ซูสือเยว่ฟังจนงงไปหมด
รอให้ท่านปู่ฉินกินข้าวเช้าเสร็จไปแล้ว หัวของเธอก็ยังมึนงงอยู่เลย
จี้ว่านเชิ่ง ลู่เนี่ยนโหรว ขงเนี่ยนโหรว
ยังมีพ่อของเธอเจี่ยนหมิงจงและแม่หลิวหรูเยียน……
เรื่องของคนรุ่นก่อน…….
มันซับซ้อนขนาดนี้เลย?
ตามที่ท่านปู่ฉินพูดก็คือ หลังจากที่ขงเนี่ยนโหรวหลงรักจี้ว่านเชิ่งแล้ว ก็เริ่มตกเป็นเป้าหมายของตระกูลขงในตอนนั้น
ตระกูลขงในตอนนั้นมีอำนาจไม่น้อย ทุกครั้งที่เขาถูกกำกับ แม้ว่าจะสามารถรับมือได้อย่างสวยงาม แต่ทุกครั้งก็จะเหนื่อยสายตัวแทบขาด
หลังจากนั้น ตอนนั้นขงเนี่ยนโหรวที่ยังไม่ชื่อก็ไขงเนี่ยนโหรวก็ได้เปลี่ยนชื่อ ใช้ “เนี่ยนโหรว” ความมาของชื่อใน ‘ความบังเอิญ’ เพื่อมาเข้าใกล้ลู่เนี่ยนโหรว สุดท้ายลักพาตัวลู่เนี่ยนโหรว
จี้ว่านเชิ่งเพื่อปกป้องลู่เนี่ยนโหรว เลือกที่จะใช้ตัวเองไปแลกลู่เนี่ยนโหรว
แต่เขาก็รู้ สิ่งที่ขงเนี่ยนโหรวถนัดที่สุด ก็คือใช้ยาในการควบคุมสติของคน
ดังนั้นเขาก็เลยเลือกที่จะตายไปพร้อมกับขงเนี่ยนโหรว……
แต่ไม่รู้ว่าเกิดข้อผิดพลาดตรงไหน จี้ว่านเชิ่งตายแล้ว แต่ขงเนี่ยนโหรวกลับหนีไปได้
เพราะว่าจี้ว่านเชิ่งตาย เธอก็เลยเริ่มทำการแก้แค้นทุกคนที่เกี่ยวข้องกับลู่เนี่ยนโหรวอย่างบ้าคลั่ง รวมทั้งตระกูลเจี่ยนที่เลี้ยงดูลู่เนี่ยนโหรว
หลังจากนั้น ลู่เนี่ยนโหรวก็พบเจอกับท่านปู่ฉิน
ท่านปู่ฉินและจี้ว่านเชิ่งเป็นเพื่อนต่างวัย
ตระกูลฉินในตอนนั้น ก็ไม่เป็นสองรองใครในเมืองหรง
บวกกับเมืองหรงก็ไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจของขงเนี่ยนโหรว ดังนั้นท่านปู่ฉินก็ใช้วิธีในการแต่งงานกับลู่เนี่ยนโหรว เพื่อปกป้องลู่เนี่ยนโหรวและลูกในท้องของเธอ
หลังการแต่งงานลู่เนี่ยนโหรวอยู่ต่อหน้าคนนอกก็ยังคอยรักษาหน้าของท่านปู่ฉิน แล้วเสียใจโศกเศร้าอยู่ในบ้าน
ดังนั้นหลังจากที่ให้กำเนิดฉินโม่หานม่นาน เธอก็ฆ่าตัวตายในการโดดลงไปในทะเล
ซูสือเยว่นั่งอยู่ในห้องผู้ป่วย หลังจากจัดข้อมูลทุกอย่างออกมาแล้ว ก็รู้สึกเศร้าไม่น้อย
ฉะนั้นท่านปู่ฉิน ในปีนั้น เผ็นคนนอกระหว่างตระกูลเจี่ยนและตระกูลจี้ แต่ก็ยอมแบกรับความอัปยศอย่างเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาด ช่วยเหลือจี้ว่านเชิ่ง ปกป้องแม่ลูกลู่เนี่ยนโหรวทั้งสอง
น่าจะ เป็นเพราะว่าประสาการณ์ชิวิตที่น่าเศร้าของฉินโม่หาน ท่านปู่ฉินก็เลยดีต่อฉินโม่หานเป็นอย่างมาก จนยอมยกฉินซื่อกรุ๊ปให้เขาจัดการ?
