“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ชายคนนั้นจะทำอะไรกันแน่ แต่รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร”
จี้หนานเฟิงถอนหายใจ แล้วก็เงยหน้ามองซูสือเยว่
“แต่ว่าตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นพ่อของคุณหรือแม่ของผม ก็ต่างถูกเขาทำให้สับสน ทำตามคำแนะนำของเขา ภายในระยะเวลาสั้นๆ ผมไม่สามารถ……”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก ความสงสัยที่หนาแน่นผุดขึ้นบนหัวของเธอเรากับเมฆดำ ทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ “ฉันไม่สามารถเจอฉินโม่หานได้จริงๆ เหรอ？”
ลู่จิ่งเฉินคิดจะทำอะไร สำหรับซูสือเยว่ในตอนนี้นั้น มันไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด
เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ การได้เจอกับฉินโม่หาน……
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเหมือนที่พวกเขาพูด นอนหมดสติอยู่แบบนั้น เธอก็อยากจะเห็นเขาถึงจะสบายใจ
จี้หนานเฟิงส่ายหน้า
ซูสือเยว่หลับตาลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
เธอหายใจออกมา “น่าเสียดายจริงๆ ”
“ตอนแรกฉันก็คิดว่า ถ้าเกิดว่าคุณช่วยฉันได้เจอฉินโม่หาน ฉันจะช่วยคิดวิธีให้พูดกับเชียนเชียนดีๆ ทำให้เชียนเชียนคุณชอบเธอจริงๆ ”
“แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่า……”
คำพูดของหญิงสาว ทำให้จี้หนานเฟิงหยุดชะงักไปทันที
เขาขมวดคิ้วแล้วมองหน้าของซูสือเยว่ “คุณ……จะช่วยพูดกับฟู๋เชียนเชียนให้ผมจริงๆ เหรอ? ”
ฟู๋เชียนเชียนผู้หญิงคนนี้ ทำให้เขาปวดหัวมากที่สุดแล้ว
ตอนแรกที่พวกเขาคบกันถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อการ แต่เขาก็รู้สึกว่าเธอควรจะเลื่อมใสในตัวเขา
แล้วผลลัพธ์ล่ะ？
ผู้หญิงคนนี้หลังจากที่ไปเดทกับเขาได้ไม่กี่ครั้ง ก็ยื่นข้อเสนอให้เลิกกัน บอกว่าเธอไม่เหมาะสมกับเขา！
ตอนนั้นจี้หนานเฟิงยังคงรักษาเกียรติยศของการที่ตัวเองเป็นนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
เขาคิดว่าฟู๋เชียนเชียนเป็นคนธรรมดา ส่วนเขาคือ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม การจะเลิกกับเขา สุดท้ายคนที่ต้องเสียใจก็คือฟู๋เชียนเชียน
แต่ว่าสิ่งที่เขานึกไม่ถึงก็คือ……
หลังจากที่เลิกกันไปแล้ว ฟู๋เชียนเชียนกลับมีความสุขมากกว่าเดิม
เธอแม้แต่เริ่มฟังคนในครอบครัวของเธอ แล้วก็ไปนัดบอดกับผู้ชายคนอื่น
มีผู้ชายที่หน้าตาไม่ดีเท่าเขา ฐานะไม่ดีเท่าเขา การงานก็ไม่ดีเท่าเขา แต่ว่าเธอกลับจะใช้เวลาอยู่กับเขาในช่วงเวลาหนึ่ง！
จี้หนานเฟิงรับไม่ได้ที่ฟู๋เชียนเชียนด้อยค่าตัวเอง ก็เลยเริ่มขอให้ฟู๋เชียนเชียนมาคบกับเขาอีกครั้งหนึ่ง
แต่ว่าทุกครั้งเขากลับถูกฟู๋เชียนเชียนปฏิเสธ
แล้วจี้หนานเฟิงก็เริ่มรู้ตัวอย่างช้าๆ ว่า……
เหมือนกับว่าตัวเขาเองจะเริ่มชอบฟู๋เชียนเชียนเข้าจริงๆ แล้ว
มันไม่เหมือนกับตอนที่เขาชอบซูสือเยว่ในตอนแรก สำหรับฟู๋เชียนเชียนแล้ว มันคือความชอบที่ต้องการที่จะให้เธอมาเป็นของตัวเองอย่างยิ่ง และไม่อนุญาตให้ผู้ชายคนไหนมาแต่ต้อง
ดังนั้น สุดท้ายแล้ว……
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมที่คนนับล้านต่างชื่นชมอย่างเขา กลับต้องมาตามก้นของฟู๋เชียนเชียนต้อยๆ ！
แล้วผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่เคยบอกว่าจะชอบจี้หนานเฟิงไปตลอดชีวิต กลับหลีกเลี่ยงเขาเหมือนว่าเขาเป็นงู！
พอคิดได้แบบนี้แล้ว จี้หนานเฟิงก็ถอนหายใจออกมา
ไม่พูดไม่ได้ว่า
ตอนที่ซูสือเยว่เสนอเงื่อนไขนี้ออกมา มันน่าดึงดูดมากจริงๆ
เขาตามจีบฟู๋เชียนเชียนมานานก็ไม่ได้ผล เขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ
แต่……
“ผมไปลองหาวิธีดูแล้วกัน”
พอเห็นท่าทีที่ลำบากใจของจี้หนานเฟิง ซูสือเยว่ก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้ มันเริ่มมีทางออกแล้ว
หญิงสาวยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอข่าวจากคุณนะ”
จี้หนานเฟิงถอนหายใจ แล้วก็เดินออกไป
ตอนเที่ยง ซูสือเยว่ก็ได้รับข้อความจากจี้หนานเฟิง บอกว่าเขารอเธออยู่ที่ชั้นล่าง
ซูสือเยว่รีบลงจากเตียงในทันที เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า หลบหมอและพยาบาล เดินลงบันไดมาชั้นนึง แล้วค่อยลงลิฟต์มาข้างล่าง
ด้านนอกโรงพยาบาล รถของจี้หนานเฟิงจอดรออยู่ตรงนั้น
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่ง
บนรถ จี้หนานเฟิยื่นชุดพยาบาลให้กับเธอ “เดี๋ยวพอถึงแล้ว ไปหาที่เปลี่ยนเสื้อผ้านะ”
“ผมบอกว่าเจอหมอเทวดาอยู่คนหนึ่ง แล้วก็พาหมอเทวดาคนนั้นมาดูอาการของฉินโม่หาน”
“หลังจากผมพยายามหว่านล้อมทั้งเช้าวันนี้ ในที่สุดคุณลุงก็ยอมให้ผมพาหมอเทวดาไปเยี่ยม”
ซูสือเยว่อึ้งไป
เธอมองหน้าจี้หนานเฟิงด้วยความตกใจ “ดังนั้นคุณจะให้ฉันปลอมตัวเป็นหมอเทวดาอย่างนั้นเหรอ？”
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นนักแสดงที่มีความสามารถ……
แต่ว่าเธอก็ไม่ได้มีพื้นฐานทางด้านการแพทย์มาก่อนเลย ถ้าเกิดว่าคนของตระกูลจี้เต็มใจ พวกเขาก็สามารถมองเห็นข้อบกพร่องได้เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น！
คำพูดของหญิงสาว ทำให้จี้หนานเฟิงกลอกตาเงียบ
“คุณคิดว่าพวกเขาโง่ หรือว่าผมโง่เหรอ？”
เขาเหลือบมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา：
“ผมก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่สามารถปลอมตัวเป็นหมอได้”
“มีคนอื่นเป็นหมอแล้ว คุณแค่ต้องเป็นพยาบาลที่ไปพร้อมกับหมอเท่านั้นเอง”
พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ ซูสือเยว่ถึงได้สบายใจขึ้น
เธอถอนหายใจออกมา ฟังสิ่งที่จี้หนานเฟิงกำชับอย่างเงียบๆ แล้วก็จำทางที่รถแล่นไปด้วย
ถ้าเกิดว่าเธอสามารถจำทางได้ ต่อไปหลังจากนี้ต่อให้ไม่มีจี้หนานเฟิง เธอก็สามารถตามหาเองได้
