เจียงหลีพาซิงเฉินเรียกรถไปที่สนามบิน
ระหว่างทางนั้น ซิงเฉินเอนตัวพิงเบาะด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว ไม่ได้พูดอะไร
เจียงหลีขมวดคิ้วพร้อมกับมองเด็กน้อยที่ท่าทางดูไม่มีชีวิตชีวา แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา พร้อมกับตบบ่าซิงเฉินเบาๆ
“จริงๆ มากับฉันมันก็ไม่ได้แย่เหมือนที่หนูคิดนะ”
“อย่างน้อยฉันก็ไม่มีวันทำร้ายหนู อย่างน้อยก็ไม่ทำอันตรายถึงชีวิตหรอก ชีวิตของหนูฉันเก็บไว้ใช้ประโยชน์อย่างอื่นน่ะ”
“ดังนั้น หลังจากไปกับฉันแล้ว หนูควรจะทำอะไรก็ทำ อยากเล่นอะไรก็เล่น อยากกินก็กิน อยากนอนก็นอน”
“ตรงนั้นฉันจะเตรียมของที่เด็กน้อยชอบ และจำเป็นต้องใช้เอาไว้”
เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมา ในแววตาที่ดำสดใสของเขานั้น มีคำว่าโตเต็มวัยที่ไม่เหมาะสมกับช่วงอายุของเขาเขียนเอาไว้ “มันดีขนาดนั้นเลยเหรอ? ”
“คุณไม่ต้องการให้ผมทำอะไรให้เหรอ? ”
“ตอนที่ผมยังไม่ทันหาย คุณเซ็นสัญญากับหม่ามี๊กับแด๊ดดี้ของผมว่าผมต้องไปกับคุณให้ได้ ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นจริงๆ เหรอ? ”
พอพูดจบ เด็กน้อยก็หรี่ตาลง แล้วก็ทำท่าทางเหมือนท่านประธานใหญ่ที่เอาแต่ใจ “ผมไม่เชื่อหรอก”
เจียงหลีเงียบ
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เธอรู้สึกว่าวันนี้ซิงเฉินมีอะไรผิดไป
แต่ว่าก่อนหน้านี้เธอกับซิงเฉินก็เคยใกล้ชิดกันแค่สองครั้งเท่านั้นเอง
ครั้งแรก คือตอนที่เธออยู่ในป่ากับเฉิงคังและฉีดยาให้กับเขา อีกครั้งหนึ่ง คือเมื่อวานตอนที่เขาฟื้นขึ้นมา
เวลาที่เหลือส่วนใหญ่ ซิงเฉินก็อยู่ในสภาวะที่หมดสติ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่านิสัยของเขาเป็นยังไงกันแน่
เพียงแค่……
ซิงเฉินในวันนี้เหมือนจะดูโตเป็นพิเศษ ดูรู้เรื่องรู้ราวมากกว่าปกติ รู้เรื่องจนไม่เหมือนกับเด็กอายุห้าขวบ ดูโตจนทำให้คนอื่นรู้สึกกลัว
“ไม่พูดเหรอ? ”
พอเห็นว่าเธอจ้องตัวเองแล้วอึ้งไป แต่ไม่ได้ตอบคำถามของตัวเอง เด็กน้อยก็เบะปาก และหัวเราะอย่างเย็นชา “คุณไม่พูด ยังไงผมก็ต้องรู้อยู่ดี”
เจียงหลีถึงได้ดึงสติกลับมา
เธอกระแอมเบาๆ “ที่จริงฉันก็ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรอื่นกับหนู…..”
“ถ้าเกิดต้องตอบว่ามีล่ะก็ งั้นฉันจะบอกว่าหลังจากที่หนูไปกับฉันแล้ว ต้องเจาะเลือดทุกอาทิตย์”
“แต่ว่าหนูไม่ต้องเป็นห่วงนะ มันจะไม่กระทบถึงสุขภาพของหนูหรอก ฉันจะให้หนูกินอาหารเสริมมากมาย”
เด็กน้อยหรี่ตา แล้วก็ตอบว่าอ้อ เบาๆ เขากอดอกแล้วก็หลับตา นั่งพิงเก้าอี้แล้วก็งีบหลับ
เด็กน้อยคนนี้เป็นผู้ใหญ่และหนักแน่นจนทำให้คนอื่นหวาดกลัว
เจียงหลีมองดูเด็กน้อยที่หลับตา แล้วก็ขมวดคิ้วเงียบๆ
เด็กน้อยคนนี้ตอนที่หมดสติกับตอนที่ฟื้นขึ้นมา ต่างกันขนาดนี้เลยเหรอ?
