พอฟังฟู๋เชียนเชียนอธิบายจนจบ ซูสือเยว่ก็นั่งพิงเตียง เธอรู้สึกเหมือนกับตัวเองถูกฟ้าผ่าไม่สามารถขยับได้
เธอแทบจะไม่สามารถจินตนาการได้เลย……
ว่าหลังจากที่เธอเป็นลมไปเพราะรับไม่ได้ที่ฉินโม่หานกับเจียงหลีขึ้นเตียงด้วยกัน……
จะเกิดเรื่องราวมากมายขณะนี้
และเธอยิ่งนึกไม่ถึงเลยว่า เจี่ยนหมิงจงที่ออกมาจากเมืองสตัฟฟ์และกลับไปที่เมืองหรงกับเธอนั้น จะเก็บเรื่องที่ฉินโม่หานมีพี่ชายฝาแฝดเป็นความลับกับเธอ
ตอนแรกที่เจี่ยนหมิงจงบอกว่าหลิงซือยู่กับหลิงหรานไปหาแสาวชาวเน็ตของหลิงซือยู่นั้น เธอก็เคยรู้สึกสงสัย ว่าทำไมการที่หลิงซือยู่ไปตามหาสาวชาวเน็ต หลิงหรานต้องตามไปด้วย
ตอนนั้นคำตอบที่เจี่ยนหมิงจงมอบให้เธอก็คือ:
หลิงหรานแอบรักหลิงซือยู่มานานมากแล้ว ดังนั้นก็เลยหึง อยากจะจับตามองหลิงซือยู่เอาไว้ ไม่ให้หลิงซือยู่กับสาวชาวเน็ตของเขาเกิดความสัมพันธ์อะไรขึ้น
ตอนนั้นซูสือเยว่กำลังฟกช้ำดำเขียวกับการที่ฉินโม่หานหลอกลวงเธอ ก็เลยไม่ได้ไปถามอะไรมากมาย
ตอนนี้พ่อกลับมาย้อนคิดดูแล้ว ถึงได้รู้ว่าเหตุผลนี้มันดูเรื่อยเปื่อยขนาดไหน
ตอนแรกหลิงหรานรับได้กับการที่หลิงซือยู่แกล้งคบกับเธอ แล้วก็รับได้ที่หลิงซือยู่ติดต่อกับสาวชาวเน็ต 10 กว่าคน แล้วทำไมอยู่ดีๆ ถึงจะรับไม่ได้ที่หลิงซือยู่จะสนิทสนมกับสาวชาวเน็ตขึ้นมา?
เจี่ยนหมิงจงปิดบังเธอแม้แต่เรื่องนี้……
แล้วเขายังมีเรื่องอื่นที่ปิดบังเธออยู่อีกไหม?
แล้วก็ฉินโม่หาน……
ซูสือเยว่หลับตาลง เสียงแหบแห้ง
“ตอนนี้ฉินโม่หานเขา……อยู่ที่ไหนเหรอ?”
ฟู๋เชียนเชียนเม้มปาก “ตอนนี้เขานอนอยู่ที่ห้องผู้ป่วยICUพิเศษที่ตระกูลจี้จะเตรียมเอาไว้ให้ มีแพทย์เฉพาะทางคอยดูแลอยู่ ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามเข้าใกล้”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก “ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามเข้าใกล้……”
เธอลืมตาและมองหน้าฟู๋เชียนเชียน:
“รวมถึงคุณชายสองอย่างจี้หนานเฟิงด้วยหรือเปล่า?”
ฟู๋เชียนเชียนอึ้งไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็กัดริมฝีปากของตัวเอง “จี้หนานเฟิง……เหมือนกับว่าจะสามารถไปเยี่ยมเขาได้นะ”
“แต่ว่า……”
เพราะว่าครั้งที่แล้วเธอกลับจี้หนานเฟิงมีความเห็นแตกต่างกันเรื่องที่จะบอกความจริงกับซูสือเยว่หรือไม่ ก็เลยไม่ได้ติดต่อกันมา 3-4 วันแล้ว
จี้หนานเฟิงยังพูดว่า เรื่องของตระกูลจี้ไม่ได้จำเป็นต้องให้คนนอกอย่างฟู๋เชียนเชียนมายุ่งวุ่นวาย
“แปลว่าอะไรเหรอ?”
“ตอนนี้ฉันกับเขากำลังมีสงครามเย็นกันอยู่……”
ฟู๋เชียนเชียนถอนหายใจ และยื่นมือไปจับมือของซูสือเยว่:
“สือเยว่ ฉันเข้าใจความรู้สึกที่แกอยากจะเจอท่านชายฉิน แต่ว่าเรื่องนี้มันยากมากจริงๆ ”
“ต่อให้ฉันไม่ได้มีสงครามเย็นกลับจี้หนานเฟิง ฉันก็ไม่สามารถรับปากได้ว่าจี้หนานเฟิงจะช่วยให้เธอได้เจอฉินโม่หาน…”
ซูสือเยว่ยิ้ม “แกต้องทำให้จี้หนานเฟิงรับปากที่จะมาเจอฉันก็พอแล้ว”
พอเห็นท่าทางที่แน่วแน่ของเธอ ฟู๋เชียนเชียนก็พูดอะไรไม่ออก
ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็ยิ้มอย่างไม่มีทางเลือก “ฉันจะพยายามให้ถึงที่สุด”
“แต่ว่าสือเยว่ ตอนนี้แกต้อง……เสแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
“เข้าใจ”
ซูสือเยว่พิงหัวเตียงแล้วก็ยิ้มให้กับฟู๋เชียนเชียนอย่างขมขื่น
“วางใจเถอะ”
เธอแยกแยะเรื่องที่สำคัญและไม่สำคัญได้
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะรีบร้อนอยากเจอฉินโม่หาน อยากเห็นอาการของเขาในตอนนี้
แปลว่า……
เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เธอจะหลับหูหลับตาทำโดยวู่วามไม่ได้
หลังจากพูดจบ เธอก็ถามฟู๋เชียนเชียนเกี่ยวกับพัฒนาการช่วงนี้ของพวกเด็กๆ
ถ้าเธอรู้ว่าตอนนี้ฉินหนานเซิงกับลั่วเยียนกำลังดูแลพวกเด็กๆ ให้เธออยู่ เธอก็ถอนหายใจยาวออกมา แล้วก็รู้สึกสบายใจ
ไม่ว่าลู่จิ่งเฉินจะมีเป้าหมายอะไรกันแน่ แต่ว่าการที่พวกเด็กๆ อยู่กับฉินหนานเซิงและลั่วเยียน เธอก็รู้สึกสบายใจ
สองคนนี้ คนหนึ่งคือคนที่เธอเคยชอบมากที่สุด และหลังจากนั้นก็เป็นเพื่อนกัน
ส่วนอีกคนหนึ่ง ก็ได้รับการดูแลจากฉินโม่หานมานานหลายสิบปี
ไม่ว่าจะเป็นพวกเขาคนไหน ก็ไม่มีทางโหดร้ายทารุณกับซิงหยุน ซิงเฉินแล้วก็ซิงกวงอย่างแน่นอน
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือการที่ได้เจอฉินโม่หาน
ต้องได้เจอเขากับตา ถึงจะได้สบายใจลง
ไม่อย่างนั้น……
เธอจะรู้สึกว่าหัวใจของเธอนั้นช่างว่างเปล่า
หลังจากที่ฟู๋เชียนเชียนกลับไปได้ไม่นาน ฉินหนานเซิงกับลั่วเยียนก็พาเด็กทั้ง 3 คนมาเยี่ยมเธอ
ซิงหยุนนั่งกุมมือเธอเงียบๆ อยู่ข้างเตียง ไม่พูดอะไรเลย
ซิงเฉินก็ยังคงอบอุ่นกับเธอมาโดยตลอด
ซิงกวงเถียงกับพี่ลองไปด้วย แล้วก็ปอกเปลือกส้มให้ซูสือเยว่กินไปด้วย
“พวกเราได้ยินข่าวที่อาเล็กจะหย่ากับคุณแล้ว”
ฉินหนานเซิงถอนหายใจ แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของซูสือเยว่อย่างนิ่งเรียบ
“ตอนแรกผมกับลั่วเยียนอยากจะปิดบังเรื่องนี้กับเด็กน้อยทั้งสามคน แต่ว่าสุดท้ายก็เลือกที่จะบอกพวกเขา”
“แต่ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่ผมคิดเอาไว้”
“เด็กน้อยทั้ง 3 คนแม้แต่เลือกว่าหลังจากที่พวกคุณหย่ากันแล้ว จะตามไปอยู่กับคุณ”
“ตอนแรกผมก็นึกว่าอาเล็กจะไม่มีทางตกลง แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะตกลง……”
พอพูดจบ ฉินหนานเซิงก็ถอนหายใจออกมา
“ครั้งนี้หลังจากที่อาเล็กกลับมา ก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดูห่างเหินกับผมและลั่วเยียนมาก แถมยังเย็นชากับลูกๆ อีก”
“ไม่รู้ว่าเขาได้ไปเจอกับความล้มเหลวอะไรมาหรือเปล่า……”
ซูสือเยว่ฟังสิ่งที่ฉินหนานเซิงพูดอย่างเงียบๆ แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน:
“ปล่อยเขาเถอะ”
“เขาหักหลังฉัน หักหลังลูก แล้วตอนนี้ก็จะหย่ากับฉันอีก ฉันไม่เหลืออะไรให้ไปอาลัยอาวรณ์อีกแล้ว”
คำพูดของหญิงสาว ทำให้ฉินหนานเซิงกับลั่วเยียนมองหน้ากันด้วยความตื่นตกใจ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ลั่วเยียนก็พาเด็กน้อยทั้งสามคนกลับมาที่รถ
ฉินหนานเซิงนั่งอยู่บนวิลแชร์ ขมวดคิ้วมองซูสือเยว่ แล้วก็ลดเสียงลง:
“คุณคิดว่าอาเล็กหักหลังคุณจริงๆ เหรอ?”
ซูสือเยว่ยิ้ม “แล้วเรื่องพวกนี้มันไม่ใช่ความจริงอย่างนั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มเงียบอยู่นาน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ถอนหายใจออกมา:
“คุณรู้ไหม?”
“อาเล็กกลับมาครั้งนี้ แล้วก็ผ่าเจียงหลีกลับมาด้วย”
ซูสือเยว่อึ้งไป
เธอไม่คิดเลยว่า ลู่จิ่งเฉินจะพาเจียงหลีกลับมาด้วยอย่างนั้นเหรอ?
เขาจะทำอะไร?
พอเห็นท่าทางที่ช็อกของซูสือเยว่ ฉินหนานเซิงก็ถอนหายใจ:
“ดูเหมือนกับว่าคุณยังไม่รู้”
“ตอนนี้เจียงหลีแสดงตัวไปทุกหนทุกแห่งว่าตัวเองคือคู่หมั้นในอนาคตของอาเล็ก……”
“ผมเคยถามเกี่ยวกับความรู้สึกที่อาเล็กมีต่อเธอ อาเล็กก็บอกว่า ในเมื่อเคยนอนด้วยกันแล้ว จะทิ้งเธอไว้ก็ไม่ได้”
“เขาบอกว่าเขาไม่มีทางบ้านกลับเจียงหลี และก็ไม่มีทางแต่งงานกับเจียงหลี แต่ว่า……”
“เขาจะเก็บเจียงหลีไว้ข้างๆ ตลอด”
“แล้วอีกอย่าง ช่วงนี้พอเขาไปออกงานต่างๆ ก็พาเจียงหลีไปด้วยเสมอ……”
ซูสือเยว่รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าฉินโม่หานในตอนนี้ ภายนอกจะดูเหมือนฉินโม่หาน แต่ว่าเบื้องหลังนั้นคือพี่ชายของเขาลู่จิ่งเฉิน
แต่ว่า ต่อให้ผู้ชายคนนั้นคือลู่จิ่งเฉิน ก็ไม่ควรจะเก็บเจียงหลีไว้ข้างกาย……
เจียงหลีหน้าตาเหมือนลู่เนี่ยนโหรวเป๊ะ แถมยังเคยวางแผนจัดฉากว่าว่าฉินโม่หานเคยนอนกับเธอ……
ลู่จิ่งเฉินควรจะเกลียดเธอเข้ากระดูกดำสิถึงจะถูก แล้วทำไมถึงเก็บเจียงหลีไว้ข้างกายแล้วล่ะ?
แถมยัง……พาเธอเข้าไปร่วมในงานเลี้ยงสำคัญด้วยอย่างนั้นเหรอ?
ฉินหนานเซิงถอนหายใจ “ตอนแรกผมก็ไม่รู้ ว่าเจียงหลีหน้าเหมือนแม่แท้ๆ ของอาเล็กมาก”
“จนวันหนึ่งที่พ่อของผมเห็นอาเล็กพาเจียงหลีมาปรากฏตัวต่อหน้าเขา……”
“เหมือนโลกทัศน์ของพ่อผมถูกโจมตี”
“เขาบอกว่าอาเล็กเป็นบ้าไปแล้ว”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก
คนที่เป็นบ้าไม่ใช่ฉินโม่หาน แต่ว่าเป็นลู่จิ่งเฉินพี่ชายของฉินโม่หานต่างหาก
ตอนนี้เขาใช้ตัวตนของฉินโม่หานอยู่
ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าหลังจากฉินโม่หานฟื้นขึ้นมาเราเห็นข่าวนี้ คงจะเป็นบ้าไปเลยใช่ไหม?