“ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงบอกว่าคู่หมั้นของเธอคือแด๊ดดี้ของพวกเราล่ะ!”
ในห้องเด็กชั้นสองของคฤหาสน์ลั่วเยียน ซิงเฉินดูข่าว แล้วก็โกรธจนกัดฟันกรอด
“ทั้งๆ ที่แด๊ดดี้ของพวกเราอยู่ในโรงพยาบาลชัดๆ !”
“เธอขโมยอุปกรณ์ช่วยชีวิตของแด๊ดดี้ของพวกเราไป แถมยังบอกว่าแด๊ดดี้ของพวกเราเป็นคู่หมั้นเธออีก เกินไปแล้ว!”
ซิงหยุนที่อยู่ด้านข้างถอนหายใจออกมา เขามองดูโปรแกรมถอดรหัสในคอมพิวเตอร์ไปด้วย แล้วก็ปลอบใจซิงเฉินไปด้วย
“เธอพูดแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นปกติ”
“ต้องรู้ว่า……”
“ตอนนี้ฝาแฝดของแด๊ดดี้ลู่จิ่งเฉิน ตัวตนภายนอกของเขาในตอนนี้ ก็คือแด๊ดดี้ของพวกเรา”
“พวกผู้ใหญ่ปกปิดเรื่องข่าวการป่วยของแด๊ดดี้ ก็เลยให้คุณลุงคนนี้ปลอมตัวเป็นแด๊ดดี้”
“เธอคือคู่หมั้นของลุงที่ปลอมตัวเป็นแด๊ดดี้ แล้วบอกว่าเป็นคู่หมั้นแด๊ดดี้ ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้”
“แต่ว่า……”
ซิงหยุนลูบคาง คิ้วเล็กๆ ก็ขมวดเข้าหากัน “แต่ว่าการที่เธอพูดแบบนี้ ทุกคนก็จะเข้าใจว่าเธอคือคู่หมั้นของแด๊ดดี้จริงๆ ”
“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป แล้วแด๊ดดี้ฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ เรื่องนี้ก็จะอธิบายได้ยากแล้ว”
คำพูดของเจ้าหนุ่มน้อย ทำให้ซิงเฉินรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
เขานอนลงบนโซฟา แล้วก็ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น
“ถ้ายังงั้นพี่ใหญ่ พี่ว่าผู้หญิงคนนี้อยากจะทำอะไรกันแน่?”
“เธอคิดว่าหลังจากทำลายความสัมพันธ์ของพี่ฉินหนานเซิงกับพี่สะใภ้ลั่วเยียนแล้ว ก็จะทำลายความสัมพันธ์ของแด๊ดดี้กับหม่ามี๊ด้วยใช่ไหม? ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่!”
ซิงกวงที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้างเบะปาก “ถ้าเกิดว่าเธออยากแยกแด๊ดดี้กับหม่ามี๊ออกจากกันจริงๆ ล่ะก็ น่าจะเพราะว่ามีความคิดอยากได้แด๊ดดี้”
“ถ้าเกิดว่าเธออยากได้แด๊ดดี้จริงๆ ล่ะก็……เธอคงไม่เอาที่อัดเสียงมาข่มขู่หม่ามี๊กับแด๊ดดี้หรอก เพราะว่าเธอต้องอยากให้แด๊ดดี้มีชีวิตอยู่ต่อ”
คำพูดของยัยสาวน้อย ทำให้คิ้วของซิงเฉินขมวดเข้าหากัน
เขาลุกขึ้นมาจากโซฟา “พอพูดแบบนี้……”
“เธอต้องการให้พี่สะใภ้ลั่วเยียนกับพี่ฉินหนานเซิงแยกกัน เพราะว่าเธอคือแฟนเก่าของพี่หนานเซิง”
“และการที่ให้หม่ามี๊ประกาศการตายของแด๊ดดี้ โอนทรัพย์สินทั้งหมดให้ลุง แล้วก็ประกาศให้ภายนอกรับรู้ว่าเธอคือคู่หมั้นของลุง……”
เจ้าหนุ่มน้อยกัดริมฝีปาก แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองลู่จื่อเหยาที่กำลังให้สัมภาษณ์อยู่
“ผู้หญิงคนนี้มีความทะเยอทะยานมากเลยนะ”
สิ่งที่เธอต้องการ มันใช่การที่ให้แด๊ดดี้เลิกกับหม่ามี๊ที่ไหนกัน?
