คฤหาสน์ตระกูลฉิน
ตอนที่ซิงเฉินตื่นขึ้นมานั้น ก็เป็นเวลาสิบโมงเช้าแล้ว
ตอนที่เขาลืมตาขึ้นมานั้น สิ่งแรกที่เขาเห็น ก็คืออุลตร้าแมนที่แปะอยู่ที่เพดานในห้องเล็กๆ ของเขา
เด็กน้อยอึ้งไป เราก็ขยี้ตา นี่คือฝันไปหรือเปล่า?
เขาขยี้ตาอยู่หลายครั้ง หลับตาแล้วลืมตาขึ้นมาอีกก็หลายครั้ง ภาพตรงหน้าก็ยังคงไม่เปลี่ยน
ซิงเฉินถึงได้ลงมาจากเตียง
รอบๆ นั้น มันคุ้นเคยจนทำให้เขาอยากจะร้องไห้
นี่เขากลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลฉินแล้วอย่างนั้นเหรอ!?
เมื่อวานบอกว่าคุณหมอเจียงที่ดุๆ จะพาเขากลับไปที่การฝึกของเธอไม่ใช่เหรอ?
ตอนแรกซิงเฉินนึกว่าตัวเองหลับไป ตอนที่ตื่นขึ้นมานั้น ต้องถูกคุณหมอเจียงพาตัวไปแล้วอย่างแน่นอน ถ้าไม่ได้อยู่บนเครื่องบิน ก็อยู่ที่ค่ายฝึกที่ไม่คุ้นเคย
แต่ว่าสิ่งที่เขานึกไม่ถึงก็คือ เขาหลับไปพอตื่นขึ้นมานั้น กลับพบว่าตัวเองไม่ได้แค่ไม่ได้อยู่บนเครื่องบิน แถมไม่ได้อยู่ที่ฐานนั้น แม้แต่ไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล
นี่เขากลับอยู่ที่บ้านของตัวเอง!
อยู่ในห้องน้อยๆ ของเขากับพี่ชาย!
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
หรือว่าคุณหมอเจียงคนนั้นถูกจัดการแล้วเหรอ?
พอคิดได้แบบนี้ ซิงเฉินก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาในทันที
เด็กน้อยลุกขึ้นมาจากเตียง รีบเปิดประตูเดินออกไปข้างนอก
ในทางเดินล็อกประตูนั้น ซูสือเยว่อุ้มซิงกวงอยู่แล้วกำลังพูดอะไรบางอย่าง เพราะเห็นว่าเขาเปิดประตูออกมา หญิงสาวก็รีบสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็วางซิงกวงลง “ซิงเฉิน ตื่นแล้วเหรอลูก?”
“หม่ามี๊……”
ซิงเฉินมองหน้าซูสือเยว่ด้วยความสงสัย “พี่ชายกับแด๊ดดี้ละครับ?”
“ทำไมผมไม่ได้ไปกับคุณหมอเจียงล่ะ?”
“ไม่ได้ตกลงกันแล้วเหรอครับว่าวันนี้ผมต้องนั่งเครื่องบินไปที่ฐานฝึกนั่นกับเธอ?”
