ร่างของลู่จิ่งเฉินช็อกตะลึงไปอย่างจัง
เขามองลู่จื่อเหยาที่อยู่ตรงหน้า ในทันใดนั้นเองก็รู้สึกเหมือนเธอเป็นคนแปลกหน้ามาก
ทั้งๆที่พวกเขาก็คบกันมาห้าหกปีแล้ว
ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแต่ไหนแต่ไรมาจะไม่ได้คืบหน้าไปกว่านี้ แต่…
เขาก็คิดอยู่เสมอว่าตนคงจะเป็นคนที่รู้จักลู่จื่อเหยาดีที่สุดคนนั้น
แต่ว่าตอนนี้เขามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ จู่ๆก็คิดว่าตนเหมือนจะไม่เคยได้รู้จักเธออย่างแท้จริงมาก่อนเลย
ชายหนุ่มหลุบตาลงจ้องมองลู่จื่อเหยาไปนิ่งๆ
“แต่ว่านะจื่อเหยา ทุกสิ่งทุกอย่างของฉินโม่หาน มันเป็นสิ่งที่ฉินโม่หานสมควรได้รับมาทั้งนั้น”
ตลอดช่วงนี้มาเขาได้เรียนรู้ว่าจะจัดการกับงานของฉินซื่อกรุ๊ปกับชวงซิงกรุ๊ปยังไงให้เหมือนอย่างฉินโม่หานอยู่อย่างไม่หยุดหย่อน
ถึงแม้ว่าเขาจะทุ่มเทความพยายามไปเป็นสิบเท่าจากที่ตนเคยบริหารห้างสรรพสินค้าเล็กๆมา ทุกๆวันนอกจากกินข้าวนอนแล้วก็ยังต้องเรียนรู้อยู่ด้วย เขายังคงคิดว่ามันยังเหลือบ่ากว่าแรงอยู่
ลู่จิ่งเฉินยากจะจินตนาการออกมาได้เลยว่าฉินโม่หานนั้นนอกจากจะสามารถจัดการงานพวกนี้ได้เหมือนกับปอกกล้วยเข้าปากแล้วยังสามารถคบหาอยู่กับซูสือเยว่ได้ เพลิดเพลินกับชีวิตครอบครัวอยู่ร่วมกันกับทั้งสามซิงได้ยังไง
ช่วงเวลาที่เขาได้เข้ามาลิ้มลองชีวิตของฉินโม่หานด้วยตัวเองยังไม่ถึงเดือน เขาก็แบกรับภาระหนักจนร่างกายและจิตใจแทบจะพังครืนไปหมด
ดังนั้นแล้วในตอนนี้ ในตอนที่ลู่จื่อเหยาพูดว่าฉินโม่หานได้รับสิ่งเหล่านี้มาสบายๆ เขาคิดว่ามันไม่มีเหตุผลเลย รู้สึกว่ามันน่าตลก
มีเพียงคนที่เข้าไปนั่งในตำแหน่งของฉินโม่หานอย่างแท้จริงเท่านั้นถึงจะรู้ว่าฉินโม่หานคนนี้สุดยอดมากแค่ไหน
…นี่เป็นเรื่องที่ชั่วชีวิตนี้เขาก็คงจะไม่มีทางทำมันได้
คิดถึงตรงนี้แล้ว ลู่จิ่งเฉินก็สูดหายใจเข้าไปลึกๆ
“จื่อเหยา สิ่งที่คนแต่ละคนสามารถได้รับมันมาได้ ล้วนแล้วแต่จะต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเองทั้งนั้น”
“ความสามารถของฉินโม่หานมันสุดยอดกว่าผมมากจริงๆ ดีกว่าผมมาก”
“ผมไม่คิดว่าบนโลกนี้มันจะมีอะไรที่มันไม่ยุติธรรม”
สันนิษฐานว่า ในตอนที่ฉินโม่หานเริ่มทำงานพวกนี้ช่วงแรกๆ ก็คงจะทำอะไรไม่ถูกด้วยเหมือนกันล่ะมั้ง?
เขาคงจะผ่านความพยายามอย่างหนักด้วยเหมือนกันกว่าจะมาถึงจุดที่เขายืนในวันนี้ได้
ตลอดช่วงเวลานี้เขาเองก็ได้ยินอดีตเกี่ยวกับฉินโม่หานมาเยอะมากเหมือนกัน
ในตอนที่เขาเพิ่งจะเข้ามารับช่วงต่อฉินซื่อกรุ๊ปแรกๆ ฉินซื่อกรุ๊ปได้ถูกพ่อของฉินหนานเซิงบริหารจนใกล้จะล้มละลายไปแล้ว และก็เป็นฉินโม่หานที่พลิกสถานการณ์กลับมาได้ ดึงฉินซื่อกรุ๊ปกลับมาจากขอบเขตที่จะล้มละลายมาได้
ส่วนชวงซิงกรุ๊ปนั้น…
นั่นก็เป็นที่ที่ฉินโม่หานเข้าไปสู้รบเพื่อที่จะได้มาครอบครองมาทีละนิดๆทั้งหมด
เขาตั้งชื่อชวงซิงกรุ๊ปว่าซวงซิง เป็นเพราะว่าตอนนั้นที่บ้านของเขามีเพียงแค่ซิงหยุนกับซิงเฉินเด็กทั้งสองคน
ก็เลยจึงได้เรียกว่าซวงซิง
บริษัทนี้ทั้งหมดฉินโม่หานเป็นคนสร้างขึ้นมาเองทั้งสิ้น เพื่อวางแผนที่จะเก็บเอาไว้ให้กับลูกๆของเขา
แต่ว่าตอนนี้จากปากของลู่จื่อเหยานั้น ความพยายามทั้งหมดของฉินโม่หานแทบจะถูกมองข้ามมันไปหมดเลย
ราวกับเป็นเพราะว่าหลังจากที่เกิดมาฉินโม่หานได้มีชีวิตที่ดีกว่า เขาก็เลยได้ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้มา
นี่ไม่ใช่ไม่ยุติธรรม นี่เป็นเพราะว่าหัวใจของลู่จื่อเหยามันไร้สามัญสำนึก!
“ลู่จิ่งเฉิน!”
ลู่จื่อเหยาย่นคิ้วออกมา ถลึงตาใส่ลู่จิ่งเฉินไปอย่างดุดัน
“อย่างนั้นแล้วที่คุณอยากให้ฉันมาวันนี้ ไม่ใช่เพื่อที่คุยเรื่องอนาคตของฉันกับคุณ แต่เป็นเพราะคิดว่าฉันไม่ควรจะคิดหาวิธีเพื่อที่จะทำให้ต่อจากนี้ไปคุณกับฉันได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ถูกมั้ย?”
“คุณว่าที่ฉันทำอย่างนี้ไป ฉันทำไปเพื่อใคร?”
“หรือฉันเป็นคนที่โลภอยากได้สมบัติของฉินโม่หานมากหรือไง?”
“จิ่งเฉิน เมื่อก่อนคุณใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบาก และน่าอนาถมากแค่ไหน คงไม่ต้องให้ฉันช่วยคุณเรียกความทรงจำนั้นมาให้หรอกมั้ง?”
“ทำไมคุณถึงไม่สามารถที่จะพยายามสักหน่อย พัฒนาก้าวขึ้นไปอีกสักหน่อยกัน?”
“ได้เงินกับทรัพย์สมบัติของฉินโม่หานมา มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่พวกเราจะกระโดดขึ้นมาจากชั้นล่างขึ้นมาชั้นสูงสุดได้!”
“คุณบอกว่าคุณไม่มีความสามารถเท่าฉินโม่หาน ไม่เป็นไรเลย พวกเราไม่จำเป็นจะต้องบริหารธุรกิจของเขาให้ดีๆอยู่แล้ว”
“ขอเพียงแค่คุณได้สมบัติมูลค่าแสนล้านของเขามาได้ก็พอแล้วนี่”
“เงินพวกนี้มันเพียงพอให้พวกเราได้มีชีวิตในสังคมชั้นสูง เพียงพอไปชั่วชีวิตแล้ว!”
เธอยิ่งพูดก็ยิ่งบ้าคลั่ง ยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นตัวขึ้นมา
“จิ่งเฉิน คุณปล่อยฉันสิ”
“ตอนนี้พวกเราก็มานอนด้วยกันดีมั้ย?”
“รอให้ฉินโม่หานตายแล้ว พวกเราเอาเงินของเขามา พวกเราก็แต่งงานกัน แล้วฉันก็มีลูกให้คุณ!”
“ซูสือเยว่สามารถมีลูกให้ฉินโม่หานสามคน ฉันก็สามารถมีลูกให้คุณสักหกคนไปเลย!”
น้ำเสียงตื่นตัวของลู่จื่อเหยา ทำให้ลั่วเยียนที่นั่งอยู่ภายในห้องชุดอดไม่ได้ที่จะหัวเราะพรืดออกมา
ฉินหนานเซิงคนโง่นี่
ลู่จื่อเหยาเทพธิดาของเขา นึกไม่ถึงว่าเพื่อเงินแล้ว จะอยากเป็นแม่หมูให้ลู่จิ่งเฉินเลยทีเดียว!
ส่วนเขากลับเพื่อผู้หญิงคนนี้…
“ใคร!?”
เสียงในห้องทำให้หน้าทั้งหน้าของลู่จื่อเหยาได้ซีดเผือดออกมาทันที
เธอเบิกตากว้างมองไปทางประตู
“ใครอยู่ข้างใน!?”
พูดไปแล้ว เธอก็ได้หันหน้าไปมองลู่จิ่งเฉิน
“คุณมีผู้หญิงคนอื่น?”
“เยี่ยมไปเลยลู่จิ่งเฉิน”
“ฉันคบกับคุณมาตั้งหลายปี ไม่เคยได้ขึ้นเตียงกันอย่างจริงจังมาก่อนเลย ฉันก็ยังนึกเลยอยู่ว่าคุณช่างมีความอดทนมากจริงๆ”
“นึกไม่ถึงว่าคุณจะปิดบังฉัน แอบไปมีผู้หญิงคนอื่นข้างนอก!”
