สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 372 คุณทำเรื่องงี่เง่าอะไรกัน

“ลู่จื่อเหยา”

เห็นผู้หญิงที่อยู่ข้างๆไม่พูดอะไรออกมา ลั่วเยียนก็สูดหายใจเข้าลึกๆ สายตาเย็นชาไม่แยแส “เธอให้ฉันรับปากเรื่องของเธอฉันก็รับปากให้เธอได้ สิ่งที่ฉันต้องการมีเพียงแค่หลักประกันสักอย่างนึงจากเธอเท่านั้นเอง รับประกันว่าเธอจะคืนบันทึกเสียงให้กับซูสือเยว่ไปหลังจากที่ฉันทำเรื่องพวกนี้เสร็จสิ้นลงไปเรียบร้อยแล้ว”

พูดไปแล้วเธอก็ได้แสยะยิ้มเย็นออกมา “ทำไมเธอไม่พูดเลย? ไม่กล้าเหรอ?”

“ถ้าเธอไม่อาจรับประกันได้…งั้นฉัน…”

“ทำไมฉันจะรับประกันไม่ได้ล่ะ?”

ลู่จื่อเหยายิ้มเย็นออกมา หยิบกระดาษออกมาแผ่นนึง เขียนสิ่งที่ลั่วเยียนต้องการให้เธอทำลงไป

ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ เธอก็ได้แสยะริมฝีปากออกมา เขียนชื่อของตัวเองลงไปข้างบนไปด้วยท่วงท่าที่ดูสง่างาม

“เธอดูสิ ฉันเซ็นแล้ว”

“ขอเพียงแค่เธอทำตามสัญญา ไปหย่ากับฉินหนานเซิงเสีย แล้วก็ถอนตัวออกไปจากวงการบันเทิงตลอดกาล…”

“ฉันก็จะเอาบันทึกเสียงที่ซูสือเยว่ต้องการคืนหล่อนไป”

พูดจบ เธอก็เลิกสายตาขึ้นไปมองลั่วเยียนนิ่งๆ “ในเมื่อเธอรู้ว่าเมื่อเย็นวานฉันคุยอะไรกับซูสือเยว่ เธอเองก็จะต้องรู้ดีอยู่แล้วอย่างแน่นอนว่าฉันสามารถลดเงื่อนไขทั้งสองให้กลายมาเป็นข้อเดียวได้…”

“ทั้งหมดล้วนแล้วแต่จะเห็นแก่หน้าของเธอกับหนานเซิงทั้งนั้น”

ลั่วเยียนกัดริมฝีปากแน่น ไม่ได้พูดอะไร

เธอตรวจสอบเนื้อหาที่อยู่บนหน้ากระดาษแผ่นนั้นได้อย่างละเอียด หลังจากที่ยืนยันจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีข้อผิดพลาดอะไรแล้ว ก็ได้เซ็นชื่อตัวเองลงไปด้านบนไปด้วยความจริงจัง

เก็บสัญญาไปเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ได้สูดหายใจเข้าไปลึกๆ ก้าวขาก้าวใหญ่ๆเดินออกไป

“เธอจะเอาบันทึกเสียงคืนให้ซูสือเยว่ไปเพราะว่าหล่อนประกาศออกจากวงการไปจริงๆน่ะเหรอ?”

หลังจากที่ลั่วเยียนเดินออกไป ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากภายในห้อง หญิงสาวเอ่ยถามออกไปอย่างไม่แยแส

ลู่จื่อเหยาแสยะริมฝีปากออกมา

“เธอรู้ว่าลั่วเยียนผู้หญิงคนนี้มีท่าทีเป็นยังไงกับฉันเมื่อตอนนั้นหรือเปล่า?”

“ฉันหลอกหล่อนไปไม่ใช่ครั้งสองครั้งเสียหน่อย ฉันนั้นแม้แต่ว่าป่วยเป็นโรคระยะสุดท้ายคำโกหกจำพวกนี้ก็สามารถพูดออกไปได้ แล้วหล่อนก็เชื่อมันทั้งหมด…”

“แล้วครั้งนี้จะพลาด?”

