ในตอนที่ซูสือเยว่ตื่นขึ้นมา เธอยังอยู่ในรถของฉินโม่หาน
เธอลืมตาขึ้นมาแล้วขมวดคิ้วแน่น หลังจากสะลึมสะลืออยู่สักพัก เธอก็มีสติขึ้นมาในทันที
หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่ง และภาพตรงหน้าทำให้เธอตกตะลึง
เธอถูกขังอยู่ในรถ ตรงนอกรถ ไป๋ลั่วกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
พอเห็นซูสือเยว่ที่อยู่ในรถตื่นแล้ว ไป๋ลั่วก็ขมวดคิ้วและเดินไปหาอย่างเกรงกลัว “ผู้หญิง ตื่นเร็วจังครับ?”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว แล้วตบกระจกรถอย่างโกรธจัด “ฉินโม่หานอยู่ที่ไหน”
“เจ้านาย เขา… เข้าไปในป่าแล้วครับ”
ไป๋ลั่วนิ่งเงียบไป ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เจ้านายบอกว่าเขาไม่อยากให้คุณตกอยู่ในอันตราย คราวนี้เขาจะไปเอง”
หลังจากพูด เขาก็มองหน้าซูสือเยว่นิ่ง “คุณผู้หญิงครับ ฉันคิดว่าคุณควรฟังคำพูดสามีของคุณ และรออยู่ที่นี่กับผม”
ซูสือเยว่กำหมัดแน่น
ฉินโม่หาน ผู้ชายคนนี้…
ถึงเธอจะพูดถึงขนาดนั้น เขาก็ยังคิดจะไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?
จะพูดได้ยังไงเธอก็มีฝีมือการต่อสู้ขั้นเก่งกาจ
เธอจะไม่สร้างปัญหาให้เขาเลย
เธอสามารถปกป้องเขาได้ด้วยซ้ำ
แต่เขากลับมองว่าเธอเป็นภาระ เป็นดอกไม้ในเรือนกระจกที่แสนเปราะบางต้องการการปกป้อง
เธอกัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะเงยหน้ามองไป๋ลั่วอย่างเย็นชา “เปิดประตูให้ฉัน ฉันอยากออกไป”
ไป๋ลั่วจับกุญแจรถในกระเป๋าของเขาแน่นโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ไม่ครับ”
“เจ้านายสั่งไว้ว่า ให้คุณรออยู่ที่นี่จนกว่าเขาจะกลับมา”
“คุณเก่งขนาดนี้ ถ้าให้คุณออกมา ผมห้ามคุณไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
ซูสือเยว่หรี่ตาลง
เธอเงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่ใบหน้าของไป๋ลั่วอย่างโมโห “ในเมื่อคุณรู้ว่าฉันเก่งกาจ คุณไม่กลัวว่าฉันจะจัดการคุณทีหลังหรือไง?”
ไป๋ลั่วยิ้ม “ถ้าผมกลัว ผมคงไม่ได้เป็นผู้ช่วยของคุณชายฉินมาหลายปีหรอกครับ”
ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมใจอ่อน ทำให้ซูสือเยว่ต้องหลับตาลง
เธอกำหมัดแน่นทั้งสองข้าง “ฉันจะถามอีกครั้งว่าเปิดดีๆหรือไม่เปิด?”
ไป๋ลั่วส่ายหน้า “คุณผู้หญิงครับ ฉันเปิดประตูให้คุณไม่ได้จริงๆ คุณ…”
“ปึง–!”
ก่อนที่ไป๋ลั่วจะพูดจบ กระจกรถก็แตกกระจาย
ซูสือเยว่กำหมัดของเธอไว้แน่นทั้งสองข้าง ก่อนจะเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา แล้วปลดล็อกรถเปิดประตูลงมา
ไป๋ลั่วดูมึนงงเล็กน้อยกับการกระทำที่ราบรื่นของเธอ
“ฉันจะคิดบัญชีกับคุณทีหลัง”
หลังจากลงจากรถ ซูสือเยว่ก็จัดเสื้อผ้าของเธอสักพักแล้วเดินเข้าไปในป่า
ไป๋ลั่วตกตะลึง ก่อนจะรีบตามไปอย่างรวดเร็ว เขาอ้าแขนขึ้นเพื่อขวางเธอไว้ “คุณผู้หญิงครับ คุณเข้าไปไม่ได้นะครับ”
“ในป่านี้มีต้นไม้เยอะมาก คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการเดินป่า ถ้าเข้าไปจะหลงทางได้”
“ยิ่งกว่านั้น มีรายงานข่าวว่ามีเสือโคร่งกับเสือดาวและหมาป่าปรากฏตัวขึ้นในป่านี้ด้วย คุณเดินเข้าไปแบบนี้…”
“หลีกทาง!”
