บนใบหน้าของลั่วเยียน มองไม่เห็นความประหลาดใจที่ฉินหนานเซิงยืนได้เลยแม้แต่น้อย
เธอกัดริมฝีปาก จ้องมองผู้ชายตรงหน้าอย่างเย็นชา “ท่านเวินล่ะ?”
ฉินหนานเซิงหรี่ตามองอย่างเอาเป็นเอาตาย
ขาทั้งคู่ที่ไม่ได้ยืนมาเป็นเวลานานเริ่มที่จะสั่นเทาแล้ว
คุณหมอบอกว่า เขาไม่สามารถที่จะยืนเกินห้านาทีได้
แต่ว่าตั้งแต่เขาเริ่มชกต่อยกับอีตาแก่นั่นจนกระทั่งถีบประตูเดินเข้ามาอยู่ต่อหน้าลั่วเยียนนั้น เวลาก็ล่วงเลยมาเป็นเวลานานแล้ว
แต่ว่า เขาไม่อยากจะล้มลงต่อหน้าลั่วเยียน แล้วยิ่งไม่ต้องการถูกดูถูก
เมื่อก่อน เขาไม่อยากที่จะยืนขึ้น
ด้านหนึ่งก็คือเขานั้นเกลียดความลำบากกลัวเหนื่อย ส่วนอีกด้านหนึ่ง คือเขาอยากจะหนีออกห่างจากปัญหามากมายที่สุมกองอยู่ของการสืบทอดฉินซื่อกรุ๊ปนี้
แต่ว่าตอนนี้……
เมื่อเห็นลั่วเยียนตกต่ำแย่ลง เขานั้นคิดว่าตัวเองจะต้องยืนขึ้นในเวลาแบบนี้ให้ได้
ถ้าหากว่าเธอไม่รู้จักละอายต่อบาปแย่ลงไปเรื่อยๆ อย่างน้อยที่สุดเขาสามารถยืนขึ้นมาหยุดยั้งเธอได้!
เหมือนกับที่เป็นอยู่ตอนนี้!
แต่เขานั้นคิดไม่ถึงเลยก็คือ ลั่วเยียนที่ได้เห็นเขายืนขึ้นได้อีกครั้ง ประโยคแรกที่พูดออกมานั้น ไม่ใช่ประหลาดใจเรื่องขาของเขา
แต่กลับเป็นห่วงอีตาแก่คนนั้น
ผู้ชายหรี่ตามองอย่างกินเลือดกินเนื้อ ดวงตาทั้งคู่นั้นจับจ้องมองลั่วเยียนอย่างเย็นชา “คุณกับไอ้ตาแก่นั่นมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่?” “ลั่วเยียน ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองลือกันว่าคุณนั้นเหลวแหลกไปกันใหญ่แล้ว เอาชายแก่วัยหกสิบกว่ามาเป็นคนรัก”
“คุณยังจะมาอยู่ที่นี่นัดกับเขาเพื่อป่าวประกาศให้โลกรู้อีก……”
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น ก็มองใบหน้าของลั่วเยียนอย่างเข้มงวดไม่สบอารมณ์:
“ด้านนอกตอนนี้มีนักข่าวซ่อนตัวอยู่เต็มไปหมด!”
“นี่คุณรู้หรือเปล่า ว่าตอนนี้คุณเป็นเรื่องตลกของทุกคนไปแล้ว!”
“เมื่อก่อนคุณเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีคนหนึ่งเหมือนกัน ฉันเองก็คิดว่าคุณเป็นนักแสดงในบริษัทที่สำคัญที่สุดของฉัน เป็นเพื่อนคนสำคัญที่สุดของฉัน”
“ดังนั้นเมื่อก่อนตอนที่คุณอยู่วงการบันเทิง ฉันก็ปกป้องคุณมาโดยตลอด ไม่มีคนไหนในวงการบันเทิงที่ไม่รู้ ลั่วเยียนนั้นเป็นนักแสดงหญิงที่ไม่ถ่ายฉากเปลือกครึ่งตัวและฉากบนเตียง!”
“แต่ว่าตอนนี้ละ ลั่วเยียน?”
“คุณออกจากวงการบันเทิง บอกว่าเส้นทางวงการบันเทิงของคุณนั้น เป็นฉันที่เป็นคนปูทางให้คุณ ดี ฉันยอมรับ คุณก็แค่อยากขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจนกับฉันเท่านั้นเอง”
“แต่ว่า ถึงอย่างไรคุณก็เป็นภรรยาเก่าของฉัน และครั้งหนึ่งก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด”
“ฉันขอร้องคุณสักอย่างสักอย่างได้ไหม หลังจากที่คุณขีดเส้นแบ่งกับฉันแล้ว ก็ต้องรักษาหน้าตาของคุณไว้บ้างได้หรือเปล่า?”
“นัดเดทกับตาแก่ผมหงอกอายุหกสิบกว่า เอามาเป็นคนรัก……ทุกคืนไปหา ตอนเช้าออกมา……”
“คุณเป็นแบบนี้ทำให้ฉันอับอายตามไปด้วย!”
คำพูดของฉินหนานเซิง ทำให้หัวใจของลั่วเยียนจมดิ่งลงไปทันที
หัวใจหนึ่งดวงที่ยืนอยู่ที่ขอบหน้าผา ถูกฉินหนานเซิงนั้นผลักลงไปอย่างโหดเหี้ยม
เธอจับจ้องมองฉินหนานเซิง มองไปที่ดวงตาของผู้ชายคนนี้
เธอพบว่า บางทีเธอคงไม่เคยเข้าใจเขามาก่อนเลย
และบางที เขาก็คงไม่เคยเข้าใจเธอ
เธอนั้นความจริงแล้ว……ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าจะทรยศตัวเอง ใช้หาเงินออกมาให้ด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
แต่สุดท้าย เธอก็ไม่เคยผ่านด่านนั้นของตัวเองไปได้
ถ้าหากว่าไม่ใช่ผู้กับกับหวงที่แนะนำงานในตอนนี้ให้กับเธอ เธออาจจะไปหางานอย่างอื่นทำ
แต่ว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่สามารถทรยศตัวเองได้
ข่าวลือพวกนั้นบนอินเทอร์เน็ต เธอเห็นแล้ว
แต่ว่าเธอไม่มีปัญญาพอที่จะทำอะไรได้
เธอไม่ใช่คนในวงการบันเทิงอีกต่อไปแล้ว ไม่มีวิธีที่จะชีแจ้งตัวเอง และยิ่งไม่สามารถใช้เงินอย่างไม่มีประโยชน์ไปช่วยชี้แจงตัวเองได้ ปล่อยพวกแอคหลุมปั่นกระแสไป
จริงๆแล้วซิงกวงเคยโทรศัพท์หาเธอหนึ่งครั้ง ถามเธอว่าต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า เธอและพี่ชายสามารถระงับคำวิพากษืวิจารณ์บนอินเตอร์เน็ตได้
ในเวลานั้นลั่วเยียนใจเต้นจริงๆ
แต่ว่าพอคิดไปคิดว่า เธอก็ปฏิเสธซิงกวงไป
เธอกลัวจะถูกคนมองออก เธอหาแฮกเกอร์มาช่วยจัดการ กลัวคนอื่นจะบอกว่าเธอออกจากวงการบันเทิงแล้วยังจะเล่นท่วงท่าพวกนั้นของวงการบันเทิงอีก
ในเมื่อต้องการที่จะออก ก็ต้องสะอาดเอี่ยมหมดจด ออกอย่างโดยสมบูรณ์
แต่ว่า เมื่อหลายวันก่อนตอนที่คุณเวินออกมาส่งเธอที่ประตูนั้น ก็ได้เคยพูดกับเธอเกี่ยวกับปัญหานี้
ท่านเวินรับปากเธอ เมื่อเธอทำงานทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย ตอนที่ไม่ไปวิลล่าตระกูลเวินอีกแล้ว เขาจะประกาศกับสื่อมวลชนอีกครั้งเรื่องความสัมพันธ์จริงๆระหว่างเขากับเธอ……
ในที่สุด ท่านปู่ได้รับการผ่าตัดมาหลายปีแล้ว จิตใจผ่องใสรักสันโดษมานานหลายปีแล้ว
ทุกครั้งเวลาที่ลั่วเยียนสอนให้กับคุณเวิน กล้องวงจรปิดภายในบ้านสามารถถ่ายได้ว่าเธอนั้นเข้าออกห้องไหน……
เกี่ยวกับเรื่องที่ท่านเวินเสนอที่จะช่วยเหลือ ลั่วเยียนรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก
เดิมทีเธอคิดว่า หลังจากคิดเงินกับท่านเวินเย็นนี้แล้ว ไม่เพียงแต่เธอจะได้เงินเพียงพอที่จะช่วยมารดา ยังทำให้ท่านเวินไปชี้แจ้งให้กับตัวเองด้วย
ทั้งหมดแต่เดิมนั้นก็พัฒนาไปในทางที่ดีที่สุด
แต่ว่าลั่วเยียนคิดไม่ถึงว่า ครึ่งหลังฉินหนานเซิงนั้นจะโผล่ออกมา