เธอมองเงาร่างที่เดินออกไปของลั่วเยียน รอยยิ้มตรงมุมปากค่อยๆฉีกกว้างออกมา

เธอสามารถหลอกลวงลั่วเยียนไปโดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงความน่าเชื่อถือได้ แต่ถ้าลั่วเยียนประกาศออกสู่โลกภายนอกว่าจะออกจากวงการไปตลอดกาล…

เธอก็จะเข้าไปไม่ได้อีกแล้ว

พอคิดถึงผลลัพธ์นี้ขึ้นมาแล้ว ลู่จื่อเหยาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเป็นอย่างมาก

โลกนี้มันไม่ยุติธรรมเสียขนาดนี้

ลั่วเยียนมีสิทธิ์อะไรที่จะได้ครอบครองความรักระหว่างคนในครอบครัว ความรักจากคนรัก แล้วก็รูปลักษณ์หน้าตาและการงานที่เธอไม่อาจได้มา มาพร้อมๆกันได้ยังไง?

บางอย่างมันก็ติดมาตั้งแต่กำเนิดเธอก็ไร้หนทางที่จะเปลี่ยนแปลงมันไปได้

แต่ว่า…

หญิงสาวเลิกริมฝีปากขึ้นมาด้วยความไม่แยแส

เธอสามารถทำลายความสุขของลั่วเยียนได้

ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของลั่วเยียน

รอจนถึงตอนที่ลั่วเยียนเปลี่ยนมาสู้เธอไม่ได้แล้ว เปลี่ยนมาทำได้แค่เพียงคืบคลานอยู่ใต้เท้าของเธอไป

อย่างนั้นแล้วเธอก็จะเอาชนะโชคชะตาได้ เอาชนะความไม่ยุติธรรมของโชคชะตาได้!

คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เธอก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ ยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบชาที่ลั่วเยียนชงมาด้วยตัวเองไปคำนึงด้วยท่วงท่าที่สง่างาม

เมื่อตอนนั้นตอนที่ลู่จื่อเหยาออกจากเมืองหรงไป เรื่องที่น่าอิจฉาและริษยาที่สุดเลยมีสองเรื่องด้วยกัน

อย่างแรกคือใบหน้าสวยๆ การงาน ความรักระหว่างคนในครอบครัวและความรักของลั่วเยียน

อีกอย่างนึง…

ก็คือทรัพย์สมบัติที่ร่ำรวยจนสามารถแข่งกับทั้งประเทศได้เลยของฉินโม่หาน

ดังนั้นแล้วตอนที่อยู่ที่ต่างประเทศเธอเห็นลู่จิ่งเฉินเป็นครั้งแรกก็ถูกใจเขาเข้าทันที

เธอพยายามที่จะคิดหาทุกวิถีทางเพื่อวางแผนได้ลู่จิ่งเฉินมา คบหากับลู่จิ่งเฉิน เพื่อที่จะได้มีสักวันนึง…

ที่จะสามารถพาลู่จิ่งเฉินกลับประเทศไป และได้ให้ลู่จิ่งเฉินเข้าแทนที่ในตำแหน่งของฉินโม่หาน ให้เธอได้ทรัพย์สมบัติที่มหาศาลของฉินโม่หานมา

ก่อนที่จะกลับประเทศมาเธอเองก็เคยคิดมาก่อนว่า หลังจากที่เธอกลับประเทศไปแล้ว ฉินหนานเซิงกับลั่วเยียนก็คงจะแต่งงานกันไปแล้ว และได้กลายเป็นคู่ที่น่าอิจฉาคู่หนึ่ง

แต่นึกไม่ถึงว่า…

ระหว่างทั้งสองคนนี้ในช่วงหลายปีมานี้ไม่มีความคืบหน้าเลยสักนิดเดียว

เปราะบางอย่างมาก

นึกถึงเรื่องพวกนี้แล้ว เธอก็แสยะริมฝีปากออกมา หันหน้าไปมองผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังไปด้วยน้ำเสียงที่ประดับไปด้วยความสบายๆอยู่หลายส่วน