ซูสือเยว่อึ้งไป แล้วก็หันไปมองซิงกวงโดยอัตโนมัติ
ซิงกวงเบิกตาโพลงพร้อมกับมองหน้าซูสือเยว่
สองแม่ลูกจ้องหน้ากันอยู่นาน ถึงได้หันหน้ามาแล้วก็มองหน้าซิงเฉินพร้อมกัน
“เมื่อวานตอนที่พวกเราตัดสินใจกัน ลูกก็อยู่ไม่ใช่เหรอ? ”
เพราะว่าเมื่อก่อนตอนที่ฉินโม่หานตัดสินใจทำอะไรนั้นไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนในครอบครัว ดังนั้นเมื่อคืนนี้ เขาได้เรียนรู้จากบทเรียน ตัดสินใจว่าไม่ว่าจะทำการตัดสินใจเรื่องอะไร ต้องตัดสินใจพร้อมกับคนในครอบครัว
ดังนั้น เมื่อวานพวกเขาทั้งห้าคน ก็เลยเข้าประชุมร่วมกัน
ตอนแรกซูสือเยว่กับซิงเฉินไม่ยอมให้ซิงหยุนตามเจียงหลีไปแทนซิงเฉิน
เพราะว่าพวกเขารู้สึกว่าเจียงหลีไม่ใช่คนดีอะไร ถ้าเกิดว่าซิงหยุนไป ใช้เวลาไม่นานเขาก็ต้องรู้ว่าเด็กน้อยเป็นตัวปลอม จนถึงตอนนั้นอาจจะทำร้ายซิงหยุนก็ได้
แต่ว่าฉินโม่หานกับซิงกวงกลับรู้สึกว่า ข้อแรก เพราะว่าซิงหยุนเป็นคนที่มีจิตใจเป็นผู้ใหญ่ เขาจะสามารถโต้ตอบได้อย่างสงบ
ข้อที่สอง ซิงหยุน คือพี่ชายแท้ๆ ของซิงเฉิน อีกฝ่ายอาจจะโกรธเพราะว่าสลับตัว แต่ว่าก็ต้องกลัวเหมือนกัน
เพราะถึงยังไงพวกเขาก็ต้องการซิงเฉิน
สุดท้ายทั้งสามคนก็เกลี้ยกล่อมอีกสองคน วันนี้ตอนเช้าตรู่ฟ้ายังไม่ทันจะสว่าง ซิงหยุนก็ไปที่โรงพยาบาลพร้อมกับผู้ดูแลบ้าน ปลอมตัวเป็นซิงเฉิน
เรื่องพวกนี้ เมื่อคืนซิงเฉินก็รู้ดีนี่
แล้วทำไม……
พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า เด็กน้อยคนนี้เธอเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฉันอยากถามเธอว่าทำไมเขาถึงไม่ได้ไปกับเจียงหลี?
“พวกแม่พูดเรื่องอะไรกัน?”
ซิงเฉินเหลือบมองแม่และน้องสาวที่งงงวย “ตัดสินใจอะไร??”
“พี่ชายล่ะ?”
“แด๊ดดี้ล่ะ?”
ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีผุดขึ้นในใจของเด็กน้อย “คงไม่ได้เอาพี่ชายไปแทนผมแล้วใช่ไหม?!”
“ไม่ได้นะ!มันอันตรายเกินไป!”
พอพูดจบ เขาก็รีบจะพุ่งลงไปด้านล่างทันที
ซูสือเยว่ขวางซิงเฉินด้วยความว่องไว “ซิงเฉิน นี่ลูกเป็นอะไรเนี่ย?”
“เมื่อคืนลูกก็ตกลงแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ทำไมตอนนี้ถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?”
ซิงเฉินเองก็งุนงง “ผมตกลงอะไรไป?”
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”
ซูสือเยว่เบิกตาโพลง แล้วก็หันหน้าไปมองซิงกวงในทันที
ใบหน้าของซิงกวงเต็มไปด้วยความสับสน
นี่มันอะไรกันแน่?
สุดท้าย ซูสือเยว่ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทำใจแล้วก็โน้มตัวลงไปอุ้มซิงเฉินออกมาจากคฤหาสน์
ซิงเฉินที่ถูกเธออุ้มนั้นพยายามดิ้น “หม่ามี๊ ปล่อยผมนะ!”
“จะพาผมไปไหน?”
“ไปหาพี่กับแด๊ดดี้ที่สนามบินเหรอ?”
“เปล่า”
ซูสือเยว่เปิดประตูรถและพาเขาขึ้นรถ “พาไปโรงพยาบาล”
เห็นได้ชัดว่า อาการตอนนี้ของซิงเฉิน มันไม่ปกติ!
และในขณะเดียวกัน ที่สนามบิน
ซิงหยุนนั่งอยู่ด้านข้างเจียงหลี เขาหลับตาอย่างเงียบๆ รอคอยประกาศจากสนามบิน
เจียงหลีก็ใช้โทรศัพท์อยู่พักหนึ่ง แล้วก็เหมือนกับว่านึกอะไรขึ้นได้ เธอเงยหน้าขึ้นมามองซิงหยุน หยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋า แล้วก็เทออกมาเม็ดหนึ่งพร้อมกับส่งให้เขา “กินสิ”
ซิงหยุนรับยานั้นมา คิ้วเล็กๆ ของเขาก็ขมวดเข้าหากัน “นี่คืออะไร?”
