ได้ยินคำพูดที่แสนเลือดเย็นของซูสือเยว่จากทางต้นสาย ฉินหนานเซิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา:
“สือเยว่ ลั่วเยียนเธอเป็นเพื่อนของคุณนะ คุณจะมองเธอทำตัวเหลวแหลกอยู่แบบนี้โดยไม่สนใจไยดีได้ยังไงกัน?”
“ไม่อย่างงั้น ฉันจะให้คุณไปหนึ่งล้านกว่าหยวน คุณไปบอกว่าคุณให้เธอยืม คุณเอาเงินไปให้เธอ ให้เธออย่าทำร้ายตัวเองไปมากกว่านี้!”คำพูดของผู้ชาย ทำให้ซูสือเยว่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ฉินหนานเซิง นี่คุณคิดหรือว่าลั่วเยียนนั้นจะยอมรับการช่วยเหลือจากคนอื่นและการให้ทานของคนด้วยความเต็มใจ?”
“ถ้าหากว่าเธอยอมมายืมเงินของฉัน หรือว่ายอมรับความช่วยเหลือของฉัน เธอคงไม่มีทางจะไปทำงานแบบนี้แน่”
น้ำเสียงของฉินหนานเซิงนั้นต่ำลงไปในทันที “ในฐานะเพื่อนอย่างคุณนั้น ยอมที่จะมองดูเธอทำตัวเหลวแหลกลงไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างนั้นเหรอ?”
“ทำไมถึงเรียกว่าทำตัวเหลวแหลกล่ะ?”
ซูสือเยว่ยิ้มออกมาบางๆ “เธอนั้นใช้ความสามารถและความชำนาญของตัวเองหาเงิน ทำไมถึงเรียกว่าทำตัวเหลวแหลกล่ะ?”
“ฉันคิดว่า เทียบกับการที่มาหาเพื่อนอย่างฉันคนนี้ให้ช่วยเหลือ เธอคงยอมที่จะใช้วิธีอย่างตอนนี้หาเงินช่วยครอบครัวของตัวเองมากกว่าเหมือนกัน”
“อย่างน้อยที่สุด เป็นการพึ่งลำแข้งของตัวเอง”
ฉินหนานเซิงที่อยู่ในสายนั้นโมโหจนข้อนิ้วที่จับโทรศัพท์อยู่นั้นกำแน่นจนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว:
“คุณถือว่านี่เป็นการพึ่งลำแข้งของตัวเอง?”
“ซูสือเยว่ ทำไมฉันไม่เคยรู้เลยว่า ตอนนี้ทัศนคติทั้งสามการมองโลก การใช้ชีวิต คุณค่า ของคุณนั้นบิดเบือนไปถึงขนาดนี้?”
เดิมทีเขานั้นคิดว่า ซูสือเยว่ในฐานะเพื่อน น่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมลั่วเยียนได้!
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ขนาดซูสือเยว่เองก็ยังคิดว่าที่ลั่วเยียนทำแบบนี้นั้นไม่มีปัญหา ไม่บกพร่อง?
ถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั่วทั้งเมืองขนาดนี้ วันทั้งวันอยู่ค้างคืนกับตาแก่อายุหกสิบกว่า ไม่มีปัญหา?
“ทัศนคติทั้งสามของฉันบิดเบือน?”
ซูสือเยว่ยิ้มเยาะ “ฉินหนานเซิง ในเมื่อคุณเป็นห่วงลั่วเยียน คุณก็ไปหาเธอด้วยตัวเองสิ”
“จะมาหลบอยู่หลังฉันจะได้อะไรขึ้นมา?”
“ถึงทัศนคติทั้งสามของฉันจะบิดเบือน ก็ยังดีกว่าคนขี้ขลาดตาขาวแบบคุณมาก!”
คำพูดของหญิงสาว ทำเอาฉินหนานเซิงโกรธควันออกหูขึ้นมาทันที:
“คุณว่าใครเป็นคนขี้ขลาดตาขาว!?”
“อยากจะเอาคนที่สมควรเป็นของตัวเองกลับคืนมา แต่กลับไม่กล้า”
“กลัวเธอทำร้ายตัวเองอย่างโง่ๆ แต่ก็ไม่กล้าพูด”
“คุณไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาวแล้วจะเรียกว่าเป็นอะไรได้อีกล่ะ?”
ซูสือเยว่สูดลมหายใจเข้าจมูก “แทนที่จะมาสนทนาเรื่องทัศนคติทั้งสามของฉันที่นี่ ฉันคิดว่าคุณน่าจะคิดทบทวนตัวคุณเองมากกว่านะ”
“ทำไมพอลั่วเยียนเจอกับปัญหา คนแรกที่ไปหาถึงไม่ใช่คุณ!”