ซูสือเยว่หรี่ตาของเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าฉินโม่หานเข้าไปได้ ทำไมฉันจะเข้าไปไม่ได้”
“แต่ว่า……”
สีหน้าของไป่ลั่วซีดเผือด “เหตุผลที่เจ้านายไม่ยอมให้คุณเข้าไป แล้วปล่อยให้คุณอยู่ที่นี่รอ เพราะไม่ต้องการให้คุณเข้าไปเสี่ยงอันตราย…”
“ถ้าคุณยังดื้อดึงจะเข้าไป คุณจะทำให้สามีของคุณผิดหวัง”
ซูสือเยว่เม้มปากยิ้มเยาะเย้ยขึ้นมา
“เขาจะผิดหวังอย่างนั้นเหรอ? ”
“ฉันเองก็ผิดหวังมากเหมือนกัน”
ความรักที่เธอคิดไว้คือคนสองคนสามารถยืนหยัดด้วยกันในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แล้วเผชิญอุปสรรคไปด้วยกัน ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไปก็ไปด้วยกัน
แต่ฉินโม่หานกลับทิ้งเธอไว้ที่นี่ แล้วไปเผชิญกับอันตรายเพียงลำพัง
เขาคิดว่าเธอเป็นอะไรกันแน่?
ภาระอย่างนั้นเหรอ?
เป็นสาวน้อยไร้เดียงสาที่ต้องการการปกป้องดูแลอย่างนั้นเหรอ?
หรือเขาคิดว่าเธอไม่คู่ควรที่จะเผชิญอุปสรรคไปพร้อมกับเขา?
ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ มือของเธอกำหมัดแน่น
หญิงสาวเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปยังป่าสีรกชัฏที่อยู่ข้างหน้าเธอ สุดท้ายเธอก็สูดหายใจเข้าลึก และเดินเข้าไปในป่า
“คุณผู้หญิงครับ”
“คุณผู้หญิงครับ……”
พอเห็นซูสือเยว่เดินเข้าไปในป่า ไป๋ลั่วก็กัดฟัน
หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุดเขาก็กดล็อครถและรีบเดินตามเธอไปให้ทัน
ขณะที่ไล่ตาม เขาก็ส่งข้อความไปหาฉินโม่หานด้วย
“คุณผู้หญิงตื่นแล้วครับ และกำลังเข้าไปในป่าด้วย”
ในขณะนี้ ฉินโม่หานกำลังต่อสู้กับฉินหลิงยี่อยู่
แม้ว่าฉินหลิงยี่ตะเคยเป็นทหารรับจ้างมาก่อน แต่หลายปีมานี้เขาก็ไม่เคยหยุดฝึกฝนเลย
แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉินโม่หาน ผู้ชายที่เอาแต่นั่งทำงานอยู่ในบริษัททุกวัน
ทั้งสองสู้กันไปมา แต่เกือบทุกครั้ง ดูเหมือนจะเป็นฉินโม่หานที่ได้เปรียบ
แต่ว่า ถึงแม้จะมีข้อได้เปรียบ แต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับฉินโม่หานที่จะเอาชนะฉินหลิงยี่ได้อย่างสมบูรณ์
ในที่สุดฉินโม่หานก็พบจุดอ่อนของฉินหลิงยี่
เขากำหมัดแน่น ตั้งใจจะโจมตีฉินหลิงยี่อย่างรุนแรง เพื่อจบการต่อสู้—
หูฟังล่องหนที่ซ่อนอยู่ในหูของชายหนุ่มก็มีเสียงดังขึ้น
มันคือเสียงของไป๋ลั่ว
“คุณผู้หญิงตื่นแล้วครับ และกำลังจะเข้าไปในป่าด้วย”
“ผมหยุดเธอไม่ได้ ผมกำลังตามเธอไปอยู่ ถ้าเจ้านายจัดการเรื่องที่นั่นเสร็จแล้ว อย่าลืมตามหาพวกเราด้วยนะครับ”
เสียงในหูฟังทำให้ร่างกายของชายหนุ่มหยุดชะงัก
และในช่วงเวลาที่ตกตะลึง ทำให้การป้องกันของฉินโม่หานหยุดลงเช่นกัน
ฉินหลิงยี่ยังโจมตีเข้าใส่อย่างแรง โจมตีจนฉินโม่หานถอยหลัง จนในที่สุดก็เซจนเกือบล้มลงบนพื้น
“นายชนะแล้ว”
หลังจากกลับมารู้สึกตัวแล้ว ฉินโม่หานก็รีบปรับร่างกายของเขาให้มั่นคง แล้วมองไปที่ฉินหลิงยี่ด้วยรอยยิ้มบาง “หยุดแค่นี้เถอะ”
“คนที่ชนะเป็นนายต่างหาก”
ฉินหลิงยี่มองไปที่ใบหน้าของฉินโม่ฮานอย่างลึกซึ้ง “นายแค่เผลอไป”
“ถ้านายไม่เผลอไป ฉันคงสู้นายไม่ได้”
ฉินโม่หานมองไปที่ฉินหลินยี่ ก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อย “ถ้านายไม่เกลียดฉันตั้งแต่ตอนเด็ก เราอาจจะเป็นเพื่อนที่ถูกคอกันมาก”
ฉินหลิงยี่หัวเราะเยาะออกมา “ใครอยากเป็นเพื่อนกับลูกนอกสมรสอย่างนายกัน?”