“ชิงโยว ต้องขอบคุณเธอที่เอาข้อมูลพวกนี้มาให้ฉัน”

“ถ้าไม่ได้เธอล่ะก็…ฉันออกไปจากเมืองหรงมานาน จึงไม่ได้รู้ถึงสถานการณ์ของพวกเขาได้มากพอเลยจริงๆ”

หยางชิงโยวยิ้มออกมาจางๆอยู่ที่ข้างๆ

“พูดขอบคุณอะไรกับฉันกัน”

“ฉันก็แค่…”

เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย

“มันก็แค่เพื่อแก้แค้นเท่านั้นเอง”

เมื่อตอนนั้นที่เมืองสตัฟฟ์  ซูสือเยว่ได้ทำให้เธอเสียหน้า เธอจะต้องเอาคืนมาให้ได้!

……

สิบโมงเช้า

ข่าวใหญ่ที่สะเทือนวงการข่าวนึงที่ได้ระเบิดไปทั่วแพลตฟอร์มเครือข่ายยักษ์ใหญ่ในทุกๆสำนักในเมืองหรง

อดีตนักแสดงหญิงดีเด่นลั่วเยียน หลังจากที่เมื่อวานได้ใช้มีดมาจี้บังคับอดีตเพื่อนสนิทที่ร้านอาหารแล้ว…

ก็ได้เลือกที่จะออกจากวงการไป

เธอนั่งลงอยู่ที่หน้าจอ ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนและใจเย็น

“ทุกท่าน เพราะว่าเรื่องบางอย่างในช่วงนี้ฉันคิดว่าฉันไม่เหมาะที่จะเป็นบุคคลสาธารณะที่จะกลายเป็นแบบอย่างให้กับเยาวชนอีกต่อไปแล้วจริงๆ”

“ดังนั้นแล้วฉันจึงตัดสินใจที่จะออกจากวงการบันเทิง”

หลังจากประโยคที่เรียบง่ายแค่ไม่กี่ประโยค เธอก็ได้ลุกยืนขึ้นมา โค้งตัวให้กับทางหน้าจอไปอย่างจริงจัง แล้วก็ได้เลิกตาขึ้นมามองหน้าจอใหญ่ไปด้วยรอยยิ้ม

“ทุกท่าน ลาก่อนค่ะ”

คลิปสั้นๆไม่ถึงหนึ่งนาที ประกาศการตกต่ำลงมาของอดีตนักแสดงหญิงดีเด่น

คนที่เคยเป็นแฟนคลับของลั่วเยียนได้น้ำตาไหลพรากกันออกมาทันที

ทุกคนที่อยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตล้วนแล้วแต่จะเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างบ้าคลั่งกันขึ้นมา

มีบางคนที่คิดว่าเธอสมควรที่จะได้รับมันแล้ว มีบางคนที่ด่าว่าเธอ มีบางคนที่รู้สึกเห็นใจเธอ คิดว่าเรื่องเมื่อวานมันไม่ถึงกับต้องทำอย่างนี้…

ถึงขนาดที่ยังมีคนที่เริ่มทำนายกันในเน็ต บอกว่าเพราะว่าครั้งนี้ลั่วเยียนได้เผชิญเข้ากับความรักที่น่าเจ็บปวดจนทำให้สิ้นหวังขึ้นมา ไม่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เดินออกมาจากความสิ้นหวังในด้านความรักออกมาได้หรือเปล่า…

ในฐานะที่เป็นตัวเอกของเหตุการณ์นี้ ลั่วเยียนในตลอดเวลานี้เองได้กำลังนั่งอยู่ภายในห้องรับแขกในตัววิลล่าของตัวเอง ดูข่าวไปพลาง ฟังเด็กน้อยทั้งสามคนพูดกันเสียงดังจอแจอยู่ที่ข้างๆไปพลาง

“พี่สะใภ้ลั่วเยียน พี่ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้เลย!”

