“พูดจาเหลวไหล!”
ฉินหนานเซิงกวาดตามองซูสือเยว่อย่างเย็นชา “นั่นมันคือฉันไว้ใจเขาอย่างนั้นเหรอ? ฉันก็แค่กลัวเธอถูกหลอกจนหลงผิดออกนอกลู่นอกทาง!”
เขาฝืนตัวเองยันร่างกายลุกขึ้นมานั่ง หายใจเข้าลึกๆ “คุณไม่รู้หรอกว่าลั่วเยียนนั้นหลายปีมานี้ถูกฉันปกป้องมาดีมากขนาดไหน!”
“ฉากเปิดเผยรูปร่างทั้งหมดฉันไม่อนุญาตให้เธอถ่าย ฉากจูบทั้งหมดและฉากบนเตียงฉันก็ช่วยบอกปัดออกไปทั้งหมด”
“ฉันใช้บริษัทนายหน้าที่อยู่ในสังกัดของฉัน ฉันใช้ทรัพยากรที่ดีที่สุดวิธีการที่ดีที่สุดในการปกป้องเธอมาโดยตลอด!”
“ฉันคงจะปกป้องเธอมากเกินไป จนกระทั่งมีหลายครั้ง ที่ตัวเธอนั้นคิดว่า วงการบันเทิงมันง่ายดายขนาดนี้ บางฉากไม่อยากถ่ายก็ไม่ถ่าย อยากจะตัดออกก็ตัดออก!”
ฉินหนานเซิงยื่นมือออกมาเคาะหัวตัวเอง “ฉันดูแลเธอเหมือนกับเด็กคนหนึ่ง ดังนั้นพอตอนนี้เธอหลุดพ้นจากการดูแลของฉัน……” “ฉันกลัวว่าเธอจะถูกหลอกจนหลงผิดไปจริงๆ”
“ตอนที่เห็นรูปเธอเข้าออกจากบ้านชายชราพวกนั้นในอินเทอร์เน็ต ฉันคิดว่าเธออยากจะจากฉันไปจริงๆ เลยเริ่มที่จะเรียนรู้ทำตัวไม่ดี ฉันก็เลยโมโหมากขนาดนั้น”
ผู้ชายสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “อาจจะเป็นความผิดของฉันจริงๆ ที่ฉันคิดว่าเธออ่อนแอเกินไปไร้เดียงสาเกินไป”
พอพูดจบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะดูถูกตัวเองขึ้นมา “ก็คงจะจริง”
“เธอคนที่ถูกลู่จื่อเหยาคิดทำร้ายนี้ ถูกฉันเข้าใจผิดมาตั้งหลายปี ผู้หญิงที่อดทนทั้งหมดนี้มาได้ จะเป็นคนที่อ่อนแอไร้เดียงสาได้อย่างไรกัน”
“ไร้เดียงสา บางทีอาจจะเป็นฉันเอง”
พูดจบ เขาก็เคลื่อนสายตาขึ้นมามองซูสือเยว่และฉินโม่หาน “ขอบคุณพวกคุณที่ช่วยลั่วเยียนชี้แจง ทำให้ฉันเองรู้ถึงความผิดของตัวเองเหมือนกัน”
“ฉันไปละ”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว ตอนที่มองฉินหนานเซิงนั่งอยู่บนรถเข็นจากไป ภาพด้านหลังมีความโดดเดี่ยวเงียบเหงา
ไม่รู้ว่าทำไม ทันใดนั้นเธอรู้สึกว่าฉินหนานเซิงดูเหมือนจะ……ค่อนข้างน่าสงสาร
เธอถอนหายใจ กุมมือของฉินโม่หานเอาไว้ หันหน้าไปมองเขา “คุณว่า ฉินหนานเซิงเขา……”
“น่าจะกังวลเกินไปจนออกมาเละไม่เป็นท่านะ”
ผู้ชายเลื่อนมือไปโอบซูสือเยว่เข้ามาในอ้อมกอก น้ำเสียงเบาบาง “หนานเซิงกับลั่วเยียนอยู่ร่วมกันมานานหลายปีนั้น ลั่วเยียนฟังเขามาตลอด ตามเขาตลอด”
“ตอนนี้ลั่วเยียนนั้นเป็นจากไปจากเขา ตัดความสัมพันธ์กับเขาโดยสิ้นเชิง เดิมทีเขานั้นทุกข์ใจเป็นอย่างมาก และยิ่งพอรู้ว่าลั่วเยียนแท้จริงแล้วคือนางฟ้าตัวน้อยที่ติดต่อกับเขาเมื่อปีนั้น หลายปีนี้เขาเข้าใจผิดลั่วเยียนมาโดยตลอด……”
“ดังนั้นถึงกระวนกระวายจนเป็นบ้าขนาดนั้น เรื่องของลั่วเยียนทั้งหมดเลยขาดสติสัมปชัญญะไป”
“ที่จริงแล้วถูกต่อยสักหน่อยก็ดีอยู่เหมือนกัน อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เขาตื่นได้สติขึ้นมาบ้าง”
ซูสือเยว่เม้มริมฝีปากแน่น ทำได้เพียงตอบอืมเสียงเบา
สักพักใหญ่ เธอก็ออกจากอ้อมกอดของเขา หยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้ออย่างเงียบกริบ“ใช่แล้วสามี ซิงหยุนฝากให้ฉันเอาสิ่งนี้มาให้คุณ”
ผู้ชายเหลือบมองสิ่งของที่หลีเยว่ส่งมาให้
เป็นถุงซิปใสเล็กๆหนึ่งใบ ด้านในถุงนั้น เป็นบัตรธนาคารหลายใบและสมุดบัญชีธนาคาร และยังมีใบรับรองกรรมสิทธิ์ห้างสรรพสินค้าสองใบ
ชื่อด้านบน ทั้งหมดเป็นของลู่จิ่งเฉิน
ฉินโม่หานเหล่มองขึ้นมา “เขาไปเอามาจากที่ไหน?”
ถ้าจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้ซูสือเยว่เคยพูดกับเขาว่า ลู่จิ่งเฉินนั้นได้ยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขาให้กับลู่จื่อเหยาไปแล้ว
ขณะนั้นฉินโม่หานเพิ่งจะตื่นขึ้นมา และลู่จื่อเหยาก็ไปที่สนามบินเรียบร้อยแล้ว ถึงเขาจะอยากระดมคนไล่ตามไปเอาสิ่งของกลับคืนมาก็คงไม่ทันการแล้ว
ฉินโม่หานและซูสือเยว่ทั้งสองคน ครั้งหนึ่งยังตัดสินใจว่าจะตรวจสอบจำนวนทรัพย์สินเมื่อก่อนของลู่จิ่งเฉิน จากนั้นจะส่งมอบของที่มีค่าเท่าเทียมกันให้กับเขา
ท้ายที่สุดช่วงเวลาขณะที่ฉินโม่หานนั้นสลบไสลไม่ได้สตินั้น ลู่จิ่งเฉินนั้นก็ได้ช่วยเหลือเอาไว้มากจริงๆ
ฉินซื่อกรุ๊ปและชวงซิงกรุ๊ป สองบริษัทยักษ์ใหญ่นี้ ถ้าหากว่าทั้งหมดรู้ข่าวเรื่องการป่วยของเฉินโม่หาน จะต้องเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
แต่ว่าการดำรงอยู่ของลู่จิ่งเฉิน ทำให้สองกลุ่มบริษัทไม่เกิดความโกลาหลแต่อย่างใด
แม้กระทั่ง ฝีมือการแสดงและความสามารถในการขยันเรียนรู้ของเขา ไม่มีคนไหนสามารถหาจุดบกพร่องเจอได้
เมื่อพูดถึงจุดนี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เฉินโม่หานชื่นชม
อย่าพูดว่าจะมอบสินทรัพย์ให้เขาที่มูลค่าเท่าเทียมกับทรัพย์สินเดิมของเขาเลย ถึงจะเพิ่มอีกเท่าตัว ก็ถือว่าคุ้มค่า
แต่ไม่ว่าจะเป็นซูสือเยว่หรือเฉินโม่หานเอง ก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ซิงหยุนที่แสนเชื่อฟังของพวกเขา คาดไม่ถึงเลยว่าจะเอาเงินที่ลู่จิ่งเฉินให้กับลู่จื่อเหยาทั้งหมดกลับมาแล้ว!
“ความจริงแล้วมันง่ายมาก!”
บริเวณรั้วชั้นบน ซิงเฉินนั้งยิ้มกริ่มอยู่ตรงนั้น มองแด๊ดดี้กับหม่ามี๊โอบกอดกัน เอ่ยปากอธิบายเบาๆ:
“พวกเราให้คุณลุงไป๋ลั่วไปที่สนามบินขวางลู่จื่อเหยาเอาไว้ บอกว่าแด๊ดดี้คุณต้องการจะพบเธอ”
“ขู่เธอไปสักหน่อย เธอนั้นเพื่อที่จะไม่ให้แด๊ดดี้ที่เป็นเหมือนปีศาจร้ายจับตัวเธอได้ ก็เลยใช้ทั้งหมดที่ได้รับมาเมื่อปีก่อนติดสินบนคุณลุงไป๋ลั่ว!”