หลังจากพูดจบ ชายหนุ่มก็พ่นลมหายใจออกมา แล้วนั่งบนม้านั่งหินอ่อนข้างๆ เพื่อพักหายใจ
“แต่ในเมื่อนายยอมสู้กับฉัน ฉันก็จะบอกนายเกี่ยวกับเรื่องราวภายในขององค์กร K”
“อันที่จริง องค์กร K นั้นเกี่ยวข้องกับพ่อแท้ๆของนายจี้ว่านเชิ่ง และบุคคลที่รับผิดชอบองค์กร K จริงๆ แล้วคือ ขง…”
ชายหนุ่มยังพูดไม่ทันจบ ก็มีเสียงปืนดัง “ปัง” แล้วมีกระสุนพุ่งมาจากทางไหนไม่รู้ พุ่งทะลุศีรษะของฉินหลิงยี่ไป
กระสุนปืนยิงเข้าที่หน้าผากของเขา ทำให้เกิดเป็นรูพร้อมกับเลือดไหลออกมา
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป
พอฉินโม่หานได้สติ ฉินหลิงยี่ก็หงายหลังล้มลงจากม้านั่งหินอ่อนลงไปนอนกับพื้นเรียบร้อยแล้ว
“พี่รอง!”
ฉินโม่หานขมวดคิ้วและรีบลุกขึ้น ดึงเขาเข้าไปหลบในบ้านพักทันที
เลือดไหลออกจากปากของฉินหลิงยี่ไม่หยุด
เขาจ้องไปที่ฉินฌม่หานด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างน่ากลัว ปากของเขาขยับพูดด้วยความยากลำบาก
“ขง……เนี่ยนโหรว……”
หลังจากพูดสามคำนี้จบ คอของชายหนุ่มก็พับแล้วสิ้นใจตายทันที
ฉินโม่หานกัดฟันกรอด ในใจรู้สึกอารมณ์เสียมาก
ถึงแม้ฉินหลิงยี่จะไม่ชอบเขามาตลอด แต่เขาก็เคยเป็นคนที่ดีกับตนเองที่สุดในตระกูลฉิน
เมื่อเทียบกับพี่ชายคนโตที่ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นคนในตระกูลฉินเลย ที่จริงแล้ว ฉินหลิงยี่ห่วงใยเขามากกว่าและใจดีกับเขามากกว่า
ถ้าไม่ใช่เพราะหลังจากแต่งงานกับซูสือเยว่ แล้วฉินหลิงยี่ถูกจับได้เพราะเรื่องของเย่เชียนจิ่ว เขาคงจะยังคิดว่าฉินหลิงยี่เป็นพี่รองที่ดีกับเขาที่สุดอยู่
แต่ทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยงแท้
ชายหนุ่มถอนหายใจ ยื่นมือออกมาไปปิดตาให้อีกฝ่าย
เนื่องจากบุคคลปริศนายิงฉินหลองยี่ด้วยปืนสไนเปอร์ จึงสามารถพิสูจน์ได้ว่ามือปืนของฝ่ายตรงข้ามกำลังจ้องมองมาที่พวกเขาตลอดเวลา
แต่ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่ยิว แต่กลับยิงตอนนี้ล่ะ?
แปดสิบเปอร์เซ็นต์ คงเป็นเพราะชื่อนั้น
ฉินโม่หายหรี่ตาลงเล็กน้อย และพึมพำชื่อนั้นเบาๆ
ขงเนี่ยนโหรว
แล้วอีกอย่าง แม่ของเขาที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนก็ชื่อลู่เนี่ยนโหรว
ขงเนี่ยนโหรวกับลู่เนี่ยนโหรว
สองคนนี้มีความเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า?