“ก่อนที่พี่ทำอย่างนี้ไปทำไมไม่ถามพวกเราดูสักหน่อยเลยล่ะ?”

“ถึงแม้ว่าจะไม่ถามพวกเรา ก็ต้องลองถามหม่ามี้ของพวกเราดูสักหน่อยสิ!”

“พวกเรารู้ว่าพี่สะใภ้ทำลงไปด้วยความหวังดีกับหม่ามี้ของพวกเรา แต่ว่าพี่สะใภ้ไม่ถามหม่ามี้ดูเลยสักหน่อย รู้ได้ยังไงว่าหม่ามี้ต้องการหรือไม่ต้องการกันล่ะ?”

“พี่สะใภ้เอาการงานในอนาคตของพี่สะใภ้เดิมพันเข้าไปอย่างนี้แล้ว ถ้าหลังจากนี้พี่สะใภ้รู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมา พวกเราทั้งบ้านก็จะติดค้างพี่สะใภ้กันไปหมด”

“พี่สะใภ้ลั่วเยียน ถือโอกาสที่ตอนนี้ยังสามารถถอนคำพูดกลับมาได้อยู่ รีบถอนคลิปกลับมาเถอะนะ!”

“…”

ลั่วเยียนลุกยืนขึ้นมา ชำเลืองมองเด็กน้อยทั้งสามคนที่พูดบ่นอยู่ที่ข้างหลังไปนิ่งๆ

เธอแสยะริมฝีปากออกมา หยิบไวน์แดงขึ้นมาจิบไปคำนึง

“พ่อแม่ของพวกเธอแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่พูดมากเหมือนกับพวกเธออย่างนี้เลย”

“พวกเธอเหมือนใครกันเนี่ย?”

ซิงเฉินเบ้ปากออกมา พยายามคิดอย่างเอาจริงเอาจังอยู่สักพักนึง “ก็คงจะเหมือนคุณตาล่ะมั้ง”

ซิงหยุนย่นคิ้วออกมา “เหมือนใครไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญคือพี่สะใภ้ลั่วเยียน ชีวิตการทำงานของพี่สะใภ้…”

“จะเป็นอะไรก็ช่างมันไปสิ”

ลั่วเยียนหลับตาลงพลางยิ้มขมขื่นออกมา

เธอหลับตาลงเต้นรำโยกย้ายไปมาอยู่บนพื้นห้องรับแขกไปพลาง แสยะยิ้มเยาะหยันออกมาพลาง “ฉันเข้าวงการไปได้ก็เพราะว่าเมื่อตอนนั้นลู่จื่อเหยาบอกว่าเธอป่วยระยะสุดท้าย ฉันก็เลยไปรับจ๊อบทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหาเงินมาให้เธอ”

“ด้วยเหตุนี้ฉันจึงสามารถที่จะกลายมาเป็นนักแสดงหญิงดีเด่นได้ ทั้งหมดก็ล้วนแล้วจะเป็นฉินหนานเซิงที่ยื่นมือเข้าสนับสนุนฉัน…”

“ในทุกๆก้าวที่ฉันอยู่ในวงการบันเทิงนั้น ทั้งหมดก็มีความเกี่ยวข้องกับทั้งสองคนนี้ทั้งนั้นเลย”

“อย่างนั้นแล้วทำไมฉันจะต้องอยู่ในที่ที่จะทำให้ต้องเสียใจอย่างวงการบันเทิงนี้ต่อไปอีกทำไมกันล่ะ?”

เสียงพูดของเธอได้หลุดออกมา เสียงทุ้มเย็นของผู้ชายได้ดังขึ้นมาที่ตรงหน้าประตู

“คุณเข้าวงการบันเทิงไปเป็นเพราะว่าคุณชอบการถ่ายละคร”

“คุณดังขึ้นมาได้ ไม่ได้พึ่งการสนับสนุนจากคนอื่น มันเป็นความสามารถของตัวคุณเอง”

ฉินหนานเซิงนั่งอยู่บนรถเข็นปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตู

“ลั่วเยียน คุณทำเรื่องงี่เง่าอะไรขึ้นมา?”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset