“ความจริงแล้วไตของคุณฉินหนานเซิงนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร”
คุณหมอถอนหายใจ หันไปมองลั่วเยียน “เป็นเพราะว่าเขาเหมือนกับแม่ของคุณ ทั้งหมดเป็นคนไข้ของฉัน นั่นก็เพราะว่าหลังจากที่เขาเข้ามาเมื่อคืนวาน หมอคนแรกที่เขาเจอก็คือฉัน”
“ดังนั้นหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บจากการปล้นชิงทรัพย์ ก็เป็นธรรมดาที่จะคิดตามหาฉัน”
“และบาดแผลของเขานี้…… เองก็ไปถึงไตของเขาเล็กน้อย ฉันก็รับเขามาดูแลแล้ว”
พูดจบ เขาก็มองลั่วเยียนอีกครั้ง “ฉันพูดชัดเจนพอหรือเปล่า?”
ลั่วเยียนกัดริมฝีปากเอาไว้ พยักหน้าเงียบๆ
ดังนั้น เป็นความดื้อรั้นของฉินหนานเซิงเอง เพราะว่าหลังจากที่มาถึงโรงพยาบาลนี้ก็เคยพบเพียงแค่หมอคนนี้ ดังนั้นเลยให้คุณหมอ คนนี้ซึ่งปกติแล้วจะดูแลคนไข้ที่ป่วยโรคไตขั้นรุนแรง มาทำรักษาบาดแผลผิวหนังภายนอกของเขา
เมื่อคิดถึงตรงนี้ลั่วเยียนก็อดไม่ได้ที่จะฉีกมุมปากดูถูกตัวเอง
เธอควรจะคิดได้เร็วกว่านี้
ฉินหนานเซิงเป็นใครกัน?
คุณชายใหญ่ตระกูลฉิน มีทั้งเงินและอำนาจ ทรัพย์สมบัติของคนคนเดียวยังมากกว่าคนทั้งหมดในเมืองเล็กๆนี้รวมกันซะอีก
เขาอยากจะให้หมอคนไหนเป็นคนรักษา ก็สามารถให้หมอคนนั้นรักษาเขาได้
ดีที่เธอยังคงเป็นห่วงเขา
พอคิดถึงตรงนี้ ลั่วเยียนก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆหนึ่งครั้ง หัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของตัวเอง พร้อมกับยกเท้าเดินออกไปข้างนอกซื้อพวกของใช้ที่จำเป็นในการอยู่โรงพยาบาลส่งไปให้กับฉินหนานเซิง
ตอนที่ไปถึงประตูด้านนอกห้องผู้ป่วยของเขา เธอได้ยินฉินหนานเซิงที่อยู่ด้านในคุยโทรศัพท์
“วางใจเถอะ เธอคงไม่สังเกตพบหรอก ฉันทำอย่างหลบซ่อนอย่างมากแล้ว”
“ฉันรู้……หลายวันนี้คุณอย่าโทรมาหาฉัน เธอรู้ว่าฉันได้รับบาดเจ็บแล้ว น่าจะมาดูแลฉันอยู่ข้างๆ พวกคุณโทรมาบ่อยเกินไปจะทำให้เธอสงสัยเอาได้”
“ร่างกายของฉัน? แน่นอนว่าร่างกายของฉันไม่มีปัญหาเลย ฉันแข็งแรงกว่าวัวอีก……”
ลั่วเยียนถือพวกของใช้ในชีวิตประจำวันพวกนั้นมาให้ฉินหนานเซิง พอฟังคำพูดของฉินหนานเซิงที่พูดกับทางดต้นสายนั้น หัวใจตกก็ลงไปที่ก้นบึ้งทันที
ทุกคำของฉินหนานเซิง เปรียบเสมือนกับค้อนหนักๆ ที่ทุบมาที่หัวใจของเธออย่างแรง
เรื่องอาการบาดเจ็บของเขา……
ที่แท้เป็นเรื่องหลอกลวงอย่างนั้นเหรอ?
ขณะที่ในใจของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยนั้น ผู้ชายที่อยู่ในห้องผู้ป่วยก็ถอนหายใจออกมา:
“แกล้งป่วยเรื่องพวกนี้ ฉันยังมีทักษะการแสดงอยู่บ้าง”
“พวกคุณไม่ต้องกังวลไป ก็แค่เวลาไม่กี่วันเท่านั้นเอง หลังจากนี้ไม่กี่วันก็ไม่ต้องกลัวแล้ว”
ของที่อยู่ในมือของลั่วเยียน ตกลงพื้นมีเสียงดัง “ปั๊ก”
เธอปิดปากออกจากห้องผู้ป่วย รู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นตัวตลกคนหนึ่ง!