สิ่งที่เธอต้องการ คือต้องการฮุบสมบัติของแด๊ดดี้ต่างหาก!
ฉินซื่อกรุ๊ป แล้วก็ชวงซิงกรุ๊ปที่เมืองนอก!
ซิงหยุนพยักหน้า “ที่จริงแล้วลู่จื่อเหยาเตรียมการมาสองอย่าง”
“อย่างแรกก็คือ เหมือนกับที่เธอพูดกับหม่ามี๊เมื่อวานนี้ ให้หม่ามี๊ทำตามที่เธอพูด ประกาศว่าแด๊ดดี้เสียแล้ว หลังจากนั้นก็โอนทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้ลุง”
“ส่วนอีกด้านหนึ่ง ก็คือถ้าเกิดว่าหม่ามี๊ไม่ยินยอมล่ะก็ ก็จะให้ลุงสวมบทบาทของแด๊ดดี้ หย่ากับหม่ามี๊ แล้วก็ประกาศอย่างเปิดเผยว่าเธอคือคู่หมั้นของเขา”
“แบบนี้ ถ้าเกิดว่าแด๊ดดี้ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้วจริงๆ ……ถ้ายังงั้นทุกสิ่งทุกอย่างของแด๊ดดี้ ก็จะกลายเป็นของพวกเขาสองคน”
“ชั่วร้ายจริงๆ เลย!”
ซิงกวงกัดฟันกรอดด้วยความโมโห “ตัวร้ายในละครเกาหลีทุกเรื่องที่หนูเคยดู ยังไม่เลวเท่าเธอเลย!”
“ดังนั้น”
ซิงหยุนก้มหน้ามองดูคอมพิวเตอร์ที่กำลังทำงานอยู่ “ก่อนคืนวันนี้ พวกเราต้องถอดเรื่องนี้ออกมาให้ได้ แล้วเอาเทปเสียงนั้นมา”
“ถ้าเกิดว่าแด๊ดดี้ฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ กับดักที่เธอวางแผนไว้ทั้งหมด มันสามารถแก้ไขได้”
……
โรงพยาบาล
ซูสือเยว่เฝ้าฉินโม่หานมาทั้งคืน
ค่ำคืนนี้ เธอเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอสามารถพูดได้ให้เขาฟัง
นี่อาจเป็นคืนที่เธอพูดมากที่สุดและยาวนานที่สุดในช่วงเวลานี้
เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงของเธอก็แหบมากจนไม่สามารถส่งเสียงดังได้
ทุกพยางค์ที่ออกมาจากปาก ติดอยู่ที่ลำคอของเธอเหมือนกับว่ามีอะไรมาขวางอยู่
แต่ว่าเธอก็ยังคงกุมมือฉินโม่หานไม่หยุด พูดไม่หยุด พูดต่อไปเรื่อยๆ
หน้าห้องผู้ป่วย จี้หนานเฟิงมองท่าทางของเธอผ่านกระจกบานใหญ่ สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะถ่ายวิดีโอพวกนี้ แล้วส่งให้จี้ว่านเชิ่ง
ในตอนนี้เอง จี้ว่านเชิ่งกำลังจัดการกับหนอนบ่อนไส้และสิ่งกีดขวางในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในคฤหาสน์ตระกูลจี้
แล้วคนที่อยู่กับเขาในตอนนี้ ก็คือหลิวหรูเยียนที่พึ่งจะฟื้นขึ้นมาได้ไม่นานนัก
หลิวหรูเยียนนั่งอยู่บนวีลแชร์ และคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอก็คือสามีที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปีเจี่ยนหมิงจง
ทั้งสามคนอ่านรายชื่อหนอนบ่อนไส้ในตระกูลจี้ ก็ถอนหายใจออกมา
“ใครจะไปนึกว่า สุดท้ายแล้วขงเนี่ยนโหรว จะเจอกับผลลัพธ์แบบนี้”
หลิวหรูเยียนถอนหายใจออกมาเงียบๆ แล้วก็จับมือเจี่ยนหมิงจงแน่น “ลูกสาวของพวกเรา เจอลูกเขยที่ดี ……”
เจี่ยนหมิงจงถอนหายใจและพยักหน้า “ใช่”
“ขงเนี่ยนโหรวบ้าระห่ำมาตลอดชีวิต คิดว่าจะสามารถควบคุมตระกูลเจี่ยนของพวกเราและตระกูลจี้ของพวกเขาได้ แต่ว่านึกไม่ถึงเลย……”
“ว่าสุดท้ายคนที่กำจัดเธอ ก็คือลูกชายของจี้ว่านเชิ่งกับลู่เนี่ยนโหรว”
“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนองแล้วล่ะ”
พอเห็นคู่สามีภรรยาเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย จี้ว่านเชิ่งก็กลอกตา “ที่ฉันให้พวกเธอมาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ ก็เพราะอยากจะมาให้ช่วยกันดู ว่าในใบรายชื่อนี้ พวกเธอรู้สึกว่ามันน่าสงสัยบ้างไหม”
“ทำไมกลายเป็นมาโชว์หวานต่อหน้าฉันไปได้?”