ทั้งๆ ที่เมื่อวานเด็กคนนี้ยังโกรธกับเรื่องเล็กน้อยอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ดูโตนัก?
เธอถอนหายใจออกมา บางทีก็อาจจะเพราะว่าเขาเป็นเด็ก หนึ่งวันก็มีหนึ่งนิสัย
เจียงหลีเหลือบมองไปที่กระจกมองหลังของรถ
รถตู้มือสองที่เสื่อมโทรมกำลังตามรถแท็กซี่ของพวกเขาอยู่
ผู้ชายคนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับนั้นดูหน้าตารุงรังและผมเผ้ายุ่งเหยิง
เจียงหลีกลอกตา
เขาคือเฉิงคัง
ต้องกลับไปรายการผลของภารกิจขององค์กร K อยู่แล้ว แต่ว่าเขายังทำท่าทางเหมือนคนจรจัดอยู่เลย น่าขยะแขยงเสียจริง
พอคิดได้แบบนี้ เธอก็ขี้เกียจจะมองผู้ชายคนนี้ต่อแล้ว เลยหันหน้าไปทางอื่น
แล้วรถแท็กซี่ก็แล่นมาถึงสนามบิน
ตอนที่เจียงหลีพาซิงเฉินลงมาจากรถแท็กซี่นั้น รถตู้มือสองที่ทรุดโทรมก็จอดลงเช่นกัน
เจียงหลีเหลือบมองผู้ชายที่รุงรังคนนั้น แล้วก็โยนกระเป๋าเดินทางของซิงเฉินให้กับเขา ขี้เกียจจะมองเขาต่อแม้แค่แป๊บเดียว “ถือไว้!”
ชายหนุ่มหรี่ตา แล้วก็กดเสียงของตัวเอง “ครับ”
เจียงหลีจูงมือเด็กน้อย แล้วก็เดินเข้าสนามบินไปด้วย พร้อมกับทำเสียงอย่างเย็นชา “ตอนนี้อยู่ที่เมืองหรง ท่าทางของนายตอนนี้ฉันจะไม่ยุ่ง”
“แต่ว่าถ้าไปถึงเมืองสตัฟฟ์แล้ว นายยังอยู่ในสภาพนี้ ก็อย่าตามฉันมานะ!”
“ฉันรังเกียจ!”
ชายหนุ่มเสียงทุ้มต่ำ “โอเค”
เด็กน้อยที่ถูกเจียงหลีจูงมืออยู่นั้นหันไปมองผู้ชายที่อยู่ด้านหลัง แววตาของเขาดูมีเล่ห์เหลี่ยม “ผู้ชายสกปรกคนนี้เป็นคู่หูของคุณเหรอ? ”
เจียงหลีแข็งทื่อไป “ถือว่าใช่ก็ได้”
“ผมยอมที่จะไม่เป็นเพื่อนร่วมงานของเขา
“ใช่ เขาสกปรกมากเลย”
เด็กน้อยหันกลับไปมองผู้ชายคนนั้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง “สกปรกเกินไปแล้ว ผมคิดว่าถ้าผมมองคุณมากกว่านี้อีกหน่อย ดวงตาของผมจะพลอยสกปรกไปด้วย ต้องไปล้างตา”
ฉินโม่หานที่ปลอมตัวเป็นเฉิงคัง “……”
ไอ้เด็กคนนี้
ทั้งๆ ที่การแต่งหน้าแบบพิเศษของเขานี้ เมื่อวานเขากับ ซิงกวงเป็นคนเลือกด้วยกัน บอกว่าแบบนี้ยากที่จะทำให้คนอื่นจับได้
ผลก็คือพออยู่ต่อหน้าเจียงหลี เขาหาโอกาส ทำร้ายแด๊ดดี้ตัวเองแบบนี้
เหมือนกับว่าสัมผัสได้ถึงแววตาที่บ่นของชายหนุ่ม เด็กน้อยก็หันกลับมา แล้วก็กวาดตามองฉินโม่หานหนึ่งที แล้วก็แลบลิ้นใส่เขาอยากสนุกสนาน
ฉินโม่หานถอนหายใจอย่างจำใจ
เขาทำหน้าตาอัปลักษณ์นี้ แต่ว่าคนที่เสแสร้งมากกว่าเขา ก็คือ ซิงเฉิน นี่แหละ
ถูกแล้ว
เด็กน้อยที่เจียงหลีจูงมืออยู่และคิดว่าเป็นซิงเฉินนั้น ที่จริงไม่ใช่ซิงเฉิน แต่ว่าเป็นซิงหยุน
นี่คือผลลัพธ์ที่ฉินโม่หาน ซิงหยุนกับ ซิงกวงปรึกษากัน
ตอนกลางคืน พวกเขาสามคนพ่อลูกไปเกลี้ยกล่อมซูสือเยว่กับซิงเฉิน สุดท้ายก็ตัดสินใจ ให้ซิงหยุนไปแทนซิงเฉิน ตามเจียงหลีไปยังฐานของเธอ พวกเขาเดาว่า พวกนั้นต้องมีอะไรให้ซิงเฉินช่วยเหลืออย่างแน่นอน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายบางอย่างของพวกเขา
เมื่อเอามารวมกับที่เมื่อกี้ฉินโม่หานที่ปลอมตัวเป็นเฉิงคังและได้คุยโทรศัพท์กับเจียงหลีแล้วนั้น พวกนั้นต้องการซิงเฉินเพื่อไปช่วยเหลือผู้ชายอีกคนหนึ่ง
ซิงหยุนกับซิงเฉินเป็นฝาแฝดกัน
แล้วทำไมตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ เป้าหมายของพวกเขาถึงมีแค่ซิงเฉิน แต่ไม่ใช่ซิงหยุนล่ะ?
ฉินโม่หานคิดว่า พวกเขาน่าจะได้เก็บข้อมูลไว้อยู่แล้ว แล้วซิงเฉินก็พอดีกับความต้องการของพวกเขาพอดี แต่ว่า ซิงหยุนไม่ใช่ เพราะฉะนั้นตอนนี้ การส่งซิงหยุนให้ไปกับเจียงหลีแทนซิงเฉิน ก็คือทางเลือกที่ดีที่สุด
ด้านหนึ่งก็คือ ซิงหยุนสำหรับองค์กรKนั้น ไม่ได้มีประโยชน์ หรือประสิทธิภาพอะไร
ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คือ ซิงหยุนคือพี่ชายแท้ๆ ของซิงเฉิน ถ้าเกิดว่าพวกเขากล้าทำเรื่องที่เป็นภัยต่อ ซิงหยุนล่ะก็ ยิ่งอย่าคิดว่าจะได้ตัวซิงเฉินไปเลย
ดังนั้น การให้ ซิงหยุนปลอมตัวเป็นซิงเฉิน แล้วก็ไปที่องค์กรKแทนซิงเฉิน คือวิธีที่ดีที่สุด
ด้านหนึ่งก็คือจะได้หลอกทุกคน ให้อีกฝ่ายคิดว่าพวกเขาได้ตัวซิงเฉินไป
ส่วนอีกด้านหนึ่ง เพราะว่าเป็นพี่ชายแท้ๆ ของซิงเฉิน อีกฝ่ายก็คงไม่กล้าทำอะไรเขา
“มองอะไรน่ะ?”
ตอนที่ฉินโม่หานเหม่อลอยอยู่นั้น เจียงหลีที่เดินอยู่ตรงหน้าเขาทำเสียงเย็นชา แล้วก็มองเขาด้วยสายตาที่เย็นชาเช่นกัน “ยังไม่รีบไปเข็นกระเป๋าอีกเหรอ? ”
ฉินโม่หานถึงได้ดึงสติกลับมา และรีบเดินตามไป
เรื่องพวกนี้ปกติประธานฉินผู้ยิ่งใหญ่จะมีผู้ช่วยคอยช่วยอยู่แล้ว แต่วันนี้จู่ๆ เขาก็ต้องกลายมาเป็นผู้ช่วยซะเอง หลายๆ อย่างก็ทำผิด ไม่ลืมอันนี้ก็ลืมอันนั้น
เจียงหลีนั่งอยู่ข้างๆ มองไปที่ท่าทางที่ดูแย่ของฉินโม่หาน แล้วก็หัวเราะเยาะ “คนบ้านนอกก็คือคนบ้านนอกจริงๆ ”
“ท่าทางเหมือนตลอดชีวิตนี้ยังไม่เคยนั่งเครื่องบินเลย น่าตลกสิ้นดี”
ซิงหยุนนั่งยิ้มจางๆ อยู่ด้านข้างเจียงหลี แล้วก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “คุณพูดไม่ผิดเลย”
“เขาเป็นคนบ้านนอกจริงๆ ”