ตอนที่ลั่วเยียนดึงสติกลับมาได้นั้น มีดที่เธอถือไว้ในมือก่อนหน้านี้นั้น ก็ได้ตกไปอยู่ในมือของลู่จื่อเหยาแล้ว
ในตอนนี้เอง ลู่จื่อเหยากำลังใช้มีดจ่อมาที่คอของลั่วเยียน สายตาของเธอส่องประกายความพึงพอใจ แต่ว่าเสียงที่พูดออกมานั้นกลับสั่น
“ลั่วเยียน เมื่อกี้เธอก็ทำกับฉันแบบนี้แหละ”
“เธอลองดูเอาแล้วกัน ว่ามันน่ากลัวแค่ไหน!”
ลั่วเยียนอึ้งไป ผ่านไปอยู่นานถึงได้ตระหนักได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ที่เธอ อาศัยโอกาสตอนที่เธอกำลังรู้สึกตื่นเต้น ลู่จื่อเหยาที่ภายนอกดูอ่อนแอ กลับหยิบมีดขึ้นมา จ่อมาที่คอของเธอ!
ภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ทำให้คิ้วของซูสือเยว่ขมวดเข้าหากันอย่างรุนแรง
ฉินหนานเซิงที่อยู่ข้างๆ เธอนั้นกับตื่นเต้นมากกว่าซูสือเยว่ซะอีก
“ ลู่จื่อเหยา!”
ฉินหนานเซิงขมวดคิ้วเข้าหากัน สายตาจ้องเขม็งไปที่มีดในมือของลู่จื่อเหยา
“เธอทำแบบนี้อาจทำให้ลั่วเยียนบาดเจ็บได้นะ!”
“วางลงเดี๋ยวนี้!”
ดวงตาของลู่จื่อเหยาหรี่ลงในทันที
นี่ฉินหนานเซิงช่วยพูดให้ลั่วเยียนอยู่อย่างนั้นเหรอ!
เมื่อกี้ตอนที่มีดของลั่วเยียนจ่ออยู่ที่คอของเธอนั้นฉินหนานเซิงก็ช่วยพูดให้เหมือนกัน แต่ว่ามันไม่ใช่แบบนี้!
ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะพูดอะไรหรือทำอะไร ฉินหนานเซิงจะอดทนและเป็นห่วงเธออย่างไม่มีข้อแม้!
แต่ว่าตอนนี้ เขากลับเริ่มเป็นห่วงลั่วเยียนแล้ว!
ทั้งๆ ที่ลั่วเยียนอยากจะฆ่าเธอ แล้วตอนนี้เธอโจมตีกลับ แต่ว่าตอนนี้ฉินหนานเซิงกลับกลัวว่าเธอจะทำร้ายลั่วเยียนอย่างนั้นเหรอ!?
งั้นก็ดี!
วันนี้เธอจะต้องทำให้ลั่วเยียนเจ็บตัวให้ได้!
พอคิดได้แบบนี้ หญิงสาวก็หรี่ตาลง แล้วก็ปาดมีดเข้าไปที่คอของลั่วเยียนเล็กน้อย
ใบมีดที่บางเฉียบปาดลงไปที่คอของลั่วเยียน เลือดของเธอไหลตามรอยมีดออกมา
ความเจ็บปวดที่หนักหน่วงทำให้ลั่วเยียนดิ้นรนต่อสู้โดยสัญชาตญาณ
อาศัยโอกาสตอนที่ลั่วเยียนต่อสู้นั้น ซูสือเยว่ก็หรี่ตาลง แล้วก็เตะตรงไปที่มีดในมือของลู่จื่อเหยา
“กึก——”
เสียงมีดหล่นลงที่พื้น
แต่ว่าหนึ่งวินาทีก่อนที่มีดจะตกลงที่พื้นนั้น ลู่จื่อเหยาได้ตระหนักได้ถึงการกระทำของซูสือเยว่ เธอนำซูสือเยว่ไปก่อนหนึ่งก้าว ใช้มีดปาดไปที่ไหล่ของลั่วเยียน ทำให้เป็นแผลรอยยาว
“ ลั่วเยียน!”
“ลู่จื่อเหยา!”