หลิวหรูเยียนเหลือบมองใบรายชื่อ “ฉันนอนไปนานเกิน ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่”
เจี่ยนหมิงจงไม่มองเลยแม้แต่นิดเดียว “ไม่ต้องมาถามฉัน ฉันถูกคนอื่นโยนเข้าไปอยู่ในภูเขาหลายปีเกินไป จะไปรู้ได้ยังไง? ”
จี้ว่านเชิ่งขมวดคิ้ว แล้วก็กลอกตาใส่พวกเขาทั้งสองคนอย่างจำใจ “ไม่ควรให้พวกเธอมาเลย!”
“ฉันควรจะให้เจี่ยนเฉิงมาแทน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลย แต่อย่างน้อยทักษะเขาก็ดี อยากน้อยก็คงช่วยฉันได้บ้าง!”
หลิวหรูเยียนยิ้ม “หมิงจงก็ทักษะดีเหมือนกัน ก็แค่ไม่สามารถช่วยนายเอาชนะคนอื่นได้เท่านั้นเอง”
จี้ว่านเชิ่งเบิกตาใส่เธอ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
เป็นวิดีโอที่หลานชายจี้หนานเฟิงส่งมาให้
เขาขมวดคิ้วแล้วเบิกวิดีโอ
ในวิดีโอนั้นเป็นห้องICUที่ฉินโม่หานพักอยู่
อีกด้านหนึ่งของกระจกบานใหญ่ เขาเห็นได้ว่า ซูสือเยว่นั่งอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าที่เหี่ยวแห้ง มือทั้งสองข้างกำมือฉินโม่หานแน่น และกำลังกระซิบพูดกับเขา
เสียงในวิดีโอนั้นมันเบามาก เขาฟังไม่ออกว่าซูสือเยว่พูดว่าอะไร แล้วก็เลยกดปุ่มเพิ่มเสียง
น่าจะเพราะว่ากดเร็วเกินไป เสียงวิดีโอก็ดังขึ้นทั้งห้องในทันที
เป็นเสียงที่แหบแห้งจนฟังไม่ชัดของซูสือเยว่
“ฉินโม่หาน นายฟตื่นขึ้นาเร็ว พวกเรายังมีลูกอีกสามคนนะ”
“ถ้าเกิดว่านายตายไป ฉันก็มีชีวิตต่อไปไม่ได้แล้ว ฉันจะไปกับนายด้วย”
“พอถึงเวลานั้น ลูกทั้งสามคนก็จะกลายเป็นเด็กกำ
พร้า นายทนดูได้เหรอ? ”
“ถ้าเกิดว่านายทนไม่ได้ ก็รีบตื่นขึ้นมาโอเคไหม? ”
“พวกเราสี่คนแม่ลูก ถ้าเกิดว่าไม่มีนาย มันคงไม่ได้……”
เสียงนี้ ทำให้หลิวหรูเยียนกับเจี่ยนหมิงจงที่ตอนแรกใบหน้าดูสงบนิ่ง กลายเป็นใบหน้าจริงจังขึ้นมาทันที
ทั้งสองคนรีบพุ่งเข้ามาในทันที——