ตอนที่ซิงกวงได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากซิงหยุน ครอบครัว 3 คนของพวกเขากลับหานหยุนก็เพิ่งจะมาถึงสนามบินเมืองสตัฟฟ์
พอออกมาจากสนามบิน เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ หยิบแล็ปท็อปขึ้นมาด้วยใบหน้าจริงจังและเสียบแผ่นสัญญาณเข้าไปในคอมพิวเตอร์
แสงกะพริบไปยังทิศทางของชานเมืองที่ค่อนข้างจะห่างจากสนามบิน
พอเห็นน้องสาวมีสีหน้าเคร่งขรึม ซิงเฉินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็ยื่นหน้าเข้ามา
“แสงนี้หมายถึง……”
“ตำแหน่งของพี่ใหญ่กับแด๊ดดี้”
ซิงกวงจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอย่างที่หาได้ยาก “การติดต่อของหนูกับพี่ใหญ่ทางนี้ลึกลับมาก นี่คือไพ่ใบสุดท้ายของเรา”
“ก่อนหน้านี้หนูตกลงกับพี่ใหญ่เอาไว้ ถ้าเกิดว่าพี่ใหญ่กลับแด๊ดดี้ไม่ได้เจอเหตุการณ์ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ก็จะไม่เปิดการใช้งานวิธีการติดต่อนี้”
“เพราะว่ามันง่ายมากที่จะถูกเปิดเผย ดังนั้นก็จะใช้แค่ในเวลาวิกฤตเท่านั้น”
คำพูดของเด็กน้อย ทำให้คิ้วของซูสือเยว่ขมวดเข้าหากัน “และก็หมายความว่า……แด๊ดดี้กับพี่ใหญ่ของหนู ตอนนี้ได้เจอกับปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้แล้วใช่ไหม?”
“แบบนั้นล่ะค่ะ”
ซิงกวงขมวดคิ้ว “แต่ว่าพี่ใหญ่ไม่ได้ส่งสัญญาณอันอื่นมา บอกว่าเขากลับแด๊ดดี้เจอเรื่องอะไร”
“แบบนี้ คิดว่าตัวส่งสัญญาณกับพี่ใหญ่น่าจะอยู่แยกกัน ไม่อย่างนั้น พี่ใหญ่ไม่มีทางไม่พูดอะไรเลย”
พอพูดจบ เด็กน้อยก็ส่งตำแหน่งที่อยู่ของซิงหยุนกับฉินโม่หานให้คนขับรถ “ไปตามทางนี้ค่ะ”
พอคนขับรถเหลือบมองไปยังที่อยู่ในเส้นทาง จิตวิญญาณเขาก็ดูตื่นกลัวในทันที “คุณผู้หญิง คุณ……จะไปที่นี่จริงๆ เหรอครับ?”
คนขับรถคนนี้เป็นคนที่ตระกูลเจี่ยนส่งมาให้ ดังนั้นก็เลยเรียกซูสือเยว่ว่าคุณผู้หญิง
ซูสือเยว่ขมวดคิ้วและเลือกมองคนขับรถ “ทำไมเหรอคะ? ”
“ตำแหน่งนี้……คือสถานที่ที่ไม่ควรจะไปแบบมั่วซั่วมากที่สุดในเมืองสตัฟฟ์”
“สถานที่แห่งนั้นKมีอำนาจ และโหดร้าย ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา หลายปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเจี่ยนหรือว่าตระกูลจี้ ต่างก็รู้สึกหวาดกลัวองค์กรนี้มาก”
“พวกเรา……จะไปอยู่กับพวกเขามั่วซั่วไม่ได้นะครับ”
ซูสือเยว่ยิ้ม
“แล้วคุณได้อะไรมาจากการที่ไม่ไปยั่วพวกเขาในหลายปีที่ผ่านมา”
“เพราะเขาลักพาตัวสามีกับลูกชายของฉัน ฉันก็ต้องทนต่อไปอย่างนั้นเหรอ?”
พอพูดจบ หญิงสาวก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “วันนี้ไม่ว่าจะเป็นภูเขาหรือทะเลเพลิง ฉันก็จะไป”
“ถ้าเกิดว่าคุณไม่อยากไป ฉันก็จะไม่ทำให้คุณลำบากใจ คุณลงรถก็ได้เดี๋ยวฉันขับเอง”
ซิงกวงเอ็งก็บอกว่า ถ้าเกิดว่าพวกเขาไม่ได้เจอปัญหาที่แก้ไม่ได้ ซิงหยุนก็คงไม่ได้ติดต่อมา
ในเมื่อซิงหยุนติดต่อเพราะเขามาแล้ว แสดงว่าตอนนี้สถานการณ์ของพวกเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ
แทนที่จะทนไว้ รอให้แลกมากับการบาดเจ็บของฉินโม่หานกับซิงหยุนที่ไม่สามารถเอาคืนมาได้
สู้เธอพาลูกทั้งสองคนไปในตอนนี้ยังจะดีซะกว่า
ต่อให้ต้องตาย ก็ตายด้วยกันทั้งครอบครัวเนี่ยแหละ!
เมื่อเห็นแววตาที่ดื้อรั้นและจริงจังของผู้หญิงคนนี้ คนขับรถก็เงียบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ยิ้มออกมา
“คุณผู้หญิงนี่ช่างมีนิสัยเหมือนท่านปู่กับคุณนายสมัยก่อนจริงๆ ”
เขายิ้มอย่างเย็นชาแล้วก็สตาร์ทรถ “หลังจากที่ท่านปู่หายตัวไป เพื่อคนของตระกูลเจี่ยนแล้ว คุณนายก็อดทนต่อKมาตั้งหลายปี แม้แต่โดนคนวางยา ก็ยังกำชับผู้ดูแลบ้านเสิ่นว่า อย่าเอาชีวิตของคนตระกูลเจี่ยนมาล้อเล่น”
“แต่ว่าที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นตระกูลเจี่ยนหรือว่าตระกูลจี้ ก็ไม่อยากจะโดนKข่มขู่มานานแล้ว!”
พอพูดจบคนขับรถก็หยิบโทรศัพท์ออกมา “่ท่านปู่ ได้ยินคำพูดของคุณผู้หญิงไหมครับ?”
ตอนที่คนขับรถยึดโทรศัพท์ออกมานั้น ซูสือเยว่ถึงได้พบว่า โทรศัพท์ของคนขับรถนั้นกำลังต่อสายกับคนคนหนึ่งอยู่
“ได้ยินแล้ว”
ปลายสายนั้นมีเสียงคนหัวเราะของเจี่ยนหมิงจงดังขึ้น
“ลูกสาวฉันก็คือลูกสาวฉันจริงๆ ไม่เหมือนคนอื่นเลย!”
พอพูดจบ ชายวัยกลางคนที่อยู่ปลายสายก็หัวเราะออกมา “สือเยว่ พวกลูกไปกันก่อนเลย”
“คนของพวกเราได้รวมตัวกับคนของตระกูลจี้เรียบร้อยแล้ว”
“วันนี้พวกเราไปจัดการรังของขงเนี่ยนโหรวด้วยกันเถอะ!”
ซูสือเยว่อึ้งไป ถึงได้นึกออกว่าตั้งแต่ตอนที่ฉินโม่หานกับซิงหยุนออกมา ก็ไม่เห็นเงาของเจี่ยนเฉิงกับเจี่ยนหมิงจงเลย
ผู้เฒ่าทั้งสองคนนี้มีเรื่องที่เหนือความคาดคิดเสมอ บวกกับที่ช่วงนี้ซูสือเยว่ค่อนข้างยุ่งมาก ก็เลยไม่ทันได้สังเกตเรื่องนี้
ตอนนี้ถึงได้นึกได้ ที่แท้แล้วเจี่ยนหมิงจงกับเจี่ยนเฉิง กลับมาที่เมืองสตัฟฟ์แต่แรกแล้ว แล้วก็ตัดสินใจที่จะสู้กับขงเนี่ยนโหรวอย่างเด็ดขาดอีกด้วย
หัวใจของเธอรู้สึกอบอุ่น “พ่อคะ ที่จริงหนูแค่พาลูกไปก็พอแล้ว……”
ถึงแม้ว่าลูกของเธออายุยังไม่เยอะ แต่ว่าจิตใจเหมือนกับผู้ใหญ่แล้ว
ถ้าเกิดว่าเธอกับพวกลูกๆ ไม่สามารถช่วยฉินโม่หานกับซิงหยุนออกมาได้ ต่อให้คนเยอะแค่ไหนก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้
แล้วอีกอย่าง……
คำพูดของคนขับรถเมื่อกี้นี้ ก็เป็นการเตือนเธอ
คนของตระกูลเจี่ยน ก็อดทนมาตั้งหลายปีแล้ว
แล้วจะมาลากคนทั้งตระกูลเจี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้อง แค่เพราะครอบครัวของเธอกับฉินโม่หานอย่างนั้นเหรอ?
แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลจี้เลย……
คำพูดของซูสือเยว่ ทำให้เจี่ยนหมิงจงที่อยู่ปลายฝ่ายนั้นหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “นี่ลูกคิดว่าตัวเองเก่งเกินไป หรือกำลังดูถูกพ่อ ตระกูลเจี่ยนแล้วก็ตระกูลจี้?”
“เรื่องนี้ตกลงแบบนี้แหละ พวกลูกไปก่อนเดี๋ยวพวกเราจะตามไป!”
พอพูดจบ เจี่ยนหมิงจงก็ตัดสายไป
ซูสือเยว่จับโทรศัพท์และมึนงง
ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็ถอนหายใจออกมา แล้วก็ส่งโทรศัพท์คืนคนขับรถ
เรื่องราวกลายมาเป็นแบบนี้แล้ว ทำได้แค่คอยดูไปเรื่อยๆ
เธอไม่อยากจะดึงตระกูลเจี่ยนกับตระกูลจี้เข้ามาลำบากด้วยจริงๆ
“คุณผู้หญิง ไม่ต้องคิดเยอะหรอกครับ”
“ชีวิตของคนกับสามี มันเกี่ยวกับตระกูลเจี่ยนกับตระกูลจี้อยู่แล้ว”
“ถ้าเกิดว่าไม่มีตระกูลเจี่ยนกับตระกูลจี้ สามีคุณก็จะไม่ถูกลักพาตัว คนว่างงานไหมล่ะครับ? ”
ซูสือเยว่ถอนหายใจออกมา แล้วก็หลับตาลงเงียบๆ
ไม่นาน รถก็แล่นมาถึงตำแหน่งที่แสดงบนคอมพิวเตอร์
ตึกนี้เป็นฐานทัพที่ใหญ่มาก และเหมือนกับว่าจะเป็นตึกที่ทำมาจากโลหะทั้งหมด
มีคนเฝ้าประตู และได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว พยายามวิเคราะห์ด้านหน้าของตึกนี้อย่างละเอียด เราก็รู้สึกว่าไม่รู้จะทำตัวยังไงดี
พวกเขาเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่ยังไม่รู้ตำแหน่งที่ชัดเจนของฉินโม่หานกับซิงหยุนเลย
ต่อให้พวกเขารู้……
ก็ไม่สามารถหาทางเข้าไปได้
เธอถอนหายใจออกมาและหันไปมองซิงกวง “มีวิธีไหนที่จะเข้าไปได้บ้างไหม?”
ซิงกวงกอดคอมพิวเตอร์และส่ายหน้า
“ตัวส่งสัญญาณได้แยกจากพี่ใหญ่แล้วค่ะ”
“ตอนนี้หนูไม่สามารถติดต่อพี่ใหญ่ได้ ทำได้แค่ตามหาตำแหน่งเฉพาะของเครื่องส่งสัญญาณเท่านั้น……”
“เดี๋ยวก่อน!”
พอพูดได้ครึ่งหนึ่ง เด็กน้อยก็เบิกตาโพลง
“ตำแหน่งเครื่องส่งสัญญาณขยับแล้ว!”
ซูสือเยว่อึ้ง และรีบพุ่งเข้าไปในทันที
แสงไฟกะพริบบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ขยับแล้วจริงๆ ——
และทางที่มันขยับมานั้น……
คือตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้!
ซูสือเยว่เหมือนเจอศัตรู “พวกเราลงจากรถแล้วหลบก่อนเร็ว!”
ซิงกวงกลับกัดริมฝีปากแน่น เงยหน้าขึ้นมองซูสือเยว่ ดวงตาแดงก่ำ น้ำเสียงสะอื้นเล็กน้อย “ไม่ทันแล้ว ……”
“หม่ามี๊ ไม่ทันแล้ว……”
“ก๊อกๆ ”
พอสิ้นเสียงของเด็กน้อย รถของพวกเขาก็ถูกคนเคาะ