ไม่ว่ายังไง ถึงจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่านปู่ฉินทั้งนั้น ฉินหลินยี่เป็นผลจากการทรยศ ส่วนฉินโม่หาน เป็นลูกของเพื่อนของเขา
พอคิดแบบนี้ ซูสือเยว่เงยหน้าขึ้นเดินไปข้างเตียงของซิงเฉิน แล้วจับมือของซิงเฉินอย่างเบาๆ
ท่านปู่ฉินเมื่อกี้พูดว่า เรื่องที่ฉินหลินยี่ทำตลอดหลายปีมานี้ มีคนคอยสนับสนุนเขาอยู่ตลอด
องค์กรที่สนับสนุนเขา ชื่อK
วันนั้นที่ใช้สไนเปอร์ในการยิ่งฆ่าฉินหลินยี่ น่าจะเป็นคนขององค์กรKด้วย
Kเป็นตัวย่อของชื่อขงเนี่ยนโหรว
ดังนั้นองค์กร Kจะมีความเกี่ยวข้องกับขงเนี่ยนโหรวไหมนะ?
ผู้หญิงหลับตาลง
ถ้าเป็นขงเนี่ยนโหรวจริงๆ แล้วเธอคิดจะทำอะไรกันแน่?
ผ่านไปนานขนาดนี้ เธอยังรู้สึกโกรธ ยังจะเอาความผิดที่เธอไม่ได้อยู่กับจี้ว่านเชิ่ง ผลักเป็นความผิดของฉินโม่หาน แล้วจะจัดการฉินโม่หานใหม่หรอ?
“สือเยว่”
ในตอนนี้เอง ประตูห้องข้างหลังก็ถูกคนผลักออก เดินเข้ามาจากข้างนอก
เห็นเธอจับมือของซิงเฉินแล้วเหม่อ ผู้ชายขมวดคิ้ว “เป็นอะไร?”
เสียงที่ต่ำของเขา ทำให้ซูสือเยว่ดึงสติกลับคืนมา
เธอไอแห้งทีหนึ่งแล้วรีบลุกขึ้นยืน “ไม่ ไม่มีอะไร”
พูดจบ ผู้หญิงก็มองนาฬิกา นี่ก็เก้าโมงเช้าแล้ว
เธอหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งแล้วเงยหน้ามองเขา “มีข่าวอะไรรึยัง?”
“อื้ม”
ผู้ชายพยักหน้า “เที่ยวบินของเจียงหลีลงตอน10:30 จะเดินออกทางVIP”
“พวกเราไปตอนนี้ เวลาพอดีเลย”
ซูสือเยว่พยักหน้า หลังจากที่บอกให้พยาบาลที่อยู่ข้างๆ ดูแลซิงเฉินให้ดีๆ แล้วก็ลุกขึ้นเดินตามฉินโม่หานออกไปโดยตรงเลย
“ทำไมเธอดูเหมือนมีเรื่องในใจนะ?”
ระหว่างทางที่ไปสนามบิน ฉินโม่หานนั่งอยู่หลังรถ มองหน้าข้างของผู้หญิงไว้ แล้วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วพูดเบาๆ
ซูสือเยว่ละงักแล้วหันมามองเขา “ใช่หรอ?”
“ใช่”
ผู้ชายยืนมือไปบีบที่หน้าของเธอเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหลงใหล “เช้านี้พบเจอพ่อฉัน?”
“ท่านคุยอะไรกับเธอ?”
ซูสือเยว่ชะงัก เห็นได้ชัดว่า ฉินโม่หานรู้เรื่องที่ท่านปู่ฉินมาดูแลซิงเฉินแล้ว
ผู้หญิงไอแห้งทีหนึ่งแล้วหันหน้าหนี “ไม่ได้พูดอะไร……”
“พูดนิดหน่อย……เกี่ยวกับนายและฉินหลินยี่”
ฉินโม่หานยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านต้องพูดกับเธออีกแล้วแน่ว่า ฉินหลินยี่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่าน”
ซูสือเยว่ชะงัก แล้วพยักหน้าอัตโนมัติ
“นายก็รู้?”