“คุณไม่ละอายใจต่อฉันเลยหรือไง!?”
ลู่จิ่งเฉินถูกเธอด่าว่าจนสีหน้ามืดครึ้มออกมา กำลังจะพูดอะไรออกไป ประตูห้องข้างๆก็ถูกซูสือเยว่เปิดออกมา
หญิงสาวแสยะริมฝีปากออกมา มองสำรวจผู้หญิงคนนั้นที่ถูกลู่จิ่งเฉินมัดกับผ้าปูที่นอนบนเตียงจากด้านบนไล่ลงมา มุมปากได้ประดับไปด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็นออกมา
“ลู่จื่อเหยา เธอบอกว่าพี่ใหญ่ลู่จิ่งเฉินของฉันต้องละอายใจต่อเธอ?”
“ไม่ทราบว่าทำไมเธอถึงได้มีหน้าพูดประโยคนี้ออกมาได้ยังไงกัน?”
“ตัวเธอเองก็ยังทำเรื่องพวกนั้นอยู่ลับหลัง นึกว่าไม่มีใครเขารู้เลยหรือไง?”
ลู่จื่อเหยาย่นคิ้วออกมา ถลึงตามองซูสือเยว่ไปอย่างเยือกเย็น
“เป็นแก?”
พูดจบ เธอก็ยิ้มเย็นออกมา
“ซูสือเยว่ ยังคงเป็นแกที่ระดับสูงกว่าสินะ”
“เมื่อก่อนก็สามารถอ่อยมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองหรงอย่างฉินโม่หานมาได้โดยทันที”
“มาตอนนี้ฉินโม่หานกำลังจะตาย แกคิดว่าไม่รอดแล้ว ก็เลยเริ่มมาอ่อยลู่จิ่งเฉินแทนใช่มั้ย?”
เธอพูดไป พลางกวาดสายตามองการตกแต่งห้องไปรอบๆ “ประตูหน้าต่างปิดแน่นหนาเสียขนาดนี้ พวกคุณทั้งสองคนคงไม่ได้เพิ่งจะเสร็จกันแล้วรอฉันอยู่ที่นี่หรอกใช่มั้ย?”
“มิน่าลู่จิ่งเฉินถึงไม่มีความสนใจฉันเลย มีผู้หญิงสาวๆที่เคยแต่งงานแล้วอย่างแกอยู่ เขาจะต้องคิดว่าแกมันมีลีลาเยอะไม่มีทีสิ้นสุดอยู่แล้ว”
“เพราะถึงยังไงแกก็มีลูกมาแล้วสามคน ฝีมือความเชี่ยวชาญเรื่องบนเตียง ใครมันจะไปสู้เธอได้ล่ะ?”
คำพูดของหญิงสาวพูดออกมาได้ทุเรศสุดๆ
สีหน้าของลู่จิ่งเฉินมืดครึ้มเสียเหมือนกับท้องฟ้าที่ฝนกำลังจะตกออกมา
“จื่อเหยา คุณอย่ามาพูดไร้สาระ!”
เมื่อก่อนเธอไม่ใช่คนอย่างนี้…
ทำไมจู่ๆเธอถึงได้เปลี่ยนกลายมาเป็นคนที่โลภ เสียสติ ปากก็เต็มไปด้วยคำพูดสกปรกๆอย่างนี้ได้?
“หรือฉันพูดผิดไปหรือไง?”
“ก่อนที่ฉันมา คุณกับซูสือเยว่อยู่ที่นี่ทำอะไรกัน!?”
“ก่อนที่เธอจะมา พวกเราเองก็เพิ่งจะมาถึงเหมือนกัน”
ลั่วเยียนยิ้มเยาะออกมาพลางเปิดประตูเข้ามา เข้ามานั่งบนโซฟาที่อยู่ข้างๆด้วยกันกับซูสือเยว่
ลู่จื่อเหยาเบิกตากว้าง พลางยิ้มเย็นออกมา
“นึกไม่ถึงว่าจะยังมีส่วนของลั่วเยียนด้วยอีกคนน่ะ!”
“จริงด้วย พวกเธอเป็นเพื่อนรักกันนี่ เพื่อซูสือเยว่แล้วเธอสามารถเลิกกับฉินหนานเซิงได้เลย แล้วจะยังมีอะไรอีกที่เธอทำมันไม่ได้?”
“สิ่งที่ฉันทำออกมาไม่ได้ มันก็เยอะอยู่นะ”
ลั่วเยียนหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาอย่างไม่แยแส พลางเสียบแฟลชไดรฟ์เข้าไป แล้วกดเปิด
“อย่างเช่น ฉันจะไม่มีทางนัดไปนอนกับผู้ชายไปทั่ว และยิ่งไม่มีทางที่จะถ่ายรูปเอาไว้ทุกครั้ง เพื่อไปรีดไถเงินจากคนอื่นเขาหรอก”