“คุณนายฉิน”
ในห้องตรวจโรงพยาบาล หมออ่านรายงานผลตรวจทางร่างกายของซิงเฉิน แล้วก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน
“คุณบอกว่า คุณชายน้อยซิงเฉินจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้ น่าจะเป็นการสูญเสียความจำระยะสั้น”
“ก่อนหน้านี้พวกเราได้ตรวจร่างกายให้เขาแล้ว ทุกอย่างมันออกมาปกติมาก แต่ว่าตอนนี้พวกเราพบว่า ระดับฮอร์โมนของร่างกายของเขาในครั้งนี้มันเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้มาก”
“ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กระทบถึงชีวิต แต่ว่าการตัดสินเบื้องต้นของเรา เป็นเพราะว่าร่างกายของเขามีสารพิษบางอย่างที่ทำให้เขาสูญเสียความทรงจำในระยะสั้นและจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้”
“ดูจากอาการของเขาในตอนนี้ เขาน่าจะเริ่มป่วยวันนี้”
“หลังจากนี้ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับ เขาจะลืมเรื่องราวบางอย่าง ยิ่งนอนแค่ไหนก็ยิ่งลืมเยอะแค่นั้น”
พอพูดจบ หมอก็ถอนหายใจออกมา แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองซูสือเยว่ “อาการแบบนี้ ผมก็เพิ่งเคยเจอครั้งแรก”
“พิษของซิงเฉิน ผมเคยได้ยินแค่ที่เขาเล่าต่อกันมาเท่านั้นเอง”
“ที่เมืองสตัฟฟ์มีทายาทที่สืบต่อการศึกษาเรื่องยาพิษ เพื่อที่จะทำให้ผู้ชายที่เธอรักลืมความรักในใจของตัวเอง ก็เลยพัฒนายาหลายชนิดที่ทำให้คนความจำเสื่อม”
“แต่ว่าผู้ชายคนนั้นไม่ว่าจะทำยังไงก็ลืมคนที่ตัวเองรักที่สุดไม่ได้ ดังนั้นอัจฉริยะด้านยาพิษคนนี้ จึงพยายามอุทิศตนเพื่อศึกษายาที่จะทำให้คนความจำเสื่อม”
“ค้นคว้าไปมา ก็เป็นเวลาหลายสิบปี”
“อาการของซิงเฉินในตอนนี้ เหมือนโดนยาพิษที่ได้วิจัยผิดพลาด”
“ปกติแล้ว เรื่องที่สูญเสียความทรงจำชั่วคราวนั้น ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งก็จะดีขึ้น แต่ว่าคนที่โดนยาพิษนี้มันจะไม่เป็นแบบนั้น”
“ยาพิษนี้จะกัดกินประสาทของเขา ถ้าเกิดว่าผ่านไปนาน การสูญเสียความทรงจำสั้นๆ จะกลายเป็นการสูญเสียความทรงจำตลอดไป”
“แต่ว่ายานี้มียาที่จะแก้ไขได้ มียารักษาระยะสั้น แล้วก็ยารักษาแบบหายขาด แต่ว่ายาสำหรับรักษานั้น มันอยู่ในมือของคนที่คิดค้นยาขึ้นมาเท่านั้น”
พอพูดจบ คุณหมอก็ถอนหายใจยาวออกมา เขาเงยหน้าขึ้นมาและมองซูสือเยว่อย่างจริงจัง “คุณนายฉิน ผมคิดว่าตอนนี้คุณควรจะพาซิงเฉินไปที่เมืองสตัฟฟ์ แล้วก็ตามหาทายาทคนที่คิดค้นยานี้ พร้อมกับขอยาถอนพิษมา”
“ถ้าไม่อย่างนั้น ซิงเฉินยังเด็กขนาดนี้……ถ้าเกิดว่าต่อไปจดจำอะไรไม่ได้จริงๆ ก็จะกลายเป็นคนที่ว่างเปล่า……”
พอได้ยินคำพูดของหมอ มือทั้งสองข้างของซูสือเยว่ก็บีบกันแน่นอยู่ใต้โต๊ะ
เธอเงยหน้าขึ้นมาและมองหน้าคุณหมออย่างจริงจัง “คนที่คุณบอก ว่าเป็นคนวิจัยยาพิษในเมืองสตัฟฟ์ นามสกุลขงหรือเปล่าคะ?”
คุณหมอชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็รีบพยักหน้าทันที “ใช่ๆๆ ”
“ครอบครัวนี้ถูกทำลายไปนานแล้ว เหลือเพียงแค่ทายาทคนเดียวเท่านั้น แต่ว่าคนคนนี้ไม่มีคนหาเจอมา 20 กว่าปีแล้ว……”
เขาเงยหน้าขึ้นมองซูสือเยว่ มีความชมเชยในน้ำเสียงของเขาเล็กน้อย “ไม่คิดเลยว่าคุณนายฉินยังอายุน้อย แต่กลับรู้จักตระกูลขงด้วย”
ซูสือเยว่ยิ้ม “ไม่ใช่เพราะว่าฉันมีความรู้และประสบการณ์หรอกค่ะ แต่ว่าฉันมีความแค้นกับเธอ”
พอพูดจบ หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมา จ้องหน้าหมอแล้วพูดว่า “ขอถามหน่อยค่ะ คุณสามารถให้ยาซิงเฉิน ที่ช่วยบรรเทาอาการนี้ของเขาหน่อยได้ไหม?”
คุณหมอถอนหายใจออกมา “เกรงว่าจะไม่ได้นะครับ”
“แต่ว่าหมอหานหยุนต้องมีวิธีอย่างแน่นอน คุณไปหาเขาได้นะครับ”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว หานหยุน……
เธอยังจำได้ว่า ครั้งก่อนที่เธอเจอหานหยุน ก็คือที่เมืองสตัฟฟ์
หลังจากที่เขาถูกเธอทำร้ายไปหลายครั้ง ก็หาเขาไม่เจอแม้แต่เงา
เธอคุยรายละเอียดกับคุณหมออยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ได้ช่องทางการติดต่อของหานหยุนมา พอออกมาจากโรงพยาบาลก็เริ่มโทรหาหานหยุน
หานหยุนที่อยู่ปลายสายนั้นกำลังกินข้าวอยู่
พอได้ยินเสียงของซูสือเยว่ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“คุณ คุณนายฉิน!?”
ครั้งที่แล้วตอนที่อยู่ที่เมืองสตัฟฟ์ เขาโดนซูสือเยว่ทำร้ายจนกลัวแทบฉี่ราด เขายังคงจำได้อย่างชัดเจน
ตอนนี้ เพราะเขาได้ยินเสียงของซูสือเยว่ เขาก็รู้สึกว่าใบหน้าที่หล่อเหลาของเขามันไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
“ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอก”
ซูสือเยว่ถอนหายใจออกมา “ฉันรื้อฟื้นความทรงจำได้แล้ว รู้ว่าคุณไม่ธรรมดา ทำไมทำร้ายคุณมั่วซั่วอีกแล้ว”
“แต่ว่าฉันมีเรื่องที่สำคัญมากกว่านั้น คุณอยู่ที่ไหน ฉันจะไปหาคุณ”
พอได้ยินซูสือเยว่รับปาก หานหยุนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วก็บอกที่อยู่ของตัวเองอย่างง่ายดาย
ไม่นาน ทั้งสองคนก็เจอกันที่ร้านกาแฟ
“คุณบอกว่า ลูกชายของคุณถูกยาทางระบบประสาทที่ทำให้สูญเสียความทรงจำระยะสั้นที่ขงเนี่ยนโหรวพัฒนาขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ? ”
ซูสือเยว่พยักหน้า “ฉันวางแผนจะพาเขาไปที่เมืองสตัฟฟ์ ไปตามหาคนของตระกูลขง”
“ฉันไม่สามารถแค่ไปเมืองสตัฟฟ์ ก็ได้เจอกับคนที่ฉันอยากเจอ แล้วก็เป็นไปไม่ได้ว่าหลังจากได้เจอคนที่ฉันอยากเจอแล้ว เธอจะเอายาถอนพิษให้กับฉันทันที”
“แต่ว่าสารพิษในร่างกายของซิงเฉินมันสะสมขึ้นทุกวัน”
หานหยุนขมวดคิ้ว นี่มันเป็นปัญหาจริงๆ
ถ้าเกิดรอให้ซูสือเยว่ตามหาขงเนี่ยนโหรวเจอ ต่อให้ไปเล่นชักเย่อกับขงเนี่ยนโหรว แล้วเอายาถอนพิษมาได้……
ตอนนั้นอาการของซิงเฉินจะกลายเป็นยังไง ก็ไม่มีใครสามารถตอบได้
หานหยุนขมวดคิ้ว เขาเดาความคิดของซูสือเยว่ได้ “คุณอยากให้ผมไปกับคุณ คอยดูแลรักษาซิงเฉิน แล้วก็ดูแลเขาใช่ไหมครับ? ”
ซูสือเยว่พยักหน้า “หมอหานเข้าใจคนอื่นได้ง่ายจริงๆ ”
หานหยุนยิ้ม แล้วก็เปลี่ยนไปนั่งท่าทางที่สบาย เขาเอนหลัง แล้วก็ทำท่าทางเหมือนถือไพ่ไปใหญ่ “แต่ว่าค่าตัวแพงมากเลยนะ”
“แล้วอีกอย่างผมก็มีงานของผมเอง นี่คุณขอให้ผมอยู่กับคุณ แล้วก็คอยดูแลลูกชายคุณเหมือนพี่เลี้ยง……”
ซูสือเยว่หรี่ตา แล้วก็หยิบการ์ดใบหนึ่งขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ
“ล้านหนึ่ง”
“ฉันจ้างก่อนหนึ่งเดือน หากเวลามันนานเกินกว่าที่ฉันคาดไว้ ฉันจะเพิ่มเงินให้”
หานหยุนคลี่ยิ้มอย่างเย็นชา
เขาเหลือบมองการ์ดใบนั้นที่อยู่บนโต๊ะ น้ำเสียงเย็นชา “สมกับเป็นภรรยาของท่านชายฉิน ทำอะไรใหญ่โตหรูหรา”
“แต่ว่า……”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นมา “สิ่งที่ผมต้องการ ไม่ใช่เงิน”
“เงินพวกนี้ที่คุณให้ผม ต่อให้ไม่มีคุณผมก็สามารถหาได้”
“หรือว่าคุณลืมไปแล้ว ว่าผมเป็นหมออัจฉริยะที่มีชื่อเสียงด้านจิตเวช?”
“ถึงแม้ว่าเงินหนึ่งล้านผมจะไม่ได้สามารถหาได้ในเดือนเดียว……แต่ว่าผมก็ไม่ได้ขาดหรอกนะ”
ซูสือเยว่ค่อยๆ หรี่ตาลง ไม่รู้ว่าหานหยุนจะมาไม้ไหนอีก “ถ้าอย่างนั้นหมอหานต้องการอะไรล่ะ?”
เธอจำได้ว่าหานหยุนเมื่อก่อน พูดง่ายมาก
พอรู้ว่าเธอเสียความทรงจำ ก็ไปถึงต่างประเทศด้วยตัวเองแล้วก็ช่วยตามหายาให้เธอ
ต่อให้รู้ว่าผู้ดูแลบ้านเสิ่นอยากให้เธอสูญเสียความทรงจำ ก็ให้ยาฟื้นความทรงจำแก่เธอ
ถ้าเกิดตอนนั้นผู้ดูแลบ้านเสิ่นไม่ได้ไม่ทันระวังเขา แล้วแอบเปลี่ยนยา เธอก็คงไม่สูญเสียความทรงจำนานขนาดนี้ แล้วก็คงไม่เกิดเรื่องมากขนาดนี้
หานหยุนที่เป็นคนดีขนาดนี้ ตอนนี้ทำให้ช่วยเหลือเธออย่างนั้นเหรอ?
เธอขมวดคิ้ว น้ำเสียงทุ้มต่ำ “ถ้าอย่างนั้นหมอหานต้องการอะไรถึงจะช่วยล่ะ?”
หานหยุนยิ้มตาหยี “รับปากผมข้อหนึ่ง”