“ฉัยรู้อยู่แล้ว”
ผู้ชายทนไม่ไหวก็เลยยื่นแขนไปกอดเธอเข้าอ้อมกอดแล้วพูดเบาๆ ว่า “เด็กชราคนนั้นเมื่อก่อนเมาแล้วจะลากฉันไว้แล้วร้องไห้”
“ท่านบอกว่าท่านรักภรรยาคนแรกของท่านมาก ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องหักหลังท่าoด้วย”
ซูสือเยว่กัดปากแล้วพูดพึมพำว่า “ฉันเองก็ไม่เข้าใจ”
ท่านปู่ฉินถึงแม้ว่าตอนนี้จะอายุมากแล้ว แต่มองจากรูปลักษณ์ของเขาแล้ว ตอนหนุ่มๆ หล่อมาก
ฉินซื่อกรุ๊ปภายใต้การบริหารของท่านปู่ฉิน ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว
แน่นอนว่า เงินกับหน้าต่างเป็นรอง
ที่สำคัญที่สุดคือ……
ท่านปู่ฉินเป็นคนใจดีมาก
วันนี้ได้ยินท่านปู่พูดเรื่องพวกนั้น ซูสือเยว่นอกจากจะตะลึงแล้ว ยังรู้สึกว่าท่านปู่เป็นคนที่ดีมากๆ
ไม่พูดว่าเขาดีต่อฉินโม่หานและแม่ของฉินโม่หานลู่เนี่ยนโหรวมากแค่ไหน……
แม้กระทั่งฉินหลินยี่ คนที่ภรรยาของเขาหักหลังเขาแล้วให้กำเนิดออกมา เขายังเตือนตัวเองตลอดว่า ลูกไม่มีความผิด
แม้ว่าฉินหลินยี่จะไม่ได้รับความอบอุ่นจากท่านปู้ฉินในช่วงการเติบโต แต่ดูจากภายนอกแล้ว เขาก็ยังเป็นคุณชายสองในตระกูลฉิน
ที่ท่านปู่ฉินควรให้เขา ไม่เคยขาดแม้แต่น้อย
ท่านปู่ฉินที่นิสัยดีขนาดนี้ ยังถูกภรรยาหักหลัง…..
“เพราะว่าในโลกนี้ ยังมีเรื่องบ้าคลั่งที่พวกเราไม่สามารถเข้าใจได้อีกมาก”
คำพูดของผู้ชาย ทำให้ซูสือเยว่อดไม่ได้ที่จะนึกถึงขงเนี่ยนโหรวอีกครั้ง
ใช่แล้ว
บนโลกนี้มีเรื่องบ้าคลั่งมากมายที่พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้
เหมือนกับเธอที่ไม่ว่าจะคิดยังไง ก็คิดไม่ออกว่าทำไมเรื่องผ่านมานานหลายปีขนาดนี้แล้ว ทำไมขงเนี่ยนโหรวถึงตอนนี้ยังไม่ปล่อยวางอีก
รถยังคงวิ่งอยู่บนถนนด้วยความเร็วสูง
ตอนประมาณ10โมงกว่า ฉินโม่หานและซูสือเยว่ก็ได้มาถึงสนามบิน
ทั้งสองคนรออยู่ตรงทางออกVIPครู่หนึ่ง ในที่สุดก็รอผู้หญิงที่ชื่อเจียงหลีมาจนได้
เธอใส่เสื้อคลุมสีแดงและกางเกงขายาวสีดำ รองเท้าบูทสีดำ ปล่อยผมไว้ สวนแว่นสีดำ ดูแล้วลึกลับมาก
ดูอุปนิสัยแล้ว ดูไม่ออกเลยว่าเธอเป็นหมอ
แต่คนรอบกายกลับจำเธอได้
มีนักศึกษาผู้หญิงหลายคนเริ่มตะโกนเรียกขึ้นมา “คุณหมอเจียง!”
“คุณหมอเจียงหลี!”
“คุณหมอเจียงก็ยังดูมีราศีเหมือนเดิม!”
……
ฟังคนพวกนี้เรียกก็มั่นใจได้เลยว่าคนนี้ก็คือเจียงหลีรีบลากฉินโม่หานแล้วเดินขึ้นไป
“คุณหมอเจียง!”
เธอเดินก้าวใหญ่ๆ ขึ้นไป “สวัสดีค่ะ!”
เจียงหลียักคิ้วแล้วมองเธอ จากนั้นก็เอาแว่นลงอย่างสง่า “พวกเรารู้จักกันหรอ?”
ทันทีที่ผู้หญิงเลื่อนแว่นลง ซูสือเยว่ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตัวฉินโม่หานที่อยู่ข้างหลัง กระตุกแรงๆ ทีหนึ่ง