ฉินโม่หานรับข้อตกลงที่เจียงหลีส่งให้มา ริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยิ้มเย็นเยือก “ที่แท้คุณหมอเจียงก็เตรียมมาแล้ว”
ข้อความในนี้นั้นซับซ้อนอย่างยิ่ง เห็นชัดว่าเจียงหลีทำขึ้นมาด้วยความตั้งใจ
ถึงขั้นที่ว่า ข้อความมากมายที่เลือกใช้ เห็นชัดว่าจ้างทนายเฉพาะทางมาช่วยเขียนให้ มิเช่นนั้น ฉินโม่หานคงไม่เชื่อว่าหมอคนหนึ่งอย่างเจียงหลี จะมีความเข้าใจในเรื่องข้อความทางกฎหมาย อย่างดีเยี่ยม มากกว่าคนที่ทำธุรกิจมานายหลายปีอย่างเขา
“แน่นอนค่ะ”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการเหน็บแนมจากนัยน์ตาของฉินโม่หาน เจียงหลีกลับไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย
เธอมองเขาพลางหัวเราะเบาๆ “ฉันเคยบอกแล้ว เมื่อก่อนฉันเคยช่วยคนที่นอนเป็นผักฟื้นขึ้นมามากมาย พวกเขาทุกคนล้วนต้องไปใช้ชีวิตอยู่กับฉันหนึ่งปีที่ศูนย์”
“ดังนั้นข้อตกลงฉบับนี้ ไม่ได้ทำขึ้นมาเพื่อซิงเฉินโดยเฉพาะ แต่คือสิ่งที่ฉันทำมาเหมือนเดิมโดยตลอด”
“แน่นอนว่า ต้องคำนึงถึงว่าซิงเฉินเป็นเด็ก ฉันจึงได้แก้ไขเนื้อหาที่เกี่ยวข้องด้วย”
พูดจบ เธอขมวดคิ้วมองฉินโม่หาน “ป้องกันเอาไว้ก่อน นี่ก็เป็นเรื่องที่ท่านชายฉินเองก็จะทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“แต่ข้อแตกต่างระหว่างฉันกับคุณอยู่ที่นี่ การป้องกันเอาไว้ก่อนของคุณ ทำเพื่อแสวงหารายได้ แต่ฉัน เพื่อทำให้คนไข้ของฉันหายเร็วขึ้น”
ฉินโม่หานกระตุกริมฝีปาก มองข้อตกลงในมืออย่างเย็นชา รอยยิ้มที่มุมปากเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ
“ผมเข้าใจว่าคุณหมอเจียงคาดหวังให้ซิงเฉินกลับมาเป็นปกติภายใต้การการดูแลของคุณ”
“แต่ว่า……”
ชายหนุ่มชี้ไปที่หัวข้อหนึ่งในนั้น “ทำไมหลังจากที่ซิงเฉินไปที่ศูนย์ฝึกแล้ว ในระยะเวลาหนึ่งปีไม่เพียงกลับบ้านไม่ได้ แต่ยังไม่อนุญาตให้พวกเราไปเยี่ยมด้วยละครับ”
“ผมคิดว่า การไปเยี่ยมลูกสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ไม่ได้มีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของร่างกายเขาเลยนะครับ”
ฉินโม่หานเงยหน้า สายตาที่เย็นชามองไปยังเจียงหลี “อารมณ์ที่แปรปรวนจะมีผลกระทบต่อเด็กเหรอครับ”
เจียงหลีพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
“แต่คุณหมอเจียงจะอธิบายอย่างเป็นรูปธรรมให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ ทำไมที่แปรปรวน จึงมีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของร่างกายเขาละครับ”
พูดจบ ชายหนุ่มก็เอาข้อตกลงฉบับนี้ฟาดลงบนโต๊ะ มุมปากมีรอยยิ้มเย็นชา “ ข้อตกลงฉบับนี้ของคุณหมอเจียง ผมอ่านเข้าใจดีแล้ว”
“ความจริงก็คือ ที่คุณหมอรักษาซิงเฉิน หลังจากทำให้เขาฟื้นขึ้นมา ลูกของพวกเรา จะต้องไปอยู่ในศูนย์วิจัยของคุณหมอเจียง ไปเป็นสัตว์ให้คอยเฝ้าชมเป็นเวลาหนึ่งปี ใช่มั้ยครับ”