“มันคือยาบรรเทาอาการของหนู”
เจียงหลีหาวนอน “ไม่รู้สึกว่าตอนนี้ความทรงจำของหนูมันไม่ค่อยดีเหรอ?”
“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเกือบจะจำไม่ได้แล้วใช่ไหม?”
ซิงหยุนมองเธออย่างเฉยชา แล้วก็ทำท่าทางเหมือนจำไม่ได้พร้อมกับพยักหน้า “เริ่มจำไม่ได้นิดหน่อยแล้ว”
“มันเป็นประสิทธิภาพของยา”
เจียงหลีถอนหายใจ “ก่อนหน้านี้ยาที่ใช้ฉีดให้หนูที่ป่า มันเป็นยาผสม มีเอฟเฟกต์มากมาย”
“แม่ของฉันเชี่ยวชาญเรื่องการสร้างยาพิษหรือว่ายาโดยกำเนิด ดังนั้นเธอก็เลยวิจัยหลายสิ่งหลายอย่าง”
พอพูดถึงตรงนี้ เจียงหลีก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
น่าเสียดาย
Kเรียนรู้เรื่องยามากมายบนโลกใบนี้ที่คนทั่วไปไม่สามารถเทียบได้ พยายามอย่างมาก
แต่ว่าสุดท้าย……
ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตผู้ชายคนนั้นกลับมาได้
ถ้าเกิดไม่ได้หลานชายอย่างซิงเฉินที่สามารถจับคู่กันได้นั้น เกรงว่าชายคนนั้นอาจจะตายในไม่ช้า
พอทอดถอนใจเสร็จแล้ว เจียงหลีก็ถอนหายใจออกมา “ยาที่คนในครอบครัวของหนูให้หนูก่อนหน้านี้ มันเพียงแค่ทำให้หนูฟื้นขึ้นมาจากอาการหมดสติเท่านั้น แต่ว่าอาการป่วยอื่นๆ ของหนู ต้องไปที่เมืองสตัฟฟ์ ถ้าเจอแม่ของฉันแล้ว ก็ให้เธอล้างพิษให้”
“ยาในมือของฉัน มันจะช่วยบรรเทาอาการได้เพียงแค่ชั่วคราว ทำให้หนูไม่ต้องจำอะไรไม่ได้ แล้วก็ไม่ต้องมีชีวิตเหมือนคนปัญญาอ่อนในทุกๆ วัน”
พอพูดจบ เธอก็มองซิงหยุน พร้อมกับเลิกคิ้ว “ยังไม่กินอีกเหรอ?”
ซิงหยุนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
เขาไม่ได้ป่วย
ถ้าหากว่ากินยานี้เข้าไป……
ตอนที่กำลังลังเลว่าจะแสดงยังไงนั้น ก็มีมือที่สกปรกมือหนึ่งยื่นเข้ามา แย่งยาในมือของเขาไป แล้วก็โยนเข้าปากของตัวเองไป
ผู้ชายคนนั้นเคี้ยวยาดังกรอบแกรบ
เจียงหลีมองดูท่าทางที่ผู้ชายคนหนึ่งกินยาด้วยความตกใจ “เฉิงคัง นี่นายทำอะไร?”
“ยานี้แพงมากเลยนะ!”
ชายหนุ่มยิ้ม “ตราบใดที่มันไม่ฆ่าคน ผมก็สนใจที่มันแพงนะ”
เจียงหลีสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ไม่ไปคุยอะไรกับเขาต่อ
เธอหยิบยาออกมาอีกเม็ดหนึ่งแล้วก็ยื่นให้ซิงหยุน “โชคดีที่ยานี้มันไม่มีผลข้างเคียง ไม่อย่างนั้นวันนี้นายคงไม่ได้ขึ้นเครื่องบินด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกลับไปรายงานผลภารกิจเลย!”
หลังจากได้รับคำตอบจากผู้ชายคนนี้ ซิงหยุนก็กินยาที่เธอยื่นมาให้ลงไป
“อร่อย”