“เจียงหลี!”
ประตูลิฟต์ของโรงพยาบาลเปิดออก ลู่จิ่งเฉินก็รีบพุ่งออกมาจากลิฟต์ในทันที
พอรู้ว่าเจียงหลีมาหาซูสือเยว่ เขาก็รีบตามมาที่โรงพยาบาลในทันที
เพราะเขากลัวว่าเจียงหลีจะทำเรื่องอะไรที่เป็นการทำร้ายซูสือเยว่
แต่ว่าสิ่งที่ลู่จิ่งเฉินนึกไม่ถึงก็คือ……
ตอนที่เขาพุ่งมาในห้องผู้ป่วยของซูสือเยว่ จะได้เห็นภาพเหตุการณ์แบบนี้
เจียงหลีทุบตีจนหน้าบวมช้ำ นอนอยู่ที่พื้นไม่สามารถลุกขึ้นมาได้
และซูสือเยว่น้องสะใภ้ที่เขาเป็นห่วง กับเอนกายพิงหัวเตียงอย่างสบายๆ แล้วก็เอากระดาษทิชชูเช็ดเลือดบนใบหน้าของตัวเอง ยิ้มอย่างเยือกเย็นและก็มองเจียงหลีที่นอนอยู่ที่พื้น
“พูดมาสิ วันนั้นแกทำอะไรกับสามีของฉันฉินโม่หาน?”
เจียงหลีนอนอยู่ที่พื้น ร่างกายของตัวด้วยความเจ็บปวด แต่ว่าก็ยังคงพูดออกมาอย่างแข็งกร้าว
“วันนั้นฉันนอนกลับฉินโม่หาน!”
“ฉินโม่หานนั้นห้าวหาญมาก”
“เขา……”
“รนหาที่ตาย!”
หญิงสาวยังไม่ทันจะพูดจบ ซูสือเยว่ก็เตะไปอีกครั้ง เจียงหลีถูกเตะจนหน้าหงาย
แต่ว่าเธอก็ยังคงกัดฟัน แล้วก็พูดตอบด้วยใบหน้าที่ไม่ยอมแพ้
“เขานอนกับฉันไปด้วย เราก็บอกว่าฉันคือคนที่สวยที่สุดในโลก แถมยังให้ฉันเรียกเขาว่าสามีอีก เขา……”
“พลั่ก!”
ซูสือเยว่เตะอีกครั้ง เจียงหลีกระอักเลือดออกมา สุดท้ายเธอเจ็บปวดเกินกว่าที่จะทนได้ก็เลยยอมแพ้
“แกอยากให้ฉันพูดอะไรกันแน่!?”
“พูดความจริงที่เกิดขึ้นวันนั้น”
ซูสือเยว่ยิ้ม แล้วก็เปิดปากกาอัดเสียง
“สามีของฉัน ฉันรู้จักเขาดีที่สุด”
“แกบอกว่าแกเคยนอนกับเขา แต่ฉันก็เคยนอนกับเขาเหมือนกัน ฉันกับเขาเคยนอนด้วยกันมากกว่าแก”
“เขาเป็นคนที่ชอบพูดระหว่างที่ทำเรื่องอย่างว่าหรือไม่ หรือว่าชอบบังคับให้ผู้หญิงเรียกเขาว่าสามีตอนที่ทำเรื่องอย่างว่าหรือไม่ ฉันย่อมรู้ดีกว่าแกอยู่แล้ว”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น เธอก็หลุบตามองใบหน้าของเจียงหลีที่นอนอยู่ที่พื้น
“วันนี้ฉันให้ทางเลือกแค่สองข้อ”
“ข้อแรก คือเล่าความจริงเกี่ยวกับเรื่องวันนั้นให้ปากกาอัดเสียงของฉันฟังอย่างชัดเจน”
“อีกข้อหนึ่ง ก็คือนอนอยู่ที่นี่ แล้วก็ถูกฉันซ้อมจนตายวันนี้แหละ”
พอพูดจบ เธอก็คลี่ยิ้มอีกครั้ง
“คุณเจียง ฉันให้โอกาสแกได้เลือกแล้วนะ เลือกสิ”
กลิ่นอายของความเผด็จการราวกับพระราชาที่ออกมาจากตัวของผู้หญิงคนนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้เจียงหลีที่นอนอยู่บนพื้นตัวสั้นเท่านั้น แต่ก็ยังทำให้ลู่จิ่งเฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูตัวสั่นเหมือนกัน!