คำพูดของฉินโม่หาน ทำให้สีหน้าของเจียงหลีไม่ค่อยสู้ดีนัก
เธอเม้มปาก “ท่านชายฉินไม่จำเป็นต้องพูดให้ฟังดูแย่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ถ้าคุณไม่เต็มใจ ฉันก็ไม่ช่วยรักษาซิงเฉินแล้วก็ได้”
พูดจบ เธอก็เหลือบมองไปยังซิงเฉินที่อยู่ในห้องผู้ป่วยอย่างเสียดายอีกครั้ง ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเสียใจ “ก็แค่เสียดาย……”
“เด็กเล็กขนาดนี้ ได้โอกาสที่จะรักษาดีขนาดนี้ แต่กลับไม่ได้รับการรักษา สาเหตุเพราะพ่อกับแม่……”
ฉินโม่หานหยีตา
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ยิ้มแล้วพูดว่า “ผมไม่ได้ไม่เชื่อคุณหมอเจียง”
“ก็แค่ข้อตกลงให้ซิงเฉินตามคุณไปเท่านั้นเอง ผมเซ็นก็ได้”
“เพื่อให้ซิงเฉินฟื้นขึ้นมา อะไรผมก็ทำได้ทุกอย่าง”
เจียงหลีพยักหน้า จ้องมองมือของชายหนุ่มอย่างระแวดระวัง เพื่อให้แน่ใจว่าเขาได้เซ็นชื่อบนข้อตกลงแล้ว เจียงหลีจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
เธอรับข้อตกลงมาอย่างระมัดระวัง ให้ฉินโม่หานพยุงเธอไปที่ห้องผู้ป่วยของซิงเฉิน
หญิงสาวเอาตัวเธอและซิงเฉินขังไว้ภายในห้องผู้ป่วยหนึ่งชั่วโมงเต็ม
เธอไม่อนุญาตให้ใครผู้ใดเข้าใกล้ ไม่ติดต่อกับใครทั้งนั้น เอาแต่ใช้เครื่องมือพิเศษของเธอตรวจวัดซิงเฉินตลอดเวลา
สุดท้าย เมื่อตรวจเสร็จแล้ว หญิงสาวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เดินออกจากด้านในห้องด้วยความอ่อนล้า “ฉันจะสั่งยาให้ซิงเฉิน ให้เขากินต่อเนื่องกันสามวัน ก็จะฟื้นขึ้นมา”
พูดจบ เธอก็ถือเครื่องมืออย่างอ่อนเพลีย กลับไปที่ห้องพักผู้ป่วยของตนเอง
“คือเครื่องมือทั่วไปในการทดสอบการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต ไม่มีอะไรพิเศษ”
หลังจากที่เจียงหลีเดินไป คุณหมอที่แอบสังเกตการณ์อยู่ด้านหลังของฉินโม่หานมาตลอดก็ขมวดคิ้ว “ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือในมือของคุณหมอเจียง หรือว่าวิธีการของคุณหมอเจียงผมก็ยังมองพิรุธอะไรไม่ออก ไม่มีอะไรลึกลับซ่อนอยู่ในนั้น”
คุณหมอขมวดคิ้ว “ถ้าบอกว่าจะต้องหาช่องโหว่อะไรบางอย่างให้ได้……”
เขาเงยหน้าขึ้น มองฉินโม่หานอย่างจริงจัง “เทคนิคของคุณหมอเจียงนั้นแย่มาก แทบจะไม่เหมือนคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเลย”
ฉินโม่หานหันไปมองเขา “หมายความว่าอะไรครับ”
“ความหมายก็คือ”
คุณหมอถอนหายใจ “การตรวจเหล่านี้ พวกเราทำให้ซิงเฉินแทบทุกวันอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นการตรวจขั้นพื้นฐานที่หมอผู้ทำหน้าที่รักษาพยาบาลผู้ป่วยที่นอนเป็นเจ้าชายนิทราโดยเฉพาะทำกันครับ”
“แต่ว่าคุณหมอเจียงหลี เธอในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการรักษาคนที่เป็นเจ้าชายนิทราสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดเหล่านี้ กลับใช้อย่างไม่มีความคล่องแคล่วชำนาญเลยสักนิดเดียว”
“หากบอกว่าเธอเพิ่งจะเรียนจบมาไม่กี่วันนี้ ก็พอจะฟังขึ้น”
คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ดวงตาฉินโม่หานหรี่ลง
“ถ้า……ผู้หญิงคนนี้ก็คือคนที่เพิ่งเรียนมาเมื่อไม่กี่วันนี้ล่ะครับ”
คุณหมอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ส่ายหน้า “นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้”
“คุณหมอเจียงหลีมีชื่อเสียงโด่งดังในต่างประเทศ เธอช่วยคนที่เป็นเจ้าชายนิทราเหล่านั้น ล้วนเป็นเรื่องจริง ตัวอย่างที่มีชีวิตฟื้นขึ้นมาทีละคนๆ”
“ห้าปีมานี้เธอช่วยเหลือคนที่นอนเป็นผัก ไม่ห้าสิบคนก็ต้องมีถึงสามสิบคน ถ้าเธอหลอกลวง อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องจริง”
“คงจะไม่มีใครที่ตนเองเป็นคนช่วยคนที่นอนเป็นผัก แล้วสุดท้ายก็เอาความดีความชอบไปให้คุณหมอเจียงหรอกนะ”
“นี่ก็ใจกว้างมากเกินไปแล้ว!”
คุณหมอหัวเราะเจื่อนๆ สุดท้ายก็สรุปว่า “ดังนั้นผลงานของคุณหมอเจียง ล้วนเป็นความจริง เป็นข้อเท็จจริง!”
“ที่เธอใช้เครื่องมือพวกนี้อย่างไม่ค่อยคล่องแคล่ว เป็นไปได้ว่าเป็นเพราะไม่ได้ใช้นาน!”
คำพูดของหมอ ทำให้ฉินโม่หานอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ถ้าหากบนโลกใบนี้ มีคนที่ใจกว้างมากขนาดที่ว่า……เอาผลงานของตนเอง ยกให้คนอื่นล่ะ”
พูดจบ ชายหนุ่มก็ก้าวขาเดินจากไป
คุณหมอยืนอยู่ที่เดิม ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
จะมีเหรอ
ไม่มีหรอก!
เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาล ฉินโม่หานก็ได้รับโทรศัพท์ของฉินหนานเซิง
“อาเล็ก ตรวจสอบแล้วครับ เกี่ยวกับข้อมูลของเจียงหลีคนนี้”
เสียงของฉินหนานเซิงที่อยู่ปลายสายนั้นเคร่งเครียดเล็กน้อย “ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจมากทีเดียว ร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก เกือบจะถูกฆ่าตายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ต่อมาถูกหน่วยงานKรับเลี้ยงดู”
“หลายปีมานี้ เธอเติบโตอยู่ที่ค่ายฝึกขององค์กรKมาตลอด ครูฝึกสอนบางอย่างกับเธอ แต่ภายในค่ายฝึกขององค์กรK ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนช่วยองค์กรKฆ่าคน”
“แต่เจียงหลีไม่เหมือนกัน เธอดูเหมือนจะถูกเลือกไว้ตั้งแต่เด็ก”
“องค์กรKสั่งให้เธอเรียนศิลปะวิชาการทั้งสี่แขนง อบรมปรับปรุงตนเองให้ดี ดูเหมือนว่า เธอจะไม่ใช่นักฆ่าตั้งแต่แรกเริ่ม”
“เธออยู่ภายในค่ายฝึกสิบกว่าปี จนกระทั่งครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ จึงได้ปล่อยออกมาจากค่ายฝึกเป็นครั้งแรก เพิ่งมาถึงเมืองหรงเมื่อวาน”
สายตาฉินโม่หานค่อยๆหรี่ลง
ในเมื่อเจียงหลีเพิ่งจะออกจากค่ายฝึกเมื่อครึ่งเดือนก่อน
อย่างนั้นคนที่สร้างชื่อให้เจียงหลีว่าช่วยรักษาคนที่นอนเป็นผักได้……คือใคร