จี้หนานเฟิงมองออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
ช่างมันเถอะ
เธอก็แค่เป็นห่วงคนที่เธอรักมากที่สุดเท่านั้นเอง
แล้วมีความจำเป็นอะไรต้องไปโจมตีเธอด้วย？
เขาจีบฟู๋เชียนเชียนมานานขนาดนี้แต่ก็ยังไม่ติด ซูสือเยว่ก็ไม่เคยหัวเราะเยาะเขาเลย
ไม่นาน รถก็เล่นมาถึงโรงพยาบาลปิดแห่งหนึ่ง
หน้าประตูโรงพยาบาลมีรถสีดำจอดอยู่คันหนึ่ง
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว รู้สึกว่ารถคันนี้มันดูคุ้นตา
ส่วนประตูรถถูกเปิดออก——
คนที่ลงมาจากรถ ก็คือแฟนคลับที่บ้าคลั่งซูสือเยว่ ：หานหยุนนั่นเอง
หญิงสาวตกใจจนอ้าปากค้าง：
“นี่คือคนที่จะมาปลอมเป็นหมอเหรอ？”
จี้หนานเฟิงพยักหน้า
“คนที่ผมสามารถติดต่อได้ และยินดีที่จะช่วยและไม่พูดออกไปมั่วซั่ว ก็มีแค่เขานี่แหละ”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้วอย่างไม่มีทางเลือก
เธอยังจำได้ว่าก่อนหน้านี้เคยรับปากหานหยุนไว้ ว่าถ้าเกิดเขาสามารถรักษาซิงเฉินได้ และช่วยซิงหยุนกับฉินโม่หานออกมาจากที่ของขงเนี่ยนโหรวได้……
เธอจะกลับไปเป็นนักแสดงในวงการบันเทิงอีกครั้ง
ดูเหมือนกับว่าตอนนี้ทุกอย่างจะสำเร็จแล้ว
แต่ว่าเธอกลับไม่มีความคิดที่จะกลับไปเป็นนักแสดงเลย
ตอนที่จี้หนานเฟิงเปิดประตูรถนั้น ก็หันกลับมามองเธอ
“เปลี่ยนเสื้อผ้าบนรถแล้วกัน”
“กระจกรถเป็นฟิล์มด้านเดียว ด้านนอกมองไม่เห็นข้างใน”
ซูสือเยว่พยักหน้า พอปิดประตูรถแล้วก็เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า
ด้านนอกรถ หลังจากที่หานหยุนกับจี้หนานเฟิงได้เจอกันก็กำลังคุยกันอยู่
ตอนที่ซูสือเยว่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วลงมาจากรถนั้น โทรศัพท์ที่อยู่ด้านข้างเธอก็ดังขึ้น
เป็นเบอร์ของฉินโม่หาน
เธอขมวดคิ้ว ตอนนี้ตัวตนของฉินโม่หานถูกลู่จิ่งเฉินสวมรอยอยู่ โทรศัพท์ของเขา ก็แสดงว่าลู่จิ่งเฉินกำลังใช้อยู่เหมือนกัน
ในเวลาแบบนี้ ลู่จิ่งเฉินโทรมาหาเธอทำไมกัน?
หรือว่ารู้แล้วว่าเธอหนีออกมาจากโรงพยาบาล?
หญิงสาวในป่า ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจรับสาย
“ฮัลโหล？”
“ซูสือเยว่”
เสียงของผู้ชายปลายสายนั้นเยือกเย็นมาก “ผมอยู่ที่โรงพยาบาล”
“แล้วคุณไปไหน？”
ซูสือเยว่ตัดริมฝีปาก เธอจำเป็นต้องโกหก
“ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดี ก็เลยออกมาเดินเล่นข้างนอก”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
ผู้ชายที่อยู่ปลายสายนั้นยิ้ม
“ถ้าเดินเล่นจนสบายใจเสร็จแล้วก็กลับมาหาผม”
“ผมทำเอกสารการหย่าเรียบร้อยแล้ว กลับมาดูหน่อย ถ้าเกิดว่าไม่มีปัญหาอะไรก็เซ็นได้เลย”
ซูสือเยว่หรี่ตา
“ทำไมถึงต้องหย่าให้ได้？”
“คุณก็ได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วผมไม่อยากให้คู่หมั้นของผมคิดมาก”
“แล้วการที่คุณพาเจียงหลีไปออกงานสังคมทุกวัน ไม่กลัวคู่หมั้นของคุณคิดมากเหรอ？”