ก่อนหน้านี้เขายังไม่รู้จักซูสือเยว่ดี แค่เคยได้ยินมาจากหลิงซือยู่กับหลิงหรานเท่านั้น
พวกเขาบอกว่าซูสือเยว่เป็นคนที่ใจดีและอ่อนโยน ทั้งสวยและน่ารัก……
แต่ว่าตอนนี้ เขามองไปที่ผู้หญิงที่ดูดุร้ายที่อยู่ในห้อง แม้แต่หายใจดังเขายังไม่กล้า
นี่คือผู้หญิงที่อ่อนโยน ใจดี สวย น่ารัก ในสายตาของคนตระกูลเจี่ยนยังงั้นเหรอ?
พวกเขาเข้าใจผิดอะไรเกี่ยวกับคำพวกนี้หรือเปล่า?
แต่ว่า
แม้ว่าเจียงหลีจะถูกซูสือเยว่ทุบตีจนเป็นสภาพนั้นอยู่ในห้อง แต่ว่าลู่จิ่งเฉินก็ไม่ได้มีความคิดที่อยากจะเปิดประตูเข้าไป
ที่จริงแล้วเขาก็อยากจะรู้ให้ชัดเจนเหมือนกัน ว่าสรุปแล้วฉินโม่หานได้ทำเรื่องอย่างว่ากลับเจียงหลีหรือเปล่า
ดังนั้น ลู่จิ่งเฉินไม่ได้เพียงแค่ไม่เปิดประตูเข้าไปปกป้องเจียงหลี เขายังแม้แต่ห้ามเหมาะกับรปภที่พยาบาลเรียกมาช่วยเหลือเจียงหลีอีกด้วย
ในห้องนั้น
เจียงหลีรออยู่นานก็ไม่มีคนเปิดประตูเข้ามา
เธอกัดริมฝีปาก มองไปที่ใบหน้าดุร้ายของซูสือเยว่ที่อยู่ตรงหน้าของเธอในตอนนี้ แล้วก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
“ฉันบอกว่า……”
หญิงสาวกัดริมฝีปาก แล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากพื้น พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองซูสือเยว่
“วันนั้น……ยาของขงเนี่ยนโหรวเป็นของปลอม ฉันมองออก”
“หลังจากที่ฉินโม่หานถูกขงเนี่ยนโหรวจับขังไว้กับฉัน ก็ไม่ได้มีความคิดหรือการกระทำอะไรกับฉันเลย”
“แล้วฉันอยู่ตรงนั้นก็ไม่สามารถติดต่อขงเนี่ยนโหรวได้ ให้เธอเอายามาให้ฉันหน่อยก็ไม่ได้ ดังนั้นฉันก็เลยเอายานอนหลับให้ฉินโม่หานกิน”
คำพูดของเจียงหลี ทำให้ซูสือเยว่ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างรุนแรง
ถ้าเกิดว่าเธอจำไม่ผิด ตอนแรกที่จี้ว่านเชิ่งสลับยาที่ขงเนี่ยนโหรวยัดให้กับฉินโม่หาน ก็เป็นยานอนหลับเหมือนกัน
แล้วก็หมายความว่า ฉินโม่หานในวันนั้น ได้รับยานอนหลับไปทั้งหมดสองเม็ด……
เธอค่อยๆ หรี่ตาลง
มิน่าล่ะ วันนั้นตอนที่เธอไปถึง ฉินโม่หานถึงได้หลับสนิทไม่ตื่นขึ้นมาเลย
เจียงหลียังพูดอีกว่าเขาหลับเพราะว่าเหนื่อยจากกิจกรรมกับเธอ
แต่ว่าทุกครั้งหลังจากที่ฉินโม่หานเสร็จสิ้นกิจกรรมบนเตียง เขาจะเหนื่อยจนหลับไป หรือว่าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นคึกคัก ข้อนี้มีเพียงแค่ซูสือเยว่เท่านั้นที่รู้ดีที่สุด
คำพูดของเจียงหลีในวันนั้น ที่จริงแล้วมีช่องโหว่มากมาย
เพียงแค่ ตอนนั้นซูสือเยว่ถูกภาพเหตุการณ์ตรงหน้าโจมตีทำให้เสียสติสัมปชัญญะไป ถึงได้ถูกคำโกหกเพียงง่ายๆ ของเจียงหลีเล่นงานเข้า
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ “แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”
“หลังจากนั้น……”
เจียงหลีกัดริมฝีปาก แล้วก็มองออกไปหน้าห้องผู้ป่วย
มีเงาของคนคนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วย
เจียงหลีไม่รู้ว่าเงานั้นคือใคร แต่ว่าเธอรู้ดีว่า คนคนนั้นยืนอยู่ตรงนั้นนานมากแล้ว
และเขาก็ไม่ได้มีความคิดที่จะเข้ามาช่วยเธอ
ในเวลาแบบนี้ เจียงหลีทำได้เพียงแค่ช่วยเหลือตัวเองเท่านั้น
เธอกัดริมฝีปาก ตอบคำถามของซูสือเยว่ไปด้วย แล้วก็พยายามขยับร่างกายของตัวเองไปที่ประตูอย่างระมัดระวังไปด้วย
“หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่แกเห็น”
“ฉันถอดเสื้อผ้าของฉินโม่หาน แล้วก็ข่วนหลังของเขาจนเป็นรอย แล้วก็บอกแกว่ามันเกิดขึ้นตอนที่ฉันนอนกับฉินโม่หาน”
“แล้วฉันก็ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก ฉีกเป็นชิ้นและโยนทิ้งไปทั่ว สร้างภาพลวงตาว่าพวกเราบ้าคลั่งมาก”
“สุดท้าย ฉันก็ใช้โยเกิร์ตบีบกระจายไปทุกที่ เสแสร้งทำเป็นว่าพวกเราทำกันหลายครั้ง”
พอพูดจบ เธอก็ลุกขึ้นนั่ง แล้วก็มองหน้าซูสือเยว่อย่างยั่วยวน
“เป็นไง ฉันจัดแจงได้สมบูรณ์แบบมากเลยใช่ไหม?”
“สมบูรณ์แบบจนตอนนั้นแกเชื่ออย่างหมดใจ แม้แต่เป็นลมไปเลย”
“หลังจากที่แกเป็นลมไป ฉินโม่หานก็ตื่นขึ้นมา”
“เขายังตลกกว่าแกอีก ตอนที่เขาเห็นทุกอย่างในห้องนั้น แล้วก็เห็นแกที่นอนเป็นลม แม้แต่ไม่เชื่อใจตัวเองด้วยซ้ำ”
“เขานึกว่าเขาถูกวางยาจริงๆ แล้วก็ทำเรื่องอย่างว่ากับฉันในขณะที่ไม่ได้สติ”
“หลังจากนั้นเขาก็กอดร่างของแกที่หมดสติ ร้องเรียกแกอยู่นาน เหมือนหัวใจแตกสลาย……”
“เสียงนั้น ฉันยังคงจำได้อย่างดี”
“หลังจากนั้น เขาก็ไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไปอีกแล้ว ก็เลยไปสู้กับขงเนี่ยนโหรวอย่างสุดชีวิต”
“และหลังจากนั้น เขาก็แยกจากฉันไม่ได้”
พอพูดจบ เจียงหลีก็เลิกคิ้วและมองหน้าซูสือเยว่
“ฉันเกรงว่าตอนนี้แกก็ยังไม่เข้าใจ ว่าทำไมแกถึงเห็นว่าฉินโม่หานคบกับฉันในตอนนี้ใช่ไหม?”
“เห็นแกที่แกยังไม่รู้อะไรเลย ฉันจะบอกแล้วกัน”
“เพราะว่า……”
“ยาพิษที่อยู่ในร่างกายของฉินโม่หาน มีแค่ฉันที่มียาแก้”
พอเถอะพูดจบ ก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ฉันอยู่กับขงเนี่ยนโหรวมาหลายปีขนาดนั้น แกคิดว่าฉันเป็นแค่หุ่นเชิดของขงเนี่ยนโหรวจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?”
“ยาพิษของขงเนี่ยนโหรว ฉันแก้ได้หมดทั้งนั้นแหละ”
“ทุกวันนี้ที่ฉันให้ฉินโม่หาน ก็แค่ยาวันละเม็ด ที่สามารถทำให้เขาดำรงชีวิตได้แค่ไม่กี่วันเท่านั้น”
“ถ้าเกิดว่าขาดยาไปเมื่อไหร่ เขาก็จะตายทันที”
“นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเชื่อฟังฉัน”
คำพูดของหญิงสาว ทำให้ซูสือเยว่กัดริมฝีปากแน่น
ดังนั้น……
การที่ลู่จิ่งเฉินปลอมตัวเป็นฉินโม่หานและอยู่ข้างๆ เจียงหลี……
ก็เพราะว่าอยากจะได้ยาถอนพิษจากเจียงหลี ใช่ไหม?