เสียงของชายหนุ่มใกล้เคียงกับอุณหภูมิอย่างมาก
เจียงหลีรู้แค่ว่าหัวใจของตนเองนั้นเริ่มเต้นระรัวขึ้นมาอีกแล้ว
ตึกๆตักๆอยู่เหนือการควบคุม
เธอกัดริมฝีปากอย่างหน้าแดงใจเต้น “จริงเหรอ……อะไรก็ได้เหรอ”
ฉินโม่หานกระตุกริมฝีปาก “แน่นอน ผมพูดคำไหนคำนั้น”
เจียงหลีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้ามองฉินโม่หานอย่างจริงจัง “งั้นฉันหวังว่า ถ้าฉันสามารถรักษาซิงเฉินให้หายได้ คุณต้องรับปากข้อเรียกร้องของฉันข้อหนึ่ง”
“ขอเรียกร้องอะไร”
เจียงหลีดึงสายตากลับมา มองซิงเฉินอย่างลึกซึ้ง “ถ้าฉันช่วยให้เขาตื่นขึ้นมาได้ คุณต้องรับปากฉัน ให้ซิงเฉินไปกับฉัน ไปทำกายภาพบำบัดหนึ่งปีที่ต่างประเทศ”
“กายภาพบำบัดเหรอ”
ชายหนุ่มค่อยๆขมวดคิ้ว มีความแปลกประหลาดใจเล็กน้อยในคำพูดที่เธอพูดออกมา
ตามตรรกะทั่วไปแล้ว เจียงหลีน่าจะต้องแยกเขากับซูสือเยว่ออกจากกัน ในเมื่อจะมาสร้างความร้าวฉานให้เขากับซูสือเยว่ อย่างนั้นตอนที่เขาพูดออกมาอย่างนั้น สิ่งที่เจียงหลีต้องทำ ก็คือเสนอเงื่อนไขระหว่างชายหญิงกับเขา บีบบังคับให้เขาตกลง แสดงถึงจุดประสงค์ที่ต้องการสร้างความร้าวฉานระหว่างเขากับซูสือเยว่
แต่ตอนนี้ จุดประสงค์ของเจียงหลีกลับไม่ได้อยู่ที่เขาแต่ว่า……อยู่ที่ตัวซิงเฉิน
ฉินโม่หานหรี่ตามองอย่างเยือกเย็น
เจียงหลีจากตอนแรกก็คือทำเป็นขั้นเป็นตอนมาเรื่อยๆ เข้ามาใกล้ชิดเขาและซูสือเยว่อย่างมีจุดประสงค์
เขาไม่เชื่อว่า คำพูดที่เจียงหลีพูดทั้งหมดตอนนี้จะเป็นการฉุกคิดขึ้นมาได้ชั่วคราว
หรือว่า……
เป้าหมายของเจียงหลีไม่ใช่เขา แต่เป็นซิงเฉินเหรอ
“ใช่ค่ะ กายภาพบำบัด”
เจียงหลียิ้มอ่อนๆพลางมองหน้าฉินโม่หาน พูดเสียงเบาๆว่า “ตอนนี้คุณก็เห็นอาการของซิงเฉินแล้ว เวลานี้เขายังนอนเป็นผัก”
“ต่อให้ฉันทำให้เขาฟื้นขึ้นมาจากสภาพที่นอนเป็นผักนี้แล้ว ก็ยากที่จะรับรองได้ว่าต่อไปเขาจะไม่เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมาอีก”
“ถ้าให้เขาไปกับฉัน ไปทำกายภาพบำบัดที่ศูนย์วิจัยในต่างประเทศ หนึ่ง ฉันสามารถสังเกตเห็นการฟื้นตัวของเขาได้อย่างเต็มที่ เขียนวิทยานิพนธ์ ได้อย่างค่อนข้างละเอียด”
“อีกอย่าง เขาอยู่กับฉัน ร่างกายก็จะฟื้นตัวได้เร็วกว่าอยู่ที่เมืองหรง”
ฉินโม่หานมองเธอ นัยน์ตาลึกล้ำ “แต่ว่า ตั้งแต่เด็กจนโต เขาไม่เคยห่างจากผมเลยนะครับ”
“เด็กก็ต้องเติบโต”
เจียงหลีถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ไม่อยากให้กลิ่นไอที่อยู่บนตัวของฉินโม่หานส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติการตามปกติของเธอ “อีกอย่างนะคะท่านชายฉิน”
