ลั่วเยียนตื่นตกใจออกมา
เธอนึกไม่ถึงว่าฉินหนานเซิงจะมาในตอนนี้ได้
ถือโอกาสใช้พลังของแอลกอฮอล์ เธอมองชายคนตรงหน้าไปนิ่งๆใบหน้านี้เธอเคยหลงใหลที่สุด
“ฉันทำเรื่องงี่เง่ายังไง?”
“ชีวิตของฉันเอง ฉันจะเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง”
เธอพูดไปพลาง เดินเข้าไปนิ่งๆไปพลาง เกี่ยวตรงกรามล่างของฉินหนานเซิงขึ้นมาอย่างไม่จริงจังนัก
“ฉินหนานเซิง เมื่อก่อนหลากหลายเรื่องฉันก็ได้เชื่อฟังคุณมาทั้งนั้น”
“ฉันคิดว่าคุณคือคนที่ฉันรักมากที่สุด เป็นท้องฟ้าของฉัน เป็นพระอาทิตย์ของฉัน แล้วฉันก็จะต้องโคจรรอบตัวคุณ”
“คุณเปิดบริษัทโมเดลลิ่ง ต้องการนักแสดงหญิงดีเด่นสักคนนึง ฉันก็เลยพยายามตั้งใจเรียนสุดชีวิต ในทุกๆวันก็เอาแต่ศึกษาว่าจะถ่ายละครยังไงไปตลอดทั้งวันทั้งคืน”
“ฉันไม่ได้มีประกาศนียบัตรที่ได้เรียนจบจากทางด้านนี้โดยตรง แต่เพื่อให้ลู่จื่อเหยาได้รักษาตัวแล้ว ฉันก็ได้หยุดเรียนไปทำงานพาร์ทไทม์”
“ในวงการนี้ฉันเดินไปอย่างยากลำบากมากแค่ไหน มีเพียงแค่ตัวฉันเองเท่านั้นที่รู้ดี”
“ตอนที่เริ่ม ฉันทำงานไปก็เพื่อให้ลู่จื่อเหยาได้รักษาตัว แต่หลังจากที่ลู่จื่อเหยาเดินออกไปแล้ว ฉันยังพยายามทำงานอยู่”
“ถึงขนาดที่พยายามหนักกว่าเมื่อก่อนเสียอีก คุณรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร?”
เธอมองหน้าของชายหนุ่ม รอยยิ้มตรงมุมปากได้เปลี่ยนมากำเริบเสิบสานมากขึ้นกว่าเดิม “ฉันอยากจะทำให้คุณมีความสุขไง”
“คุณเคยบอกว่าคุณไม่อยากจะสืบทอดทรัพย์สมบัติของตระกูลฉิน เงื่อนไขสุดท้ายที่อาเล็กของคุณกับพ่อของคุณให้กับคุณมาคือให้คุณสร้างกิจการของตัวคุณเองมาภายในช่วงหลายปีนี้ขึ้นมา”
“คุณบอกว่าคุณอยากจะเปิดบริษัทโมเดลลิ่ง คุณบอกว่าคุณอยากจะปั้นให้ฉันดัง ให้ฉันกลายเป็นตัวทำเงินของบริษัทของคุณ”
“ฉันเลยพยายามทำงานอย่างหนัก พยายามถ่ายละครให้ดี”
“ปีนึงมีสามร้อยหกสิบห้าวัน ฉันมีสามร้อยหกสิบวันที่ต้องหมกตัวอยู่ในกองถ่ายตลอด”
“สุดท้าย ฉันก็ได้คว้านักแสดงหญิงดีเด่นมาให้คุณได้ ทำให้คุณสามารถเชิดหน้าชูตาอยู่ต่อหน้าอาเล็กกับคุณพ่อของคุณได้”
“แต่คุณให้อะไรกับฉันล่ะ?”
เธอมองเขา สายตาค่อยๆเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขึ้นมาช้าๆ
“สิ่งที่คุณให้ฉันมา ก็คือในทุกครั้งที่คุณดื่มเหล้า พอเมาแล้วก็จะต้องเอ่ยถึงชื่อของลู่จื่อเหยาขึ้นมาเสียทุกครั้ง”
“มันเป็นความไม่เชื่อมั่นของคุณ คุณมักจะคิดอยู่ตลอดว่าเมื่อตอนนั้นคนที่ติดต่อกับคุณทางจดหมายคนนั้นเป็นลู่จื่อเหยา ฉันเพียงแค่เคยอ่านเนื้อหาที่คุณคุยกับลู่จื่อเหยามาก่อนเท่านั้น แล้วเป็นคนที่เลียนแบบลายมือของลู่จื่อเหยาเอาเท่านั้น”
“คุณให้ฉันทำอะไร ฉันก็ทำทุกอย่าง”
“คุณให้ฉันดูแลซูสือเยว่ ฉันก็ดูแลซูสือเยว่”
“คุณให้ฉันออกห่างจากจี้หนานเฟิงสักหน่อย ฉันก็ออกห่างจากจี้หนานเฟิง”
เธอมองหน้าของฉินหนานเซิง แสงสว่างในดวงตาค่อยๆเปลี่ยนจากความชอบที่มีต่อเขาไปเป็นความโกรธและได้เปลี่ยนเป็นความเกลียด
“เพื่อคุณแล้ว ฉันไปช่วยซูสือเยว่ จนสุดท้ายก็ได้ประสบเข้ากับเรื่องอย่างนั้น ฉันสูญเสียความบริสุทธิ์ของตัวเองไป”
“คุณมันดีมากเลยจริงๆ คุณใช้โอกาสตอนที่ฉันอยู่ในอาการโคม่า แต่งฉันเข้าบ้านไป มอบชื่อเสียงสถานะให้ฉัน ให้ฉันไม่ต้องเจอกับคำพูดเสียๆหายๆเพราะเรื่องนี้”
“แต่ต่อจากนั้นล่ะ?”
“หลังจากที่ฉันฟื้นขึ้นมา คุณก็เริ่มไล่ฉันออกไป”
“ฉันไม่ตกลง คุณก็ไม่มาเจอฉันเลย ลงโทษฉัน”
“ฉันนึกว่าคุณอยากจะหย่ากับฉันเป็นเพราะว่าขาของคุณไม่ดี คุณก็เลยไม่อยากทำให้ฉันต้องลำบาก ก็เลยให้ฉันออกไป”
“ฉันยังตัดสินใจเด็ดขาดไปว่าไม่ว่าจะยังไงฉันก็จะต้องช่วยคุณให้ได้ รักษาขาของคุณให้หายให้ได้”
“แต่ว่า…”
เธอมองเขาพลางยิ้มเย็นออกไป “ถึงตอนที่ลู่จื่อเหยากลับมาแล้ว ตอนที่คุณไปเจอลู่จื่อเหยาครั้งแรก”
“ฉันถึงได้เข้าใจอย่างชัดเจน”
“ว่าที่แท้ที่คุณหย่ากับฉันก็เป็นเพราะลู่จื่อเหยานั่นเอง”
“คุณรู้สึกผิดกับลู่จื่อเหยาของคุณ ถูกมั้ยล่ะ?”
พูดจบ เธอก็ได้ปล่อยกรามล่างของฉินหนานเซิงไปอย่างแรง
“เมื่อก่อนฉันใช้ชีวิตอยู่เพื่อคุณมานานมาก เหนื่อยเกินไปแล้ว”
“ดังนั้นแล้วตอนนี้ฉันอยากจะยอมแพ้แล้ว”
“หย่ากับคุณ ถอนตัวออกไปจากวงการบันเทิง”
“ออกไปจากคุณ และก็ออกไปจากการมีชื่อเสียงที่คุณเคยสร้างมาให้กับฉัน”
“ต่อจากนี้ไปฉันจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณเลยแม้แต่นิดเดียว”
พูดจบ เธอก็สูดหายใจเข้าลึก กระชากสร้อยคอที่ทำใจถอดออกไปไม่ลงที่สวมอยู่บนลำคอมาโดยตลอด เป็นสร้อยที่ฉินหนานเซิงมอบให้เธอมาออกมาทันที
สร้อยเส้นนั้นทั้งบางและสวยมาก นาทีที่ถูกกระชากออกมา ก็ได้ขาดเป็นสองท่อนไปทันที
ลั่วเยียนโยนสร้อยคอลงไปบนพื้น
“ฉินหนานเซิง ตั้งแต่วันนี้ไปฉันจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวฉันเอง”
“คุณชอบใคร ไม่ชอบใคร ล้วนแล้วแต่จะไม่เกี่ยวกับฉันทั้งสิ้น”
“ฉันจะทำเรื่องงี่เง่าขึ้นมาหรือไม่ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ!”
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ เดินอ้อมฉินหนานเซิงไปทางด้านหลังเขาแล้วเปิดประตูห้องออกมา
จากนั้นเธอก็ใช้ความเร็วที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เข้าไปเปลี่ยนทิศทางรถเข็นของฉินหนานเซิงเข็นออกไปด้านนอกประตูทันที
ประตูห้องถูกปิดลงเสียงดัง “ปัง”
ตัวของลั่วเยียนได้พิงเข้ากับบานประตูไปเหมือนกับคนที่กำลังหมดแรง ทั้งร่างได้ไถลลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
ด้านนอกประตูได้มีเสียงเคาะประตูของฉินหนานเซิงดังขึ้นมา
“ลั่วเยียน!”
“คุณบ้าไปแล้วเหรอ?”
“คุณเปิดประตูออกมานะ!”
เธอปิดหูเอาไว้ไม่ฟัง
สุดท้ายหญิงสาวก็ได้ทรุดนั่งลงไปกับพื้น ปิดหูเอาไว้ น้ำตาไหลพรากลงมา
เธอควรจะรู้สึกยินดีขึ้นมาที่เมื่อกี้เธอได้ดื่มเหล้าไป
เหล้าทำให้คนขี้ขลาดใจกล้าขึ้นมา คำพูดประโยคนี้มันเป็นความจริงจริงๆด้วย
ถ้าไม่ถือโอกาสตอนที่เมาอยู่ ด้วยนิสัยของเธอแล้ว ก็คงทำเรื่องที่ไร้ความปรานีขนาดนี้กับฉินหนานเซิงออกไปไม่ได้เลยจริงๆ
บนโซฟาที่อยู่ด้านในประตู ซิงหยุนซิงเฉินซิงกวงเด็กน้อยทั้งสามคนพากันมองหน้ากันไปมา
หลังจากที่ผ่านไปได้สักพักนึง ซิงเฉินก็ได้สูดหายเข้าลึกๆ ก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างๆลั่วเยียน จากนั้นก็นั่งลงไปข้างๆ
“พี่สะใภ้ลั่วเยียน บ่าของผมสามารถให้พี่ซบได้นะครับ”
ได้ยินเสียงอ่อนเยาว์ที่จงใจแสร้งดัดเป็นเสียงผู้ใหญ่มาอีกทีของเด็กน้อยแล้ว ลั่วเยียนก็หยุดร้องไห้แล้วหลุดหัวเราะออกมา
เธอกอดซิงเฉิน แล้วเอาหัวซุกลงไปบนบ่าเล็กๆของเขา
“ขอบคุณเธอนะ”
“แต่จากนี้ไปเรียกฉันว่าคุณน้าลั่วเยียน อย่าเรียกฉันว่าพี่สะใภ้เลย”
ซิงเฉินถอนหายใจออกมา “โอเคครับ คุณน้าลั่วเยียน”
เห็นว่าอารมณ์ของลั่วเยียนค่อยๆกลับมาสงบลงเพราะซิงเฉินขึ้นมาแล้ว ซุนหยุนก็ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา แล้วก็ได้แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาเงียบๆ บันทึกภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าส่งไปให้ซูสือเยว่
“หม่ามี้ ผมรู้ว่าตอนนี้หม่ามี้ยุ่งมาก แต่ว่า…เรื่องทางนี้หม่ามี้ก็ยังจะต้องใส่ใจสักหน่อยนะครับ”
“คุณน้าลั่วเยียนได้กลายมาเป็นอย่างนี้ไปเพราะว่าสิ่งที่ผู้หญิงเลวๆคนนั้นพูดกับหม่ามี้เมื่อเย็นวาน”
ส่วนซิงกวงกลับก้าวเดินขึ้นไปชั้นบนไปทันที
บนหน้าจอคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับความคืบหน้าในการแฮกบัญชีลู่จื่อเหยาคนนั้นได้ดำเนินมาถึง90เปอร์เซ็นต์แล้ว
จอเพียงแค่ผ่านไปอีกสักหนึ่งชั่วโมง…
พวกเขาก็จะสามารถเอาบันทึกเสียงที่อยู่ในWeb Driveชุดนั้นมาได้!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง เครื่องบินของจี้ว่านเชิ่งก็ได้ลงจอดที่สนามบินเมืองหรงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้านนอกสนามบินลู่จิ่งเฉินได้ยืนอยู่ที่ตรงทางออก กำลังรอการปรากฏตัวของจี้ว่านเชิ่งไปด้วยความวิตกกังวล
ถึงแม้ว่าอายุของเขาตอนนี้จะไม่น้อยแล้ว แต่จี้ว่านเชิ่งพ่อคนนี้นั้น…
เขาเพิ่งจะเคยเจอมาแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง
ครั้งนี้ นับว่าเป็นครั้งที่สองที่เขากับจี้ว่านเชิ่งได้เจอหน้ากัน
จะบอกว่าไม่ตื่นเต้นเลย มันก็โกหก
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อความน่าเกรงขามของตัวเอง และก็เพื่อภาพลักษณ์ของฉินโม่หาน จึงทำได้แค่เพียงฝืนเหยียดหลังตรงปิดซ่อนความตื่นเต้นทั้งหมดของตัวเองเอาไว้
เพียงไม่นานตรงสุดทางออกก็ได้ปรากฏเงาร่างของจี้ว่านเชิ่งกับเจี่ยนหมิงจงสองสามีภรรยาออกมา
ลู่จิ่งเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็รีบสาวเท้าก้าวใหญ่ๆเข้าไปข้างหน้า
“คุณพ่อ!”
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ มองจี้ว่านเชิ่งแล้วเอ่ยปากพูดออกไป
จี้ว่านเชิ่งส่งเสียงเฮอะเสียงเย็นออกมา
ตรงเข้ามาฟาดลงไปบนใบหน้าของลู่จิ่งเฉิน เสียงดัง “เพี้ยะ——!” ไปทีนึง