คำพูดของจี้ว่านเชิ่ง ทำให้ซูสือเยว่ช็อกอยู่ครึ่งวันพูดอะไรไม่ออก
เธอนึกไม่ถึงเลยจริง……
จี้ว่านเชิ่ง จากปากของคนอื่นนั้น เขาคือคนที่ถูกขงเนี่ยนโหรวมัดไว้ที่นี่มา 20 กว่าปี เป็นผู้ชายที่ถูกเธอใช้ยาควบคุม……
แต่ว่าที่จริงนั้น เขาแอบพยายามล้างอำนาจเธออยู่อย่างนั้นเหรอ!?
ต้องดูว่า ตัวตนของเขาในฐานทัพนี้ เหมือนกับเชลยคนหนึ่ง
ไม่เพียงแค่ต้องยอมรับต่อความชอบที่ขงเนี่ยนโหรวมีแต่เขาเท่านั้น แต่ก็ต้องรับผลลัพธ์ของการที่ถูกเธอวางยา ให้ทดลองยาต่างๆ
นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว เขายังต้องโดนขงเนี่ยนโหรวตรวจสอบเป็นประจำ
ตรวจสอบร่างกายของเขา สมองของเขา สะกดจิต เพื่อให้แน่ใจว่าเขายังชอบลู่เนี่ยนโหรวอยู่หรือเปล่า
ภายใต้การทรมานที่ไร้มนุษยธรรมแบบนี้ จี้ว่านเชิ่งยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ ถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว
แต่นึกไม่ถึงเลยว่า……
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้แค่มีชีวิตอยู่ได้ แต่กลับมีชีวิตได้ดีด้วย
แม้แต่ ใช้เวลา 20 กว่าปี จากคนที่อยู่ในฐานะเชลยที่ไม่มีอะไรเลย พัฒนาให้มีคนศรัทธาในตัวเขา แล้วก็ล้างอำนาจขงเนี่ยนโหรว
ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็ถอนหายใจออกมา “ไม่แปลกใจเลยที่คุณเป็นพ่อแท้ๆ ของฉินโม่หาน และเป็นปู่แท้ๆ ของเด็กทั้งสามคนนี้”
เธอควรจะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้ว
ในเมื่อจี้ว่านเชิ่งคือพ่อแท้ๆ ของฉินโม่หาน งั้นก็แสดงว่าเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน และก็ไม่เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป ที่เต็มใจจะถูกใช้เป็นเครื่องมือและไม่แสวงหาการเปลี่ยนแปลง
เขาเป็นมีความคิด ความสามารถ และมีไหวพริบ
ฉินโม่หานน่าจะได้พันธุกรรมอันยอดเยี่ยมของเขา ถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้
แต่ว่า พอพูดถึงฉินโม่หาน……
ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก แล้วก็เงยหน้ามองจี้ว่านเชิ่งที่ผอมจนเหลือแต่กระดูกด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“คำพูดของทหารยามด้านนอกเมื่อกี้นี้……”
“พวกเด็กๆ ทายถูก คนพวกนั้นเป็นของผมเอง”
น้ำเสียงของจี้ว่านเชิ่งเรียกเฉย “ถึงแม้ว่าจะฮุบอำนาจของขงเนี่ยนโหรวได้แล้ว แต่ว่าตัวตนของผมในที่นี่ตอนนี้ ก็คือเฉลยคนหนึ่ง”
“คนที่นี่ นอกจากขงเนี่ยนโหรว จะไม่มีทางได้สัมผัสกับข่าวในโลกข้างนอก ผมเองก็เหมือนกัน”
“ผมไม่รู้ว่าคุณกับเด็กๆ มีนิสัยเป็นยังไงบ้าง ได้แต่คาดเดาจากข้อมูลที่มีในมือของขงเนี่ยนโหรว”
“คำพูดของคนเมื่อกี้นี้ คือสิ่งที่ผมทดสอบคุณ”
“หลังจากที่ได้ยินคำพูดของคนพวกนั้น ท่าทางของคน ก็เพียงพอที่จะให้ผมได้ตัดสินเบื้องต้นเกี่ยวกับความรู้สึกที่คุณมีต่อฉินโม่หาน แล้วก็นิสัยส่วนตัวของคุณ”
เขาพูดจบ ชายคนนี้ก็หรี่ตาลง แล้วก็มองซูสือเยว่ด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ “คุณเนี้ย มีความใจร้อนเหมือนพ่อ แล้วก็มีเสน่ห์เหมือนแม่”
“แต่ว่าคุณไม่สุขุมมั่นคงเหมือนแม่ของคุณ”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก และพยักหน้าเงียบๆ “ฉันยอมรับค่ะ”
หลายครั้ง ที่เธอไม่สามารถสงบตัวเองได้
บางทีเธอก็จะสูญเสียสติ แล้วก็ทำอะไรที่วู่วาม
แต่ว่า มีเพียงแค่คนที่เธอแคร์จริงๆ เท่านั้น ถึงได้เป็นแบบนี้
“ผมไม่อยากหลอกคุณ”
จี้ว่านเชิ่งถอนหายใจออกมา “ถึงแม้ว่าสิ่งที่บอดี้การ์ดพูดเมื่อกี้นี้จะเป็นเรื่องโกหก แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ ฉินโม่หานถูกฉีดยาอย่างว่าจริงๆ แล้วก็ถูกขังไว้กับเจียงหลี”
“ขงเนี่ยนโหรวอยากจะเห็นฉินโม่หานกับเจียงหลีทำในเรื่องที่ไม่ควรจะทำ”
“เพราะว่าเจียงหลีมีใบหน้าเหมือนแม่ของเขาลู่เนี่ยนโหรวเป๊ะ เธอก็เลยอยากจะใช้วิธีนี้ มาทำลายศีลธรรมของฉินโม่หานและการป้องกันทางจิตใจของเขา”
ซูสือเยว่อึ้งไป เธอกัดฟัน “ถ้าอย่างนั้นฉินโม่หานเขา……”
“คนของผมสลับยาแล้ว”
“ยาของฉินโม่หาน เป็นเพียงแค่ยาที่ทำให้เป็นไข้และเซื่องซึม แต่ว่าไม่ใช่ยากระตุ้น”
พอพูดจบ จี้ว่านเชิ่งก็มองซูสือเยว่ด้วยแววตาที่มีนัย “แต่ ยามันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น”
“สุดท้ายแล้วเจียงหลีก็เป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวยงาม แล้วอีกอย่างหลายปีมานี้ ขงเนี่ยนโหรวก็ฝึกทักษะการทำเตียงให้เธอตลอด”
“ต่อให้ไม่มีเหตุผลเรื่องยา ก็ไม่แน่ว่าฉินโม่หานจะไม่นอนกับเธอ”
“จุดนี้ ผมหวังว่าคุณจะเตรียมใจเอาไว้บ้าง”
พอผู้ชายคนนี้พูดจบ ซูสือเยว่กลับยิ้มขึ้นมาต่างๆ
“คุณยังไม่รู้จักฉินโม่หานดี และก็ยังไม่รู้จักฉันดีด้วย”
“ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะว่าผลของยา เขาก็ไม่มีทางทำเรื่องที่ผิดต่อฉันอยู่แล้ว”
“ยังไงฉันก็เชื่อใจเขา”
ระหว่างเธอกับฉินโม่หาน ผ่านลมผ่านฝนกันมาเยอะแยะมาก แค่เรื่องเล็กๆ แค่นี้ เธอไม่มีทางสงสัยในตัวเขา และก็ไม่มีทางที่จะไม่เชื่อใจเขา
จี้ว่านเชิ่งมองดูสายตาที่จริงจังของหญิงสาว ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ยิ้ม
“ดี!ดี!”
“การที่ฉินโม่หานได้มีภรรยาแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นโชคดีของเขา!”
พอพูดจบเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองซูสือเยว่อีก “ไม่คิดเลยว่าเจี่ยนหมิงจงกับหลิวหรูเยียนจะมีลูกสาวแบบนี้ได้”
“ตอนนั้นผมดูถูกพวกเขาไปจริง”
“ถ้าเกิดว่ารู้ว่าลูกสาวของพวกเขาจะปฏิบัติต่อลูกชายของผมอย่างจริงใจ ตอนนั้นผมน่าจะสนับสนุนให้พวกเขามีลูกสาวอีกคน ยังไงผมก็มีสอง……”
แต่ว่ายังไม่ทันจะพูดจบ จี้ว่านเชิ่งก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วก็ไม่พูดเรื่องนี้ต่อ
“สถานการณ์ในตอนนี้ก็คือ ถึงแม้ว่าอำนาจของขงเนี่ยนโหรวจะถูกผมรวบเอาไว้แล้ว ผมยังมีสายกับพรรคพวกที่อยู่ในฐานแห่งนี้ แต่ว่าคนของผมก็ซ่อนอยู่ในความมืด”
“ทุกปีขงเนี่ยนโหรวจะเลื่อนขั้นให้พวกนักฆ่ากลายมาเป็นบอดี้การ์ด ดังนั้นที่ถามแห่งนี้ก็จะมีคนใหม่มากมาย ผมไม่สามารถซื้อตัวพวกเขาได้ทุกคน”
“ตามวิธีที่ปลอดภัยที่สุดนั่นก็คือ คนของผมไปจับขงเนี่ยนโหรว จับโจรให้จับหัวหน้า”
“คนของคุณ ไปช่วยซิงหยุนกับฉินโม่หาน เผื่อเอาไว้”
“ถ้าเกิดว่าผมแพ้ ไม่สามารถจัดการขงเนี่ยนโหรวได้ คุณยังสามารถพาพวกเขาไปได้ 1 คน”
พอพูดจบ ผู้ชายคนนี้ก็หรี่ตาลง “ในเมื่อคุณไม่ได้เป็นกังวลเรื่องของฉินโม่หานกับเจียงหลี ถ้าอย่างนั้นพวกเรารีบมาทำให้มันจบกันเถอะ”
“ตอนนี้ขงเนี่ยนโหรวอยู่ในห้องวิจัย เธอกำลังวิจัยว่าจะวางยาซิงหยุนยังไง”
“ตอนนี้คุณพาพวกเด็กๆ ไปช่วยซิงหยุนก่อน ผมจะพาคนไปล้อมรอบห้องวิจัยของเธอไว้ แล้วก็พยายามจับขงเนี่ยนโหรวมาให้ได้”
“พอคุณช่วยซิงหยุนออกมาได้แล้ว ค่อยไปตามหาฉินโม่หาน”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก แล้วก็หลุบตามองซิงเฉินกับซิงกวงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
เด็กน้อยทั้งสองคนพยักหน้า เห็นด้วยกับการจัดเตรียมแผนการของคุณปู่จี้ว่านเชิ่ง
ในเมื่อฉินโม่หานไม่ได้ถูกวางยา ถ้าอย่างนั้นเขาน่าจะรอจนกว่าพวกเขาไปตามหาได้
แต่ต่อให้ซิงหยุนจะเป็นผู้ใหญ่มากแค่ไหน เอาไว้ยังไงเขาก็เป็นเด็ก ต้องช่วยเขาก่อนถึงจะมั่นใจ
หลังจากคนกลุ่มนี้วางแผนการ ก็เริ่มแยกย้ายไปทำตามแผน
ซูสือเยว่ทาซิงเฉินกับซิงกวง ดูจากแผนที่ของจี้ว่านเชิ่ง เลี่ยงการเฝ้าระวังพื้นที่ขนาดใหญ่และหน่วยงานรักษาความปลอดภัยในฐาน แล้วก็ไปถึงสถานที่ที่ซิงหยุนถูกจับอยู่
เดิมทีซูสือเยว่คิดว่า ต่อให้ขงเนี่ยนโหรวจะโหดเหี้ยมขนาดไหน ก็ไม่มีทางลงไม้ลงมือกับเด็กอายุ 5 ขวบ
แต่ว่าพอพวกเขาเข้ามาในห้องที่ซิงหยุนถูกขังไว้ ทุกคนก็ต้องตะลึงไป
ซิงหยุนนอนอยู่บนเตียงเงียบๆ เนื้อตัวของเขาซีดเผือดมองไม่เห็นสีเลือดเลย
“ซิงหยุน!”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก แล้วก็พุ่งเข้าไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมากอดไว้ในอ้อมแขน