หลังจากที่ซูสือเยว่เตะมีดบินออกไปแล้ว ลั่วเยียนกับลู่จื่อเหยาก็ต้องล้มลงเพราะว่ายืนไม่เสถียร
ตอนที่ล้มลงนั้น ลู่จื่อเหยาเห็นความตั้งใจของฉินหนานเซิงที่จะพุ่งเข้ามาหาลั่วเยียน เธอก็เลยกลิ้งตัวสองรอบ เพื่อสลับตำแหน่งกับลั่วเยียน
ตอนที่ฉินหนานเซิงที่นั่งอยู่บนวีลแชร์พุ่งลงมานั้น ก็พุ่งเข้าไปหาลู่จื่อเหยาโดยตรง
และลู่จิ่งเฉินที่เตรียมจะไปรับลู่จื่อเหยาไว้นั้น ก็กอดลั่วเยียนเอาไว้แทน
บรรยากาศเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน
สุดท้าย ฟู๋เชียนเชียนก็ดูแลให้ทุกคนลุกขึ้นมา ประคองลั่วเยียนที่บาดเจ็บออกไป
ตำรวจก็เริ่มปกป้องที่เกิดเหตุ
ซูสือเยว่กับฟู๋เชียนเชียนพยุงลั่วเยียนซ้ายขวาเดินออกจากดาดฟ้า
วินาทีที่จะเดินออกไปนั้น ลั่วเหนียนก็หันหน้ากลับไปมองฉินหนานเซิง
เมื่อกี้เขารีบร้อนเกินไป พุ่งลงมาจากวีลแชร์ น่าจะเพราะว่าพุ่งลงมาแรงเกินไป เหมือนจะได้รับบาดเจ็บตรงไหนสักแห่ง
ตอนนี้ พนักงานสองคนกำลังพยุงเขากลับขึ้นไปนั่งบนวีลแชร์
และบนพื้นที่อยู่ห่างจากฉินหนานเซิง ลู่จิ่งเฉินกำลังกอดลู่จื่อเหยาอยู่ สำรวจบาดแผลของเธอไปด้วย พร้อมกับปลอบใจเธอไปด้วย
ลั่วเยียนหลับตาและหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
ฉินหนานเซิง นายต่ำต้อยรึเปล่า?
ลู่จื่อเหยาไม่ได้เพียงแค่มีคู่หมั้นแล้ว แต่พอได้รับบาดเจ็บก็ยังมีกลุ่มคนเป็นห่วง ดูแล
จำเป็นต้องให้คนที่เลิกรากันไปหลายปีอย่างเขามาเป็นห่วงเป็นใยอย่างนั้นเหรอ?
ทั้งๆ ที่เธอต่างหากที่เป็นคนที่อยู่บนทะเบียนสมรสของเขา
หัวใจของเขาเล็กขนาดนั้น
ให้เธอลั่วเยียนเข้าไปอยู่ในนั้นไม่ได้เลยใช่ไหม?
ต่อให้เธอไม่ใช่คนที่เขียนจดหมายไปมากับเขาในเมื่อปีนั้นก็ตาม แต่ว่าสิ่งที่เธอทุ่มเทให้กับเขาหลายปีที่ผ่านมา เขาตาบอดอย่างนั้นเหรอ?
ไม่เห็นเลยยังงั้นเหรอ?
ยิ่งคิดเธอยิ่งทุกข์ใจ แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างหยุดไม่ได้
น้ำตาที่เค็มและขมขื่นไหลลงบนบาดแผลที่คอและหัวไหล่ของเธอ เจ็บปวดสุดหัวใจ
แต่ว่าความเจ็บปวดพวกนี้ กลับเจ็บไม่เท่าหัวใจของลั่วเยียนในตอนนี้เลย
เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอ มันเจ็บปวดเหมือนกับโดนมีดกรีด
มีดที่ถูกซูสือเยว่เตะทิ้งไปเมื่อกี้นี้ ไม่ได้หล่นลงที่พื้น แล้วก็ไม่ถูกตำรวจเก็บไปเป็นหลักฐาน
แต่ว่ามีดเล่มนั้นมันอยู่ในหัวใจของเธอ แทงลึกเข้าไปในหัวใจของเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก
“ลั่วเยียน”
ทันใดนั้น เสียงของซูสือเยว่ก็ดึงลั่วเยียนกลับมาจากห้วงความคิดของเธอ
ตอนที่ดึงสติกลับมาได้นั้น เธอก็นั่งอยู่รถโรงพยาบาลแล้ว
ด้านนอกรถเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
จากหน้าต่างรถ เธอสามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าจะมีชาวไทยมุงเยอะ แต่ว่าส่วนใหญ่ก็เป็นนักข่าว
ลั่วเยียนหลับตาลงอย่างหมดหนทาง
สมน้ำหน้าเธอแล้ว
ก่อนหน้านี้ฉินหนานเซิงบอกว่าจะหย่ากับเธอ บอกว่าจะให้เธอกลับเข้าสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง
เธอคิดว่าเขาไม่อยากจะทำให้เธอลำบาก เธอก็เลยปฏิเสธอย่างสุดชีวิต
แต่ว่าเป็นแบบนี้ก็ดี……
ไม่ได้แค่เสียฉินหนานเซิงไป……
แต่หลังจากเกิดเรื่องวันนี้ขึ้นแล้ว เกรงว่าคนที่เมืองหรงคงจะรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เธอทำลงไปวันนี้ใช่ไหม?