พูดจบ ซูสือเยว่ก็ตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง
“อารมณ์ดีละ”
เมื่อเห็นท่าทางดุดันดุร้ายของภรรยาตัวน้อยของตัวเอง ฉินโม่หานเม้มริมฝีปาก ยื่นแขนออกไปดึงซูสือเยว่เข้ามาในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน:
“ดูเหมือนว่า ช่วงที่ฉันอยู่ในอาการโคม่าสาหัสนั้น มีเด็กน้อยบางคนโตขึ้นไม่น้อยเลย”
ซูสือเยว่เม้มปาก มองเขาอย่างโกรธเคือง “ฉันไม่ใช่เด็กน้อยนะ”
“ตรงไหนที่ฉันเหมือนเด็กกัน?”
ผู้ชายดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน ยื่นมือออกมาบีบจมูกของเธอ:
“แต่งหน้าด้วยเทคนิคพิเศษ เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนหน้าตาอัปลักษณ์ และยังเปลี่ยนชื่อเป็นสวี่หรง เปิดสถานฝึกศิลปะป้องกันตัว……”
“นี่ยังไม่ใช่พฤติกรรมของเด็ก?”
ซูสือเยว่เม้มปากแน่น “นั่นไม่ใช่ว่าฉันทำเพื่อที่จะหลบคุณ ให้คุณได้พิจารณาตัวเองหรือเปล่า?”
เธอจะไปคาดคิดได้อย่างไรกันว่า เขานั้นจะจำเธอได้ไวขนาดนี้
ฉินโม่หานยิ้มบางๆบนริมฝีปาก “งั้นฉันขอถามคุณหน่อย ตอนเปิดสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวมีความสุข หรือว่าเป็นคุณนายฉินมีความสุข?”
ซูสือเยว่กะพริบตามองเขา:
“ฉันต้องพูดความจริงหรือเปล่า?”
ผู้ชายพยักหน้า
“นั่นก็คือ……เปิดสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวมีความสุข”
ซูสือเยว่เปลี่ยนเป็นท่าทางสบาย ศีรษะเอนซบไปตรงอกของผู้ชาย มองดูท้องฟ้า เสียงเบา “ตอนเปิดสถานฝึกศิลปะป้องกันตัว ถึงแม้ว่าจะหน้าตาอัปลักษณ์ แต่ว่าไม่มีคนจำฉันได้”
“พวกเขายังยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับฉันด้วยความจริงใจ”
“แต่ว่าตอนที่เป็นคุณนายฉินนั้นไม่เหมือนกัน มีหลายคนที่เยินยอฉัน ประจบฉัน……”
“เพื่อนของฉัน มีเพียงลั่วเยียนกับฟู๋เชียนเชียนแค่สองคนเท่านั้น”
คำพูดของผู้หญิง ทำให้ฉินโม่หานหัวเราะเบาๆ
เขาจับใบหน้าของเธอ จูบบนริมฝีปากของผู้หญิงเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นคุณยังยินดีที่จะมีความสุขแบบนี้อีกสักครั้งไหม?”
“อยากสิ”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว จ้องเขม็งไปที่ฉินโม่หาน “สามี นี่คุณคิดจะทำอะไร?”
เขาค่อยๆจับปอยผมที่หล่นลงมาของเธอทัดไปด้านหลังใบหู“เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”
ซูสือเยว่เม้มริมฝีปาก กัดไปที่ลูกกระเดือกของเขา:
“อุบไว้ก่อน”
……
ตอนกลางคืน
ท่านเวินเชิญลั่วเยียนมาทานข้าวที่ร้านอาหาร
เพราะว่านี่เป็นวันคิดเงินหลังจากผ่านไปเจ็ดวัน เพื่อที่ให้ท่านเวินยินดีที่จะคิดเงินให้กับเธอ ลั่วเยียนตั้งใจแต่งหน้าเป็นพิเศษ แต่งหน้าบางเบาให้ดูเข้ากับคนง่าย
ในกระเป๋าของเธอ ยังเก็บวิดีโอประกาศชี้แจงของท่านเวินที่คุณเวินให้มาอยู่
เจ็ดวันก่อน เธอได้รับงานนี้จากการแนะนำของผู้กับกับหวงให้กับเธอ——ไปสอนคุณเวิน
เริ่มแรก ลั่วเยียนยังไม่ค่อยเข้าใจแจ่มชัดเท่าไหร่นัก ทำไมผู้กับกับหวงต้องการให้คุณเวินทุ่มเงินจ่ายกว่าล้านหยวนเพื่อที่จะให้เธอมาสอนการแสดง
รอจนกระทั่งเธอเข้ามาในห้องส่วนตัวของหญิงสาว พอได้เห็นรูปภาพของเธออยู่เต็มผนังเต็มตู้ ลั่วเยียนก็เข้าใจ
ที่แท้ คุณเวินเองก็เป็นแฟนคลับที่บ้าคลั่งของเธอคนหนึ่งนั่นเอง
ผลงานของเธอ เป็นพลังแรงผลักดันให้กับคุณเวิน ให้ความรู้กับเธอในการเรียนการแสดง
และยิ่งเธอถอนตัวและแต่งงานกับฉินหนานเซิง ทำให้คุณเวินหมดความสนใจด้านการแสดงนี้ไปโดยปริยาย
และยิ่งต่อมา เธอประกาศออกจากวงการบันเทิงโดยสมบูรณ์ ยิ่งส่งผลกระทบกับคุณเวินทำให้วันๆเอาแต่เหงาหงอยเศร้าสร้อย
ดังนั้นท่านเวินจึงยินยอมที่จะจ่ายเงินจำนวนมากให้เธอไปครูพิเศษทางด้านจิตใจและสอนการแสดงทุกวันตอนเย็น……
ทั้งหมดก็เพื่อลูกสาวของตัวเองไม่ให้ต่อต้านอีก กลับมาเป็นปกติ
เริ่มแรก ลั่วเยียนยังรู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่มีความสามารถที่จะรับงานนี้ได้
แต่ว่าสิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็คือ……
พลังแรงผลักดันของไอด้อลนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เธอเพียงแค่ไปที่ห้องส่วนตัวของคุณเวิน คุยเล่นกับคุณเวิน คุณเวินก็สามารถเปลี่ยนจากอารมณ์ร้อนเป็นอ่อนโยน……
ดังนั้น เวลาเจ็ดวันนี้ การเปลี่ยนแปลงของคุณเวินนั้นความจริงแล้วเปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียว
นี่เองก็คือเหตุผลว่าทำไมท่านเวินถึงเต็มใจที่จะจองร้านอาหารสุดหรูอย่างที่ลัคกี้คอร์ท เชิญเธอทานอาหาร
นั่งอยู่ภายในห้องส่วนตัว ลั่วเยียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความให้ลั่วชิงเจ๋อ
ผ่านคืนนี้ไป เธอก็จะสามารถนับเงินหนึ่งล้านสองแสนหยวนนั้น ไปรักษาอาการป่วยของแม่ได้!
แม่ก็จะอาการดีขึ้น พ่อเองก็จะดีขึ้น……
พวกเขาทั้งครอบครัวจากนี้ไปก็จะดีขึ้น!
ในเวลานี้เอง ประตูของห้องส่วนตัวก็ถูกคนเปิดออก
ลั่วเยียนสูดลมหายใจเข้าวางโทรศัพท์มือถือ เงยหน้าขึ้นมายิ้มเล็กน้อย “ท่านเวิน……”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ รอยยิ้มของเธอนั้นหายวับจากบนใบหน้าในชั่วพริบตา
ผู้หญิงมองจับจ้องไปที่ผู้ชายสวมชุดสีดำที่อยู่ที่ประตูนั้น
“ฉินหนานเซิง?”
“ฉันเอง”
ฉินหนานเซิงเลียเลือดที่มุมปาก จัดการสะสางเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงบนร่างกาย:
“ยังรอตาแก่คนรักของคุณมาเจอคุณละสิ?”
“เขาไม่มาแล้วละ”
ลั่วเยียนตาเบิกกว้างขึ้นมาทันที
เธอขมวดคิ้ว จ้องมองฉินหนานเซิงอย่างโมโห:
“นี่คุณพูดเหลวไหลอะไรกัน? ตาแก่คนรักอะไร?”
พูดจบ เธอก็เห็นรอยเลือดบนใบหน้าของเขา
ลางสังหรณ์ไม่ดีพุ่งแทรกเข้ามาในจิตใจ……
ลั่วเยียนกัดริมฝีปาก จ้องมองฉินหนานเซิงเขม็ง:
“คุณทำอะไรกับท่านเวิน!?”
ฉินหนานเซิงหัวเราะเบาๆ เดินตรงเข้าไปจับคางของลั่วเยียน “ทำไม อาลัยอาวรณ์?”