เธอกัดริมฝีปาก ดวงตาทั้งคู่มองใบหน้าของฉินหนานเซิงด้วยความเย็นชาและโกรธเคือง:
“ท่านเวิน เป็นคนจิตใจผ่องใสรักสันโดษ”
“เขาหลายปีก่อนหน้านี้ ทำการผ่าตัดเอาอวัยวะออกไป กินเจสวดมนต์มาหลายปี เขาไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ฉันเองก็ไม่ใช่เหมือนกัน”
“ฉันไปที่บ้านของท่านเวิน เพื่อไปสอนลูกสาวของเขา เป็นครูพิเศษ”
พูดจบ ลั่วเยียนปัดมือของฉินหนานเซิงที่อยู่บนกรามของเธออย่างโหดเหี้ยม
ตื่นตะลึง ลังเล
ฉินหนานเซิงที่อยู่ในอารมณืตื่นเต้นถูกลั่วเยียนสลัดทิ้ง ในที่สุดขาทั้งคู่ก็อ่อนปวกเปียกไม่มีแรง สุดท้ายก็ล้มลงไปบนพื้น
แต่ว่าลั่วเยียน เมื่อก่อนนั้นทุกครั้งที่เห็นฉินหนานเซิงล้มลง ก็จะเป็นผู้หญิงที่พุ่งเข้าไปประคองอย่างวิตกกังวล แต่กลับหันกลับมาหัวเราะเยาะ สายตามองผู้ชายที่ล้มลงไปบนพื้นอย่างเย็นชา:
“ฉินหนานเซิง ฉันไม่รู้ว่าคุณนั้นด้วยฐานะอะไร มีสิทธิ์อะไรมาที่นี่ประณามฉัน”
“คุณทำลายเรื่องดีๆของฉันไปแล้ว ถ้าหากว่าวันนี้ท่านเวินไม่ยินดีที่จ่ายเงินให้ฉัน……”
“พรุ่งนี้ฉันจะไปแขวนคอตายที่หน้าประตูบ้านของคุณ ถึงฉันจะเป็นผีก็จะไม่ปล่อยคุณไป!”
นี่คือสิ่งที่ลั่วเยียนคิดได้ เป็นคำสาปที่โหดเหี้ยมอำมหิตที่สุด
เธอเช็ดน้ำตา หมุนตัวเดินจากไป
พูดแล้วว่าจะไม่ยอมเสียใจเสียน้ำตาเพื่อผู้ชายคนนี้อีกต่อไป
แต่ว่าตอนนี้ เธอนั้นทำไมถึงอดทนไม่ไหวแล้ว
“ลั่วเยียน ลั่วเยียน!”
ฉินหนานเซิงนั้นด้านหนึ่งก็ตะโกนเรียกชื่อของเธอ อีกด้านหนึ่งใช้มือทั้งสองข้างพยายามยันตัวให้ลุกขึ้นยืน แต่ว่าขาทั้งคู่นั้นเรี่ยวแรงทั้งหมดไม่มีหลงเหลือแล้ว เลยทำให้เขานั้นไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ลุกขึ้นยืนไม่ไหว
ผู้ชายกัดริมฝีปาก หยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรหาผู้ช่วยไป๋เฉิง:
“มานี่!”
……
ออกมาจากร้านอาหาร สายตาของลั่วเยียนมองเห็นรถของท่านเวิน
ท่านปู่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่นั่งด้านข้างคนขับ
พอเห็นลั่วเยียนออกมาจากประตู ชายชราก็กวักมือเรียกลั่วเยียน
ลั่วเยียนเม้มริมฝีปาก รีบร้อนเดินไป เปิดประตูที่นั่งด้านหลังรถ เข้าไปนั่งด้านใน
เมื่อเข้าไปในรถ เธอถึงจะพบว่าในอากาศนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดอบอวลไปหมด
เธอขมวดคิ้ว กัดฟันเอ่ยปาก “ท่านเวิน ขอประทานอภัยด้วยค่ะ”
“สามีเก่าของฉัน ฉินหนานเซิง เขา……”
“เขานั้นมีความที่ลึกซึ้งกับคุณมากจริงๆ”
ท่านปู่เวินยิ้มอย่างเย็นชา อีกด้านก็ใช้กระดาษเช็ดรอยเลือดบนร่างกาย:
“ฉันบอกเขาไปแล้ว ฉันเคยเป็นทหารมาก่อน ถึงแม้ว่าอายุจะมาก แต่ว่าจัดการกับคนป่วยกระเสาะกระแสะแบบเขานั้น ถือว่าเหลือเฟือ”
“แต่เขากลับไม่ยอมแพ้”
พูดถึงตรงนี้ ท่านปู่เช็ดคราบเลือดเล็กน้อยที่นิ้วมือ “คุณเจอเขา?”
“เขาไม่เป็นไรใช่ไหม?”