วงการบันเทิง เกรงว่าเธอน่าจะกลับไปไม่ได้แล้ว
พอคิดได้แบบนี้ หญิงสาวก็คลี่ยิ้มออกมา แล้วก็หันไปมองซูสือเยว่ที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ไปเป็นสแตนด์อินมีข้อกำหนดอะไรบ้างเหรอ?”
“ไม่งั้นต่อไปฉันไปเป็นสแตนดฺอินกับเธอดีไหม? ”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว ในขณะที่ช่วยพยาบาลดูแลบาดแผลให้เธอ ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า
“เธอเลิกล้มความตั้งใจไปได้เลย ต่อไปฉันจะไม่เป็นสแตนด์อินอีกแล้ว”
“ฉันรับปากหานหยุนเอาไว้ ว่าถ้าเกิดว่าเขาช่วยฉันเสร็จแล้ว ฉันต้องได้รับตำแหน่งนักแสดงหญิงดีเด่นให้ได้”
ลั่วเยียนชะงัดไป แล้วก็หันไปมองฟู๋เชียนเชียน
ฟู๋เชียนเชียนรีบโบกมือในทันที
“อย่า อย่ามามองฉัน”
“ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนฉันจะเคยเป็นสแตนด์อินเหมือนกับสือเยว่ แต่ว่าฉันไม่ได้ทำตั้งนานแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นผู้จัดการนักแสดงฝึกหัดแล้ว”
“ฉันไม่สามารถพาเธอไปเป็นสแตนด์อินได้หรอก……”
ถูกฟู๋เชียนเชียนปฏิเสธอีกแล้ว
ลั่วเยียนถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม
“ถ้ายังงั้นหลังจากนี้ฉันก็คงต้องเป็นสแตนด์อินด้วยตัวเองแล้วล่ะ”
ความสามารถที่เธอมี ถ้าไปเป็นสแตนด์อิน ก็คงยังมีคนต้องการอยู่ล่ะมั้ง?
ฟู๋เชียนเชียนขมวดคิ้ว แล้วก็มองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ
“ลั่วเยียน ฉันรู้ว่าทำไมเธอถึงอยากเป็นสแตนด์อิน เธอคิดว่าถ้าเกิดว่าข่าววันนี้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว เธอจะเข้าไปในวงการบันเทิงไม่ได้อีก ใช่ไหม? ”
“แต่ว่า……”
ฟู๋เชียนเชียนกัดริมฝีปาก
“ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่มีบริษัทนายหน้าอีกต่อไปแล้ว แต่ฉันคิดว่า เธอก็คือคนของตระกูลฉิน สามีของเธอกับคนของตระกูลฉินไม่มีทางไม่สนใจเธอหรอก”
“ข่าวและวิดีโอในวันนี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อเธอมากนักหรอก”
“ต่อให้มันจะส่งผลกระทบมาก……เธอก็ไม่ได้จำเป็นต้องไปเป็นสแตนด์อินนะ”
“เธอก็เหมือนกับสือเยว่ ต่างก็เป็นคุณนายของตระกูลฉิน คงไม่ขาดเงินหรอกนะ?”
คำพูดของฟู๋เชียนเชียน ทำให้ลั่วเยียนอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
“คำพูดพวกนี้ของเธอ ถ้าสำหรับลั่วเยียนในอดีตนั้น มันมีประโยชน์จริงๆ ”
“แต่ว่า……”
เธอถอนหายใจออกมา “สำหรับลั่วเยียนในตอนนี้นั้น มันไม่มีประโยชน์อะไร”
พอพูดจบเธอก็หันไปมองซูสือเยว่
“สือเยว่ ฉันตัดสินใจแล้ว”
“ฉันจะหย่ากับฉินหนานเซิง”
เมื่อกี้ตอนที่เธอกลับลู่จื่อเหยาล้มลงที่พื้นพร้อมกันนั้น เขารีบพุ่งลงมาจากวีลแชร์ แต่ว่าทิศทางที่เขาพุ่งเข้าไปนั้น กลับเป็นลู่จื่อเหยา
เธอ ยังมีอะไรให้ต้องอาลัยอาวรณ์อีกเหรอ?