ไม่นึกเลยว่าฉินหนานเซิงแกล้งป่วยมาหลอกเธอ!
นับตั้งแต่ช่วงเวลานั้นเป็นต้นมา เธอคิดมาโดยตลอดว่าตัวเองนั้นยอมแพ้กับฉินหนานเซิงโดยสมบูรณ์ไปแล้ว
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า หลังจากที่เธอรู้ข่าวว่าฉินหนานเซิงได้รับบาดเจ็บ เธอก็ยังเป็นกังวล ยังคงเป็นห่วง
เธอโน้มน้าวจิตใจตัวเอง ให้ดูแลเขาให้ดี ถึงอย่างไรเขาก็มาถึงเมืองเล็กๆแห่งนี้เพื่อมารดา ถึงกับได้รับบาดเจ็บ
เธอพยายามหาเหตุผลให้กับตัวเอง ให้ตัวเองเชื่อ เธอไม่ใช่เพราะว่าชอบเขา ถึงเป็นห่วงเขาดูแลเขา
แต่ความเป็นจริงนั้นกลับตบหน้าเธออย่างโหดเหี้ยม
ฉินหนานเซิงนั้นแกล้งป่วย
เขานั้นใช้ประโยชน์จากความชอบเธอที่มีต่อเขา ฉกฉวยความเห็นใจของเธอ
น้ำตาไหลร่วงหล่นลงมาจากขอบตา
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ฟังประโยคนั้นของฉินหนานเซิงตอนหลัง:
“รอจนกว่าการผ่าตัดปลูกถ่ายระหว่างฉันกับแม่ของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็มีบาดแผลจริงๆแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าเธอจะสังเกตเห็น”
ลั่วเยียนร้องไห้วิ่งออกจากโรงพยาบาล
ลั่วชิงเจ๋อที่ไปเติมน้ำมาให้ฉินหนานเซิงเพิ่งกลับมาถึงประตูห้องผู้ป่วย ก็เห็น ถุงใบหนึ่งที่บรรจุของใช้ในชีวิตประจำวันใหม่เอี่ยม
สิ่งของทุกชิ้นที่อยู่ในนั้น ทั้งหมดเป็นของที่แพงที่สุด หรูที่สุดที่สามารถหาได้ในเมืองเล็กๆ
เขาเงียบไปสักพัก รู้ว่านี่จะต้องเป็นพี่สาวของเขาลั่วเยียนซื้อมาให้ฉินหนานเซิง
แต่ว่าทำไมถึงหล่นอยู่ตรงนี้?
เป็นเพราะ……พี่สาวไม่อยากให้ฉินหนานเซิงรู้ว่าเธอดีกับเขาขนาดไหนหรือเปล่า?
พอคิดตรงนี้ ลั่วชิงเจ๋อถอนหายใจ ถือถุงนั้นเข้ามาข้างใน
“พี่เขย”
เขานำถุงวางไว้บนตู้หัวเตียง “นี่เป็นของใช้ในชีวิตประจำวันที่ฉันซื้อมาให้คุณ”
ฉินหนานเซิงพยักหน้า “พี่สาวคุณล่ะ?”
ผู้ชายส่ายศีรษะ “น่าจะไปทำธุระ”
……
ด้านนอกฝนเริ่มตกลงมา
ลั่วเยียนไม่ได้ถือร่มมาด้วย เดินอยู่ท่ามกลางสายฝนคนเดียว ทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ
ร้องไห้ สำหรับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อฉินหนานเซิงมาหลายปีนี้ไม่ได้มีค่าอะไรเลย
หัวเราะ เพราะรู้สึกว่าตัวเองนั้นน่าหัวเราะสิ้นดี ถูกคนหยอกล้อเหมือนกับลิง
เธอเดินอยู่กลางสายฝนเป็นเวลานาน
รถคันหนึ่งตรงเข้ามาจอดตรงหน้าเธอ
เลื่อนกระจกลง เผยให้เห็นใบหน้าของผู้ชายที่ดูสุภาพอ่อนโยนเหมือนหยก:
“คุณลั่วเยียน ในที่สุดฉันก็เจอคุณแล้ว”
ลั่วเยียนนิ่งไปชั่วขณะ เงยหน้าขึ้นมาจากจิตใต้สำนึก
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านั้นมีใบหน้าที่งดงามและละเอียดอ่อน
แต่ว่าเธอจำไม่ได้ว่าตัวเองรู้จักเขา
“คุณคือ……”
“พวกเราเคยคุยกันทางโทรศัพท์มาก่อน ผมชื่อหรงหลิน”
ผู้ชายยิ้มเล็กน้อยมองมาที่ลั่วเยียน “ผมบังเอิญมาตรวจงานที่หมู่บ้านนี้พอดี เดิมทีตัดสินใจว่าวันนี้ช่วงเย็นจะกลับเมืองหรง ดังนั้นคิดว่าจะโทรศัพท์ไปนัดคุณเจอกันตอนเย็นที่เมืองหรง”
“แต่ว่าคุณบอกว่าคุณอยู่ที่บ้านเดิมที่ต่างจังหวัด ก็เลยยกเลิกไป”
“แต่ว่าผมเพิ่งจะได้ยินมาจากคุณลุงเวิน ว่าบ้านเดิมของคุณอยู่ที่หมู่บ้านนี้ ผมเลยไปที่โรงพยาบาลตรวจสอบ ก็เลยพบชื่อของแม่คุณ”
“บังเอิญจริงๆ”
ลั่วเยียนมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกตะลึง “จริงด้วย……นี่มันบังเอิญมาก”
หรงหลินเปิดประตูรถอย่างใจกว้าง “ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ฉันจะพาคุณไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดน่าจะดีกว่า”
ผู้ชายที่น้ำเสียงสุภาพอ่อนโยนและรูปลักษณ์ที่เข้ากันเป็นอย่างมาก
ลั่วเยียนลังเลอยู่สักพัก ทำการตัดสินใจตอนที่หรงหลินพูดถึงมารดาขึ้นมา
เธอสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆนั่งรถของหรงหลิน“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ”
ผู้ชายขณะที่ขับรถ ก็เอ่ยปากขึ้นมาเบาๆ “ออกจากโรงพยาบาลตากฝนอยู่คนเดียว เป็นเพราะอาการป่วยของคุณมีปัญหาหรือเปล่า?”ลั่วเยียนนิ่งอึ้ง จากนั้นก็ส่ายหัวอย่างเอาจริงเอาจัง “ไม่มี”
“อาการป่วยของแม่ฉัน……ได้รับการช่วยเรียบร้อยแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงทุกข์ใจจนออกมาตากฝนแบบนี้?”
ผู้ชายจับพวงมาลัยขับรถไป ยิ้มบางอย่างปลอบใจไป “อาการป่วยของแม่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ดีที่สุด เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ลั่วเยียนพยักหน้า “คุณพูดได้ถูกต้อง”
อาการป่วยของมารดา เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
มารดาได้รับการช่วยแล้ว เธอก็ควรที่จะดีใจ ทำไมจะต้องมาเสียใจแบบนี้เพราะฉินหนานเซิงด้วย?
พอคิดถึงตรงนี้ เธอก็หายใจเข้าลึกๆ ควบคุมสายตามองไปข้างหน้า “คุณหรง ขอบคุณมากค่ะ”
“ยังจะมาพูดขอบคุณกับผมอีก ที่ผ่านมานี้คุณพูดขอบคุณผมมาหลายครั้งแล้วนะ”
หรงหลินจอดรถที่ประตูทางเข้าโรงแรมแห่งหนึ่ง “ไปกันเถอะ ผมเปิดห้องเอาไว้สองห้อง คุณสามารถอาบน้ำได้อย่างสบายใจ เสื้อผ้าผมให้ผู้ช่วยของผมไปซื้อมาให้เรียบร้อยแล้ว”
จิตใจของลั่วเยียนอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากที่พูดขอบคุณเขาไปอีกหลายรอบ ก็หยิบคีย์การ์ดเข้าไปในห้อง
หรงหลินยืนอยู่ด้านนอก มองไปทางประตูห้องลั่วเยียน มุมปากปรากฏรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
นี่ก็หลายปีมาแล้ว……
ในที่สุดเขาก็หาเธอจนเจอ