“ดังนั้นพวกเราก็เลยได้เงินพวกนี้มาอยู่ในมือแล้ว!”
คำพูดของเจ้าตัวน้อย ทำเอาซูสือเยว่ตกตะลึง
ผ่านไปสักครู่ใหญ่ เธอจึงนวดหัวคิ้วอย่างจำใจ ที่แท้แบบนี้ก็ได้อย่างนั้นเหรอ?
เปรียบเทียบกับการตอบสนองอย่างฉับพลันของซูสือเยว่ ฉินโม่หานกลับค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองซิงเฉินที่อยู่ชั้นบน:
“ลูกบอกว่าใครกันเป็นปีศาจร้าย?”
“ก็แด๊ดดี้ไง!”
ซิงเฉินแลบลิ้นออกมาอย่างซุกซน “นี่ไม่ใช่ผมเป็นคนพูดนะ มีหลายคนเลยที่พูดแบบนี้!”
ฉินโม่หานเหล่ตามอง “ใครเคยพูด ไหนบอกรายชื่อมาให้ฉันหน่อยสิ”
ซิงเฉินเม้มริมฝีปากแน่น ชี้นิ้วไปที่ผู้หญิงตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนของผู้ชาย:
“หม่ามี๊เองก็เคยพูดว่าคุณเป็นปีศาจ!”
คิ้วของฉินโม่หานขมวดจนเป็นรอยย่นสามเส้น
เขาหันมามองซูสือเยว่ที่อยู่ในอ้อมกอด “คุณเคยพูด?”
ซูสือเยว่: “……”
พ่อลูกสองคนนี้คุยกัน ทำไมถึงเอาไฟสงครามมาเผาตัวเธอได้ละเนี่ย?
ผู้หญิงเม้มปาก สลัดตัวหลุดออกจากในอ้อมกอดของเขา “ฉัน……ฉันไม่เคยพูด!”
พูดจบ เธอก็รีบเดินจ้ำอ้าวขึ้นไปชั้นบน กลับเข้าไปในห้องนอน
ฉินโม่หานยิ้มบางๆ ยกขาเดินขึ้นชั้นบน
ผู้ชายผลักประตูห้องนอนเปิดออก ค่อยๆใช้ร่างกายกดร่างขวางบนร่างกายของซูสือเยว่:
“คุณนายฉิน คุณบอกว่าฉันเป็นปีศาจ อืม?”
“อยากจะลองหน่อยไหมว่าอะไรที่เรียกว่าปีศาจที่แท้จริง?”
ใบหน้าของซูสือเยว่แดงขึ้นมาทันที!
เธอรีบร้อนยื่นมือออกไปดันห้ามที่หน้าอกของผู้ชาย “คุณ……ร่างกายของคุณยังไม่หายดี อย่า……”
ผู้ชายยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ค่อยๆขบกัดใบหูของเธอ:
“ร่างกายของฉันยังไม่ได้สมบูรณ์เต็มร้อยจริงๆ”
“แต่ เรื่องทรมานคุณนั้น เพียงพออยู่แล้ว”
ซูสือเยว่ตกตะลึง ยังอยากที่จะพูดอะไรอีก ขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก ทั้งหมดก็ถูกจูบของผู้ชายนั้นกลืนหายเข้าไป……
……
วันที่สองตอนเช้าตรู่ ลั่วเยียนนั่งรถไฟรอบเช้าที่สุดกลับบ้านเดิมที่อยู่เขตเล็กๆ
ลงจากรถไฟ เธอก็เรียกรถตรงไปที่โรงพยาบาล พุ่งตรงไปที่เคาน์เตอร์:
“ค่ารักษาพยาบาลของหวงหรู ฉันมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลของหวงหรู!”
พนักงานที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ขมวดคิ้วมองเธอ นิ้วมือเคาะคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ “ทำไมมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลของหวงหรูอีกคนแล้ว?”
พูดจบ เธอขมวดคิ้วหันมามองลั่วเยียน:
“ช่วงเช้า มีคุณฉินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับหวงหรูแล้วสองล้านหยวน หักค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการผ่าตัดของเธอแล้ว ยังเหลืออยู่อีกแปดแสน”
“คุณแน่ใจนะว่าต้องการจะจ่ายอีกหรือเปล่า?”