น้ำอุ่นคอยสาดอยู่บนผิวกาย ได้ขับไล่ความหนาวเย็นของร่างกาย
ลึกๆแล้วในใจของลั่วเยียนกลับราวกับว่าได้ก่อตัวเป็นน้ำแข็ง
การพบเห็นของเมื่อครู่ได้ทำให้เธอหนาวเหน็บได้ทั้งตัว นึกไม่ถึงเลยว่าถึงขั้นนี้แล้ว ฉินหนานเซิงยังมาปั่นหัวเธอเล่นอีก
คือรู้สึกว่าแบบนี้มันสนุกมาก หรือว่ามีความคับแค้นใจต่อเธอ
เกลียดที่เธอเปิดโปงธาตุแท้ของลู่จื่อเหยา และทำลายผู้หญิงที่เขารักและไม่มีวันลืมเลือนในใจเขามากกว่ามั้ง
เหอะ นี่เป็นความผิดของเธอเหรอ?เธอแท้ๆที่เป็นผู้เสียหาย!
ไม่ว่ายังไง เธอก็ไม่ให้ฉินหนานเซิงได้บรรลุเป้าหมายหรอก
จะแข่งฝีมือการแสดงไม่ใช่เหรอ?ยังไงซะเธอก็เป็นถึงนักแสดงหญิงดีเด่น ถึงแม้ตอนนี้ออกจากวงการแล้ว แต่ความสามารถยังคงอยู่นะ
ฉินหนานเซิง คอยดูแล้วกันว่าสุดท้ายใครปั่นหัวใครเล่นกันแน่!
ตัดสินใจได้แล้ว ลั่วเยียนรีบอาบน้ำและเปลี่ยนชุดคลุมอาบน้ำออกมาจากห้องน้ำ
“ก๊อกๆ……”
“คุณลั่วเยียน คุณเสร็จหรือยังครับ?ผมมาส่งเสื้อผ้าให้คุณครับ”
ลั่วเยียนอึ้งไปครู่หนึ่ง ทีนี้ถึงนึกขึ้นได้ว่าคนที่อยู่ข้างนอกคือหรงหลิน
“มาแล้วค่ะ”
ลั่วเยียนเปิดประตูห้องแล้วยิ้มให้กับหรงหลิน
“วันนี้รบกวนคุณแล้วจริงๆค่ะ”
หรงหลินเห็นหน้าตาของลั่วเยียนแล้วอึ้งเล็กน้อย จากนั้นได้รีบหันสายตาไป พร้อมทั้งยื่นถุงที่ถืออยู่ในมือให้กับลั่วเยียน
ลั่วเยียนรับถุงนั้นมา และได้คุ้ยดูเสื้อผ้าที่อยู่ในถุง พบว่าแม้แต่เสื้อชั้นในก็ได้เตรียมไว้ให้แล้ว
ผู้ช่วยของหรงหลินช่างเอาใจใส่จริงๆ
กำลังอยากจะกล่าวขอบคุณ ก็เห็นหรงหลินหันหน้ามองไปที่พื้น หูแดงก่ำจนเลือดจะหยดลงมาอยู่แล้ว
“คุณลั่วเยียน คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะครับ”
“แล้วก็ ต่อไปห้ามเปิดประตูให้คนแปลกหน้าไปเรื่อยนะ มันอันตรายมาก”
อยู่วงการบันเทิงมาตั้งหลายปี ทำไมเธอยังไร้เดียงสาเหมือนตอนนั้นอยู่
ไม่ระแวดระวังเลยสักนิด ไม่กลัวตัวเองจะทำอะไรมิดีมิร้ายเธอเลยเหรอ?
ลั่วเยียนชะงักไปครู่หนึ่ง ทีนี้ถึงยิ้มออกมา
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรู้ว่าคุณหรงไม่ใช่คนร้ายอะไรหรอกค่ะ”
“อีกอย่าง คุณหรงก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไร ต่อไปเรายังต้องร่วมงานกันไม่ใช่เหรอคะ?”
ลั่วเยียนกระพริบตาอย่างเจ้าเล่ห์
หรงหลินยกมุมปากขึ้น ในใจลึกๆมีความสุขมาก
แต่ถ้าขืนเธอยังพูดคุยกับเขาแบบนี้ต่อ
หัวใจเขาอาจจะหวั่นไหวได้
ลั่วเยียนไม่รู้เลยสักนิดว่าตอนนี้เธอช่างเย้ายวนใจแค่ไหน ผมที่เปียกชื้นทิ้งตัวอยู่ที่ไหล่ คนทั้งคนเหมือนไข่ต้มที่เพิ่งปอกเปลือก แลดูใสบริสุทธิ์สุดๆ
ลูกกระเดือกของหรงหลินเคลื่อนไหว เขาได้กลืนน้ำลายเบาๆ
ลั่วเยียนจับประตูไว้:“ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน คุณ……”
“ผมรอคุณที่หน้าห้องครับ”
ลั่วเยียนยิ้ม จากนั้นได้ปิดประตูและเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ไม่นาน ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง ลั่วเยียนได้แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้เชิญเขาเข้าไปคุยในห้องด้วยกิริยาวาจาที่เหมาะสม
หรงหลินกลับไม่เข้าไป แค่ยืนคุยอยู่หน้าห้อง:“คุณคงยังไม่ได้ทานข้าวสินะครับ จะไปทานข้าวด้วยกันมั้ยครับ?”
ที่จริงลั่วเยียนไม่รู้สึกอยากอาหารเลย ใบหน้าได้มีความลังเลโผล่ขึ้นมา
หรงหลินได้แต่พูดว่า:“อันที่จริงคือผมหิวครับ ผมเพิ่งมาสำรวจงานที่นี่ ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับที่นี่เลย ไม่รู้ว่าที่ไหนมีของอร่อยบ้าง”
“เพราะฉะนั้น คุณอยากให้ฉันเป็นคนนำทาง?”
หรงหลินพยักหน้าอย่างสุภาพบุรุษ:“แต่ไม่รู้ว่าผมจะได้รับเกียรตินี้หรือเปล่าครับ”
ลั่วเยียนหัวเราะขึ้นมา “วันนี้คุณได้ช่วยเหลือฉัน ยังไงฉันก็ต้องตอบแทนน้ำใจสิคะถึงจะถูก”
“ไปกันเถอะค่ะ ฉันรู้ว่าแถวนี้มีของอร่อยอยู่ที่นึงค่ะ”
ลั่วเยียนได้เดินนำออกไปข้างนอก หรงหลินเดินตามอยู่ข้างหลัง มองดูร่างเงาที่งดงามของเธอแล้ว แววตามืดลงมาอย่างควบคุมไม่ได้
……
โรงพยาบาล
ฉินหนานเซิงเหม่อมองนอกหน้าต่าง สีหน้าค่อนข้างอ้างว้าง
ไป๋เฉิงถือกับข้าวที่ห่อมาจากร้านอาหารหรู สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก
“คนล่ะ?”
“คุณชายครับ ผมเพิ่งสอบถามมา หลังจากที่คุณลั่วจากไปกลางคันก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยครับ”