ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว หันกลับไปมองฉินโม่หานที่อยู่ข้างหลังอย่างอัตโนมัติ
สายตาของฉินโม่หานที่มองเจียงหลีเต็มไปด้วยความตะลึง
เธอเริ่มไม่พอใจ
เธอรู้ว่าคุณหมอเจียงหลีสวยมาก แต่ว่าปฏิกิริยาของฉินโม่หาน…..
จะเสียมารยาทเกินไปไหม?
ฉินโม่หานเธอรู้จักเป็นอย่างดี
ตัวตนและฐานะของเขา ร่วมกับหน้าตาของเขา ลิขิตไว้แล้วว่าข้างกายของเขาจะมีสาวสวยไม่ขาด
แต่ว่าเมื่อก่อน ทุกครั้งที่เห็นสาวสวยเหล่านั้น ปฏิกิริยาของฉินโม่หานก็เย็นชา
เขาเคยบอกว่า ผู้หญิงที่ถึงจะสวยแค่ไหน ก็ไม่สวยเท่าซูสือเยว่แม้แต่ครึ่ง
แต่ว่าตอนนี้ ผู้ชายคนนี้ที่ไม่แยแสผู้หญิงคนอื่นเลย กลับมองเจียงหลีอย่างนั้น
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว แล้วจ้องเขาอย่างโหดทีหนึ่ง จากนั้นถึงหันกลับมามองเจียงหลีอย่างยิ้มแล้วพูดว่า:
“คุณหมอเจียง เมื่อก่อนพวกเราไม่รู้จักกัน”
“แต่ฉันเชื่อว่า มีคนไข้คนหนึ่ง คุณต้องเกิดความสนใจมากแน่ๆ”
เจียงหลียักคิ้ว ใบหน้าที่สวยเต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์ เขามองฉินโม่หานทีหนึ่ง สุดท้ายมองซูสือเยว่ ในตามีรอยยิ้ม “ใช่หรอ?”
“ลองพูดหน่อยเป็นไง?”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปากไว้ หายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ลอบนึกคำพูดที่เมื่อคืนฟู๋เชียนเชียนสอนเธอ:
“ฉันเคยดูข้อมูงของคุณเมื่อก่อน คุณชำนาญในการรักษาผู้ป่วยโคม่า แต่ว่าผู้ป่วยอาการโคม่าที่คุณรักษา เป็นผู้ใหญ่ทั้งนั้น”
“ในมือของคุณมีเพียงข้อมูลและตัวอย่างการรักษาผู้ใหญ่อย่างเดียว”
“แต่ว่าลูกชายของฉัน พึ่งอายุ 5 ขวบ”
“เด็ก 5 ขวบที่ตกอยู่ในอาการโคม่า คุณไม่มีความสนใจ?”
ฟู๋เชียนดชียนบอกว่า เหมือนเจียงหลีที่เจาะจงโรคซับซ้อนยุ่งยากต่างๆ แบบนี้ ต้องบอกลักษณะอาการของซิงเฉินให้น่าสนใจ ยิ่งน่าสนใจ เธอก็ยิ่งมีความสนใจ
อย่างที่คิด
หลังจากที่ซูสือเยว่พูดจบ เจียงหลีก็ยักคิ้วแล้วเก็บแว่น เอากระดาษออกมาจากเสื้อแผ่นหนึ่ง แล้วจดเบอร์ของเธอลง
ซูสือเยว่ดีใจมาก รีบยื่นมือไปรับ
แต่ที่เธอคิดไม่ถึงก็คือ เจียงหลีข้ามเธอไป พับเอากระดาษใบนั้นที่เขียนเบอร์ติดต่อเธอไว้ให้แล้วยัดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของฉินโม่หานด้วยท่าทางที่สง่า
ผู้หญิงมองตาเยิ้มใส่ฉินโม่หาน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หวานๆ “วันนี้ฉันไม่ว่าง พรุ่งนี้สามารถติดต่อฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ”
พูดจบ เธอก็ส่งจูบให้ฉินโม่หาน จากนั้นก็ลากกระเป๋าเดินทางก้าวเท้าใหญ่ๆ จากไป
พวกนักศึกษาหญิงที่รอเจียงหลีอยู่ไกลๆ บางคนตะลึง บางคนผิวปาก บางคนก็หัวเราะฮ่าฮ่าใหญ่ :
“คุณหมอเจียงเป็นผู้หญิงที่สวยและองอาจที่สุด!”
……..
ฟังคำชมของนักศึกษาหญิงพวกนั้น เจียงหลีหัวเราะเบาๆ “อย่าพูดอย่างนั้น ฉันไม่สวยซะหน่อย”
“ถ้าจะบอกสวย……….”
เธอยักคิ้วไปทางซูสือเยว่ “คนที่คุยกับฉันเมื่อกี้ นั้นถึงเรียกว่าสวยจริงๆ !”
ผู้หญิงที่เป็นคนนำเป็นเผิงหลิงเมื่อวาน
เธอมองซูสือเยว่อย่างเย็นชาทีหนึ่งแล้วพูดด้วยความประชดว่า “เธอ?”
“นอกจากหน้าตาแล้ว อะไรก็ไม่มี”
“อีกอย่างท่าทางที่เมื่อกี้หนูเห็นคุณหมอเจียงแหย่ฉินโม่หาน……..พวกคณสองคนดูเหมาะกันมากเลย!”
“จริงด้วย ออร่าของคุณหมอเจียงนั้นทิ้งคนที่ชื่อซูสือเยว่ไปหลายพันไมค์เลยนะ!”
พวกนักศึกษาหญิงพูดไปด้วย แล้วเหลือบมองหน้าของซูสือเยว่ไปด้วย
ซูสือเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย มือทั้งสองกำหมัดไว้แน่น
ถ้าเธอไม่มีคำร้องขอต่อเจียงหลีในตอนนี้ แล้วนักศึกษาพวกนั้นก็กำลังพูดคุยกับเจียงหลี…..
หมัดของเธอตอนนี้ก็คงใส่ขึ้นไปแล้ว!
“ไปเถอะ”
ในเวลานี้เอง ฉินโม่หานที่หยู่ข้างหลังเธอไม่พูดอะไรเลยก็ได้ปเปิดปากพูดขึ้นมา
ผู้ชายยื่นมือไปจับมือของซูสือเยว่แล้ว ก็มองเจียงหลีและนักศึกษาพวกนั้นที่อยู่ไกลๆ อย่างเย็นชาทีหนึ่ง
เจียงหลีก็กำลังมองเขาอยู่พอดี
สบตาเข้าหากัน
ในตาผู้ชายเต็มไปด้วยความสงสัย ในตาของเจียงหลีกลับเต็มไปด้วยความสวยหยาดเยิ้ม
เธอทำตาเยิ้มใส่ฉินโม่หาน ทำให้ผู้หญิงรอบๆ กรี๊ดกร๊าดขึ้นอีกครั้ง
ฉินโม่หานมวดคิ้ว ไม่ได้ตอบเธอ แต่ลากซูสือเยว่ไว้แล้วหันหลังเดินจากไป
หลังจากที่ทั้งสองคนขึ้นไปบนรถแล้ว ผู้ชายถึงเอากระดาษที่เจียงหลีใส่ในกระเป๋าเสื้อของเขาออกมาอย่างเงียบๆ เปิดออกแล้ววางไว้ในฝ่ามือของซูสือเยว่
ซูสือเยว่ขมวดคิ้วมองกระดาษที่อยู่ในมือใบนั้น
เธอมีความวู่วามที่อยากจะโยนกระดาษนั้นทิ้ง
แต่เพื่อโรคของซิงเฉิน……
เธอก็กลั้นไว้
เจียงหลีคนนี้ ตั้งแต่ที่ลงจากเครื่องแล้ว เหมือนว่าสายตาไม่เคยละจากตัวของฉินโม่หานเลย เธอเห็นหมดแล้ว
แต่ที่เธอคิดไม่ถึงคือ ฉินโม่หานจะจ้องมองเจียงหลีจนตาตรงอย่างนั้น
ที่นิ่งคิดไม่ถึงคือ เจียงหลีจะหลีตาใส่ฉินโม่หานต่อหน้าเธอแบบนี้
เรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่างในสนามบินเมื่อกี้ ทำให้เธอไม่สบายเป็นอย่างมาก
แต่ว่า พอคิดได้ว่าเจียงหลีอาจจะสามารถทำให้ซิงเฉินฟื้นขึ้นมาได้จริงๆ ……
เธอก็หายใจเข้าลึกๆ แล้วจดเบอร์ใส่ในโทรศัพท์
หลังจากจดเสร็จแล้ว เธอก็เอากระดาษใบนั้นยัดใส่ในมือของฉินโม่หานอย่างไม่พอใจ “คนอื่นเขาให้นาย ไม่ได้ให้ฉันซะหน่อย”
“เอางี้ไหม ต่อไปถ้าเธอมาดูซิงเฉิน ปล่อยให้นายรับผิดชอบเป็นไง”
ฉินโม่หานแสยะยิ้มแล้วดึงเธอเข้าอ้อมกอด จากนั้นก็จูบที่หน้าผากของเธอแล้วพูดว่า “ทำไม หึงหรอ?”
“เธอไม่กลัวว่าถ้าปล่อยให้ฉันรับผิดชอบในการติดต่อเจียงหลีไม่กลัวว่าฉันจะนอกใจเธอหรอ?”
ซูสือเยว่มองบน แล้วส่งสายตาเย็นชาใส่เขา “ถ้านายอยากจะนอกใจจริงๆ ฉันจะห้ามนายได้ด้วยหรอ?”
พูดจบ เธอก็หันหน้าหนีไม่มองเขา “เมื่อกี้ตอนที่นายมองเจียงหลีมองจนตาค้างแล้ว อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นนะ”
“ถ้านายชอบเธอจริงๆ อยากจะอยู่กับ ฉันก็ห้ามนายไม่ได้”
“แต่ฉันขอร้องนายนะ ถ้านายอยากจะอยู่กับ ก็ต้องฉันก่อน ไปทำเรื่องหย่ากับฉันให้เสร็จ”
“ฉันไม่ยอมให้บนหัวของฉันถูกสวมเขาหรอกนะ”
คำพูดของผู้หญิง ทำให้ฉินโม่หานอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มขึ้นมา
เขาเงยหน้ามองไป๋ลั่วที่นั่งอยู่ตรงคนขับไม่กล้าหายใจหนักๆ :
“เดี๋ยวไปซื้อน้ำตาลหน่อย ทำให้คุณนายหวานขึ้นมาหน่อย เธอเปรี้ยวเกินไปแล้ว”
ซูสือเยว่มองบน ไม่สนใจเขา
ผู้ชายถอนหายใจแล้วดึงเธอเข้าอ้อมกอดแล้วจูบอย่างดูดดึม
สุดท้าย เขาก็ขังเธอไว้ในอ้อมกอด “ไม่ต้องโกรธแล้ว”
“ที่ฉันมองเขาจนตาค้าง…..ไม่ใช่เพราะว่าเขาสวยมากแค่ไหน”
“ถ้าจะบอกว่าสวย เขาสู้เธอไม่ได้เลย”
คำพูดของผู้ชาย ทำให้ซูสือเยว่อดไม่ได้ที่จะหึขึ้นมาทีหนึ่ง “ในเมื่อแบบนี้ แล้วนายมองเขาแบบนั้นทำไม?”
เธอพอนึกถึงสายตาที่ฉินโม่หานมองเจียงหลีเธอก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดี!
“เด็กขี้หึง”
เขายื่นมือไปขยี้หน้าของเธออย่างเบาๆ
สักพัก ผู้ชายก็เอาโทรศัพท์มาหารูปออกมารู้ปหนึ่ง “คนในรู้ปเป็นแม่ของฉัน”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้วแล้วเหลือบมอง จากนั้นก็เบิกตาโตขึ้นมาทันที
“เจียงหลี……..เหมือนกับแม่ของนายมากเลย!?”