“ถ้าซิงเฉินไปกับฉัน คุณก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยในชีวิตของเขา”
“ในเมื่อ ถ้าฉันทำให้เขาฟื้นขึ้นมาได้ เขาก็คือผลงานจากความเหน็ดเหนื่อยของฉัน ฉันสามารถนำออกไปโชว์และโอ้อวดผลงาน”
“โลกใบนี้ ไม่มีทางมีใครที่อยากให้เขามีชีวิตอยู่ได้มากกว่าฉันแล้ว”
พูดสิ่งเหล่านี้จบ เจียงหลียิ้มอ่อนๆพลางเงยหน้าขึ้น แหงนหน้ามองผู้ชายคนที่สูงกว่าเธอหนึ่งช่วงศีรษะตรงหน้าตนเอง “ท่านชายฉินคุณคิดว่ายังไงคะ”
บรรยากาศภายในห้องเงียบลงทันทีขนาดเข็มตกลงบนพื้นก็ยังได้ยินชัดเจน
ฉินโม่หานนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง “ผมขอคิดดูก่อน”
เจียงหลีกลับไม่ได้บีบบังคับเขา
เธอหมุนตัวไปทันที แม้แต่จะตรวจอาการของซิงเฉินก็ไม่ได้ตรวจ ก้าวขาเดินออกไปจากห้องผู้ป่วยทันที “อย่างนั้นฉันรอให้ท่านขายฉินคิดให้ดีก่อน แล้วฉันค่อยมาตรวจดูอาการซิงเฉิน เพื่อจะได้มั่นใจในการทำการรักษา”
เจียงหลีต้องยอมรับว่า ฉินโม่หานผู้ชายคนนี้ มีเสน่ห์มากจริงๆ
เขาสามารถทำให้เธอหน้าแดงใจเต้นรัวได้อย่างง่ายดาย และก็ทำให้เธอทำทุกเรื่องที่เขาอยากทำโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
แต่ว่า เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เธอรู้จักได้เพียงไม่นาน
เมื่อเทียบกับแม่ที่อบรมเลี้ยงดู เคี่ยวเข็ญ เธอมาหานานหลายปี……
ต่อให้ในใจเธอจะอยากช่วยเขามากแค่ไหน ก็ได้แต่ข่มใจทำตามแผนที่วางไว้ก่อนจะมาเมืองหรง
จุดประสงค์ที่Kส่งเธอมาเมืองหรง แม้ว่าจะให้เธอมายั่วยวนฉินโม่หาน สร้างความร้าวฉานให้กับฉินโม่หานและซูสือเยว่ แต่จุดประสงค์หลักของพวกเขา……
ก็คือซิงเฉิน
บนโลกใบนี้ มีเพียงเลือดของซิงเฉิน จะช่วยผู้ชายคนนั้นได้
“คุณหมอเจียงจะไปแบบนี้เลยเหรอครับ”
เห็นเจียงหลีเดินมาที่ประตู ฉินโม่หานกระตุกริมฝีปากเป็นรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา “ดูท่าคุณหมอเจียงจะไม่ได้สนใจผม”
เจียงหลีกัดริมฝีปาก หันไปมองหน้าเขา “คุณฉิน ฉันยอมรับว่าฉันรู้สึกดีกับคุณ และก็ตกหลุมรักคุณแล้วจริงๆ”
“แต่เกี่ยวกับเรื่องการรักษาของซิงเฉิน……”
หญิงสาวสูดหายใจลึกๆ “ไม่มีอะไรต้องมาปรึกษากัน”
“นี่คือหลักเกณฑ์ในการรักษาคนที่นอนเป็นผัก ของหมออย่างฉัน”
“ถ้าไม่เชื่อ ท่านชายฉินสามารถไปตรวจสอบด้วยตนเองได้ เมื่อก่อนคนที่ฉันรักษาทุกคน ล้วนถูกฉันพาไปที่ศูนย์วิจัยของฉันที่ต่างประเทศ สังเกตการณ์ชีวิตใหม่อีกครั้งเป็นเวลาหนึ่งปี”
“อีกอย่างภายในช่วงเวลาหนึ่งปีนี้ ไม่อนุญาตให้คนในครอบครัวมาเยี่ยม ต้องให้ผู้ป่วยถูกกักตัวอย่างสมบูรณ์ เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการทำกายภาพบำบัด”
“ฉันรู้ว่าข้อเรียกร้องนี้สำหรับคุณอาจจะยากลำบากไปหน่อย ในเมื่อผู้ป่วยคนอื่นล้วนเป็นผู้ใหญ่ แต่ซิงเฉิน เป็นแค่เด็กอายุห้าขวบ”
“ดังนั้น”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมา มองรอยยิ้มที่เฉิดฉายอย่างยิ่งของฉินโม่หาน “ถ้าท่านชายฉินหาวิธีอื่นได้ โดยไม่ต้องใช้เวลาทำกายภาพหนึ่งปี ฉันเองก็อยากเห็น ว่าคนอื่นใช้วิธีไหนช่วยซิงเฉินให้ฟื้น”
พูดจบ หญิงสาวก็หมุนตัวเดินจากไป
ฉินโม่หานยืนอยู่กับที่ มองเจียงหลีเดินกะโผลกกะเผลกจากไป ดวงตาหรี่มองอย่างแรง
ผ่านไปนานพักใหญ่ ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม สาวเท้าเดินตามไป
“คุณหมอเจียง คุณจะไปไหนครับ”
“เมื่อครู่ไม่ได้บอกว่า จะทำเรื่องนอนโรงพยาบาลเหรอครับ”
“ผมช่วยจัดการให้คุณ……”
……
โรงฝึกซ้อมยูโด
ซูสือเยว่ฟังคลิปเสียงบทสนทนาของฉินโม่หานกับเจียงหลีที่อยู่ภายในห้องของซิงเฉินอย่างเงียบๆจนจบ เงยหน้าขึ้นมามองชายวัยกลางคนทั้งสองตรงหน้าอย่างเฉยเมย “พวกคุณคิดว่ายังไงคะ”
เจี่ยนเฉิงส่งเสียงฮึ่มในลำคอ “ต้องมีแผนร้ายแน่นอน!”
“ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่ามีหมอรักษาคนไข้ แล้วยังเอาคนไข้ไปอีก”
“แถมยังในเวลาหนึ่งปี ไม่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมกักขังให้อยู่ข้างตัวเธอ”
“ถึงเวลาถ้าเธอแอบฆ่าหลานชายของฉันล่ะ ก็ไม่มีใครรู้!”
คำพูดของเจี่ยนเฉิง ทำให้เจี่ยนหมิงจงส่ายหน้าอย่างเงียบๆ
“แม้จะเป็นอย่างที่พูดนี้……”
เขาเงยหน้า มองซูสือเยว่อย่างครุ่นคิด “แต่เธอฟังไม่ออก ถึงความมั่นใจในตัวเองที่แฝงอยู่ในคำพูดของคุณหมอเจียงคนนี้เหรอ”
“เธอดูเหมือนจะรู้สึกมั่นใจในตัวเองอย่างยิ่ง ว่ามีแค่เธอที่จะช่วยให้ซิงเฉินฟื้นขึ้นมาได้ ถึงขั้นที่ว่ายุยงส่งเสริมให้ฉินโม่หานไปหาหมอคนอื่น”
“ในเมื่อเธอพูดขนาดนี้แล้ว อย่างนั้นก็แสดงว่า ความจริงแล้วเธอก็มั่นใจแล้วว่า ถ้าไม่พึ่งพาเธอ ฉินโม่หานก็ไม่มีวิธีที่จะทำให้ซิงเฉินฟื้นขึ้นมา”
เจี่ยนเฉิงเองก็พยักหน้า “เธอคิดแบบนี้จริงๆ”
พูดจบ ชายทั้งคนเงยหน้ามองซูสือเยว่พร้อมกัน “เธอคิดว่ายังไงล่ะ”
ซูสือเยว่เม้มปาก นิ่งเงียบอยู่นานแล้ว สุดท้ายแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าเจี่ยนหมิงจง
“คุณพ่อ”
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดออกมาอย่างยากลำบากว่า
“ขงเนี่ยนโหรว ผู้หญิงคนนี้ พ่อรู้จักมั้ยคะ”
หน้าของเจี่ยนหมิงจง ตอนที่ได้ยินซูสือเยว่พูดชื่อของขงเนี่ยนโหรวสามคำนี้ ซีดลงทันที
เขาขมวดคิ้วอย่างมีลับลมคมใน “ลูกถามคำถามนี้ไปทำไม”