่อนตายอยากจะสู้กับฉันสักครั้งล่ะ?”

“ทั้งๆที่ก่อนนายจะตาย เราสามารถสู้กันได้อีกตั้งหลายครั้ง”

ฉินหลิงยี่นิ่งเงียบไปสักพัก แล้วยิ้มออกมา “นายคิดว่าฉันยังมีเวลาเหลืออีกเยอะหรือไง”

คำพูดของเขา ทำให้ฉินโม่หายเลิกคิ้วขึ้นมองเขาด้วยสีหน้าสงสัย

“ฉันเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”

ฉินหลิงยี่ยิ้มเศร้า “ตอนที่องค์กร K ให้เงินฉัน มันกำหนดเวลาไว้ให้ฉันด้วย”

“เมื่อวานถึงกำหนดเวลาที่ให้ไว้แล้ว”

“แต่จนถึงวันนี้ ตระกูลเจี่ยนก็ยังไม่ล่มสลาย”

ในสายตาที่งงงวยของฉินโม่หาน ฉินหลิงยี่ก็ดึงคอเสื้อของเขาออก

หน้าอกของเขาเริ่มเป็นสีดำแล้ว

และสีดำแบบนั้น มันออกมาจากภายในร่างกาย

“องค์กร K เก่งเรื่องใช้ยาควบคุมคนอื่น”

“ในสมัยก่อนเจี่ยนหมิงจง กับซูสือเยว่ของนายเอง ก็ถูกพวกองค์กร K ใช้ยาควบคุมไม่ใช่หรือไง?”

รอยสีดำที่หน้าอกของชายหนุ่ม ทำให้ฉินโม่หานต้องขมวดคิ้วแน่น “ทำไมนายถึงยอมตกลงทำตามคำขอของพวกเขาตั้งแต่แรก?”

“องค์กร K และตระกูลเจี่ยนมีความบาดหมางกันมากแค่ไหนกันแน่?”

บาดหมางกันมากแค่ไหน ถึงได้จับตัวหัวหน้าตระกูลเจี่ยนไป แล้วลบความทรงจำเขา ก่อนจะโยนทิ้งไว้ในที่ร้างที่ไม่สามารถกลับเข้าเมืองได้?

บาดหมางกันมากแค่ไหน ถึงต้องให้ฉินหลิงยี่แห่งตระกูลฉินใช้ชีวิตเป็นข้อแลกเปลี่ยน เพื่อช่วยพวกเขากำจัดตระกูลเจี่ยน?

“ฉันพอจะรู้ว่าองค์กร K เกลียดตระกูลเจี่ยนด้วยเหตุผลอะไร”

ฉินหลิงยี่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะติดกระดุมเสื้อ แล้วเงยหน้าขึ้นมองที่ฉินโม่หานอย่างเฉยเมย “ถ้านายอยากจะรู้ ก็มาสู้กับฉันสักครั้ง”

“จะแพ้หรือชนะ ฉันก็จะบอกนาย”

ฉินโม่หานเหลือบมองริมฝีปากซีดขาวของเขาแล้วส่ายหน้า “ฉันไม่รังแกคนป่วย”

“ฉินโม่หาน!”

คำปฏิเสธของเขาทำให้ฉินหลิงยี่โมโหขึ้นมาทันที “นายจะทำตัวจอมปลอมต่อหน้าฉันอีกนานไหม?”

“ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อก็ชอบนายมากกว่า มากจนเมินฉันไป”

“ส่วนนาย กลับทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ เฉยเมย ไม่แยแส และหยิ่งผยอง”

“แค่มีนายอยู่ พ่อจะไม่มีวันมองเห็นฉันในสายตา”

“ฉันอยากเอาชนะนายในการต่อสู้ที่ยุติธรรมสักครั้ง”

เขาจ้องไปที่ใบหน้าของฉินโม่หาน “ในการต่อสู้ด้านธุรกิจ นายชนะไปแล้ว”

“แต่ในด้านของการใช้กำลัง…ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นคนป่วย ก็ไม่แน่ว่านายจะเอาชนะฉันได้”

ฉินหลิงยี่หรี่ตามอง “ฉันไม่มีเวลาแล้ว ฉันแค่อยากเอาชนะนายอย่างยุติธรรมในขณะที่ฉันยังมีชีวิตอยู่”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset