ซูสือเยว่ยืนอยู่ที่เดิม รู้สึกว่าเลือดแข็งตัวไปหมด
เป็นไปได้ยังไง……
จี้ว่านเชิ่งบอกว่า ยาที่ถูกฉีดให้ฉินโม่หาน ถูกเปลี่ยนแล้วไม่ใช่เหรอ?
ในเมื่อเขาไม่ได้ถูกวางยา แล้วทำไม……
“ฉันไม่เชื่อ”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก แล้วก็ถลึงตาใส่เจียงหลีอย่างเย็นชา “คุณหลอกฉัน”
เธอต้องโกหกอย่างแน่นอน!
ฉินโม่หานไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้หรอก
ยังไงก็ไม่มีทาง!
พอคิดได้แบบนี้ ซูสือเยว่ก็ผลักเจียงหลีออก แล้วก็ก้าวขึ้นไปชั้นบน
เจียงหลีถูกเธอผลักจนเซเกือบจะล้มลง แต่ก็จับที่วางแขนของโซฟาไว้ได้ทัน ก็เลยไม่ล้มลงกับพื้น
เธอยิ้ม แล้วก็มองแผ่นหลังของซูสือเยว่ที่ขึ้นไปข้างบนอย่างเย็นชา แล้วริมฝีปากก็คลี่ยิ้มอย่างเยือกเย็น
ไม่เชื่องั้นเหรอ?
ช่วยไม่ได้ถ้าจะไม่เชื่อ!
เธอยิ้ม แล้วก็เล่นกับผมที่เปียกของตัวเองอย่างผิดปกติ
ถึงแม้ว่า……
หลังจากที่ฉินโม่หานถูกฉีดยาไปแล้วจะหลับไม่ได้สติ แต่ว่าเธอก็พยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เหมือนกับว่าฉินโม่หานนอนกับเธอแล้ว
ซูสือเยว่ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ขอแค่เธอเชื่อ บนโลกใบนี้ ไม่มีใครสามารถเปิดตรงที่ได้หรอก !
ที่ชั้นบน
ซูสือเยว่ก้าวยาวไปยังห้องนอนบนชั้น 2
ภาพในห้องนอนนั้น ทำให้เธอแข่งทั่วไปในทันที
ฉากที่เห็นอยู่ตรงหน้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า
เตียงทรงกลมขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ฉินโม่หานนอนคว่ำอยู่ตรงนั้น เสื้อผ้าของเขาไม่เรียบร้อย และแผ่นหลังก็เปลือยเปล่า
บนแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าของเขา มีรอยข่วนของเล็บผู้หญิง
บรรยากาศในห้องดูคลุมเครือ
เสื้อผ้าของเจียงหลีกระจัดกระจายไปทั่ว นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของเหลวสีขาวที่มองเห็นได้ชัดเจนทุกที่
ทั้งหมดนี้ มันบอกความจริงกับซูสือเยว่
ฉินโม่หาน นอนกับเจียงหลีจริงๆ
เธอกัดริมฝีปากแน่น แล้วในหัวของเธอก็ตีกันยุ่งเหยิงไปหมด
เธอรู้ว่าในเวลานี้เธอควรจะพุ่งเข้าไปดึงฉินโม่หานขึ้นมา แล้วถามเขาว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่
ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้ถูกยาปลุกเซ็กส์ แล้วทำไมเขาถึงได้ทำเรื่องแบบนี้กับเจียงหลีได้!
แต่ว่า เธอรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว ออกเสียงไม่ได้แม้แต่คำเดียว และก็ไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว
ฝึกการต่อสู้มาตั้งหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแบบนี้……
ความรู้สึกที่อ่อนแอเกินกว่าที่จะเคลื่อนไหวได้
เหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างถูกผลักออกไปจากหัวใจ เหมือนกับว่าจิตวิญญาณของเธอรถออกจากร่าง ทำให้เธอสูญเสียแรงที่จะขยับเขยื้อน
ด้านหลังของเธอก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
หลังจากเสียงฝีเท้านั้น ก็เป็นเสียงหัวเราะที่เย็นชาของเจียงหลี “เป็นไง ตอนนี้ยังจะไม่เชื่ออีกเหรอ?”
“ซูสือเยว่ ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ว่าทำไมคุณถึงไม่ยอมปล่อยฉินโม่หาน”
“ผู้ชายที่ใช้ได้ขนาดนี้……จะมีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบบ้างล่ะ?”
เธอเล่นผมของเธอ แล้วก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของซูสือเยว่ด้วยท่าทีที่สง่างาม แล้วก็มองใบหน้าของซูสือเยว่อย่างหยิ่งผยอง “แต่ว่านะ ฉันค่อนข้างที่จะใส่ใจมากกับการที่มาก่อนได้ก่อน”
“ในเมื่อเธอมาก่อน ต่อไปฉันก็จะแบ่งฉินโม่หานให้คุณหน่อยก็แล้วกัน”
“แต่ฉันรู้สึกว่าเขาอาจจะชอบฉันมากกว่านะ”
ระหว่างที่พูด เธอก็ขยับเข้าไปกระซิบข้างหูของซูสือเยว่
“เมื่อกี้ ตอนที่อยู่บนเตียงเขาบอกกับฉันว่า ฉันชุ่มชื้นมากกว่าคุณเยอะเลย”
“ตอนอยู่บนเตียง คุณเหมือนกับปลาตาย”
“ไม่เหมือนกับฉัน ฉันเป็นงูน้ำ ที่ทำให้เขาคึกคักจนถึงสุดขีด……”
ซูสือเยว่ยืนอยู่ที่เดิม มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น
เธอแยกไม่ออกว่าคำพูดของเจียงหลี อันไหนคือของจริงของปลอม
บางที มันอาจจะจริงทั้งหมดก็ได้
เธอหลับตา หัวใจรู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าถูกทรมานด้วยมือใหญ่ 1
สติสัมปชัญญะบอกเธอว่า ห้ามเชื่อฟังคำพูดเพียงฝ่ายเดียวของเจียงหลี ต้องรอให้ฉินโม่หานตื่นขึ้นมาก่อน และให้เขาอธิบายกับเธอด้วยตัวเอง
แต่ว่า……
ความจริงมันชัดเจนขนาดนี้แล้ว ยังต้องอธิบายอะไรอีก?
หรือว่าเธอต้องการให้เขาบอกกับเธอด้วยปากของเขาเอง ว่าเขาเปลี่ยนใจแล้ว แล้วเขาก็ทำเรื่องอย่างว่าการเจียงหลีจริงๆ?
ถ้าเกิดว่าเขาบอกเธอว่า เขาไม่ได้ทำอะไรกับเจียงหลี……
แล้วเธอจะเชื่อไหม?
มันจะเทียบกับทุกอย่างที่เธอได้เห็นกับตาของเธอตอนนี้ได้ยังไง?
เจียงหลีเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของซูสือเยว่ หัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความสุข
ความจริงแล้ว……
ทุกอย่างในห้องนี้ เธอเป็นคนจัดขึ้นมาเอง
เธอใช้กรรไกรตัดเสื้อผ้าเอง และรอยข่วนที่หลังของฉินโม่หาน มันเกิดขึ้นหลังจากที่เขาหมดสติไป เธอก็เลยเอาเล็บไปข่วนหลังเขา
ส่วนของเหลวสีขาวที่กระจายอยู่ทั้งห้องนั้น……
แน่นอนว่ามันเป็นน้ำแร่ผสมกับโยเกิร์ตจากในตู้เย็น
ไม่ใช่ว่าเธอไม่คิดว่าจะอาศัยโอกาสตอนที่ฉินโม่หานหมดสติ และทำเรื่องอย่างว่ากับเขา
แต่ว่าสิ่งที่เธอนึกไม่ถึงก็คือ ผู้ชายคนนี้ ต่อให้หมดสติไป แต่ว่าทุกครั้งที่เธอไปแตะต้องจุดสำคัญของเขา เขาก็ตื่นขึ้นมาแล้วก็ผลักเธอไปด้านข้าง
หลายครั้งก็ไม่ประสบความสำเร็จ พอเขาไม่ถูกต้องก็เลยหมดสติไป……
ดังนั้นเธอก็เลยจำเป็นต้องทำวิธีนี้
แม้ว่าการจัดฉากพวกนี้มันจะน่าอึดอัดใจ แต่ว่ามันสามารถหลอกให้ซูสือเยว่สูญเสียสติไปได้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!
ผู้หญิงที่มีความรักมักไม่มีสมอง
“คุณว่าคุณ พยายามอย่างมากเพื่อมาที่นี่ อยากจะช่วยเขาออกไป”
“แล้วผลลัพธ์ล่ะ?”
“เขามีความสุขกับฉันมาก แล้วทำไมคุณต้องมาที่นี่เพื่อทำให้ตัวเองถูกดูแคลน?”
พอพูดจบ เจียงหลีก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ใช่สิ ตรงนี้มันใกล้กับฐานของแม่ฉันขงเนี่ยนโหรวมากเลย”
“คุณว่า ถ้าฉันโทรไปหาเธอตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น?”
ซูสือเยว่ยืนอยู่ที่เดิม เหมือนกับว่าวิญญาณของเธอหลุดออกจากร่าง
เจียงหลีพูดอะไร เธอไม่รับรู้แล้ว
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลังจากนั้นเจียงหลีได้โทรหาขงเนี่ยนโหรวรึเปล่า และก็ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเจียงหลียังคงถากถางหรือเยาะเย้ยอะไรเธออีก
เธอรู้แค่ว่าตัวเองหมดสติไป
ตอนที่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธอนอนอยู่ที่ในโรงพยาบาลเมืองสตัฟฟ์
เธอลืมตาขึ้นมา ตรงหน้าเป็นฝ้าเพดานสีขาวสะอาด เธอรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้ฝันไป
ในความฝันของเธอนั้น ฉินโม่หานไม่ได้ถูกวางยา แต่ว่าก็นอนกับเจียงหลี คนที่หน้าตาเหมือนแม่ของเขาเป๊ะ
แม้แต่ ชายที่เต็มไปด้วยพลังทุกครั้งที่อยู่กับเธอ หลังจากที่เสร็จกิจกับเจียงหลี เขากลับผล็อยหลับไปยังไม่ได้สติ
เธอหลับตาแล้วถอนหายใจยาวออกมา ความฝันนี้มันช่างน่ากลัวจริงๆ
พอได้ยินเสียงถอนหายใจของหญิงสาว ฟู๋เชียนเชียนที่เอาแต่เฝ้าอยู่ด้านข้างก็รีบพุ่งเข้ามา “สือเยว่ เธอฟื้นแล้วเหรอ!?”
พอเห็นใบหน้าของเพื่อนรัก ซูสือเยว่ก็ถอนหายใจยาว แล้วก็ยิ้มให้เธอด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว “เชียนเชียน”
“ฉันฝัน”
“ฝันร้าย”
“น่ากลัวมาก”
สายตาของฟู๋เชียนเชียนดูเจ็บปวด
เธอรีบยื่นมือไปกุมมือของซูสือเยว่เอาไว้ “ฉันรู้ ฉันรู้ทั้งหมดนั่นแหละ”
“มันเป็นแค่ความฝัน มันไม่ใช่เรื่องจริง ฉินโม่หานเขาไม่ได้……ไม่ได้หักหลังแก……”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว แล้วก็หันมามองหน้าฟู๋เชียนเชียนอย่างประหลาดใจ “แกรู้ได้ยังไงว่าฉันฝันอะไร?”
พอพูดจบ ใบหน้าของหญิงสาวก็ซีดขึ้นมาทันที
เธอกัดริมฝีปาก “หรือว่า……”
“เรื่องพวกนี้……มันไม่ใช่ความฝัน?”