ครั้งนี้ฉินหนานเซิงขอโทษได้จริงใจมาก
แถมยังได้คิดทบทวนพฤติกรรมของตัวเองในก่อนหน้านี้ ได้เป็นฝ่ายสำนึกผิดกับซูสือเยว่
ก่อนหน้านี้เขาไม่เชื่อใจลั่วเยียนมากพอจริงๆ ครั้งนี้ได้กลับเนื้อกลับตัวแล้วจริงๆ
เขาอยากกอบกู้ชีวิตคู่นี้กลับคืนมา จีบลั่วเยียนกลับคืนมาใหม่อีกครั้ง
“เห็นแก่ครั้งนี้ที่ยังถือว่ายอมรับผิดย่างจริงใจ อาสะใภ้เล็กฝืนใจให้อภัยนายก็ได้”
ซูสือเยว่ได้รู้เรื่องที่ฉินหนานเซิงทำเพื่อคุณแม่ลั่วแล้ว
เห็นแก่ที่เขาไม่ได้เอาความรักใคร่นี้ไปขอผลตอบแทนอะไรกับลั่วเยียน ซูสือเยว่รู้สึกฉินหนานเซิงยังมีหนทางรักษาอยู่
ฉินหนานเซิงยังไม่ทันได้ดีใจ ซูสือเยว่ก็ได้พูดให้เสียกำลังใจทันที
“ขอขมากับอาสะใภ้เล็กน่ะง่าย เพราะยังไงซะเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน พูดเคลียร์กันก็โอเคแล้ว”
“แต่ลั่วเยียนได้ผิดหวังในตัวนายอย่างสิ้นเชิงแล้ว ก่อนหน้านี้นายเพิกเฉยการทุ่มเทของเธอ กับเธอเต็มไปด้วยความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน แถมยังอยากผลักเธอออกจาก พฤติกรรมต่างๆเลวสุดๆ”
ฉินหนานเซิงอ้าปาก แต่กลับไม่ได้ส่งเสียงออกมา
ที่ซูสือเยว่พูดล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น เขาไม่สามารถหักล้างได้เลย
“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ลั่วเยียนยืนกรานที่จะหย่ากับนาย”
“พอหย่ากัน ต่อไปนายกับเธอก็คือคนแปลกหน้ากันแล้ว”
“อยากให้คนที่ใจแข็งดั่งหินผาเปลี่ยนใจ มันยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก เพราะฉะนั้นนายต้องทำใจไว้ก่อนนะ”
คำพูดของซูสือเยว่ซีเรียสมาก เธอรู้จักลั่วเยียนดี เธอดูแล้วเป็นคนใจอ่อนมาก แต่ตอนที่ใจแข็งจะทิ้งใครขึ้นมา จะเด็ดขาดมากกว่าตอนไหนๆเสียอีก
น้ำเสียงของฉินหนานเซิงเศร้าหมอง เขาตอบอย่างเสียใจคำนึง:“ผมรู้ครับ”
เขาเต็มใจที่จะตามตื๊อลั่วเยียนให้ถึงที่สุดตั้งนานแล้ว สรุปนอกจากเขาแล้ว ลั่วเยียนจะอยู่กับผู้ชายชายอื่นไม่ได้!
“มีความตระหนักได้แบบนี้ดีมาก ต่อจากนี้
อาสะใภ้เล็กหวังว่านายจะสามารถปล่อยวางฐานะและอคติที่มีต่อเธอ แล้วทำความรู้จักกับลั่วเยียนใหม่”
ฉินหนานเซิงขมวดคิ้ว:“ผมเป็นคนที่รู้จักเธอดีที่สุดในโลก มีความจำเป็นนี้ด้วยเหรอครับ?”
น้ำเสียงขอซูสือเยว่มีความเยาะเย้ย:“นายแน่ใจ?”
ถ้ารู้จักลั่วเยียนดีจริงๆ ก็จะไม่ปล่อยให้เธอถูกเข้าใจผิดมาโดยตลอด จนกระทั่งลู่จื่อเหยาเผยพิรุธออกมาเอง ถึงตระหนักได้ถึงความผิด
ฉินหนานเซิงไม่มีหน้าตอบ
“สรุปก็คือมีคำแนะนำแค่คำนี้คำเดียว อยากเชื่อฟังหรือไม่ก็แล้วแต่”
“เดี๋ยวก่อน!อาสะใภ้เล็กยังไม่ได้บอกผมเลยว่าต้องทำยังไง”
“เดี๋ยวรอให้นายรู้จักเธอดีแล้วจริงๆ ไม่ต้องรอให้พวกเราบอกนาย นายก็จะรู้เองว่าควรจะทำยังไง”
ซูสือเยว่พูดอย่างจริงจัง:“ลั่วเยียนเป็นเพื่อนสนิทของฉัน ฉันสนับสนุนทุกการตัดสินใจของเธอ เพราะฉะนั้นผลสุดท้ายจะเป็นยังไงก็ต้องดูที่ลั่วเยียนเอง ฉันไม่มีสิทธิ์ให้อภัยแทนเธอได้”
ซูสือเยว่เอามือถือให้ฉินโม่หาน:“คุณมีอะไรจะเพิ่มเติมอีกมั้ยคะ?”
ฉินโม่หานคิดๆแล้วได้รับมือถือมา
“การที่ดีกับคนๆนึงจริงๆ ไม่ใช่ว่านายคิดว่าทุ่มเทก็พอแล้ว แต่ยังจะต้องคิดเผื่อเธออย่างเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย”
“มีแค่รู้ว่าต้องทุ่มเทเพื่อใครสักคนอย่างถูกต้องยังไง ถึงจะมีสิทธิ์พูดเรื่องกอบกู้คืนมา”
“ดูแลร่างกายตัวเองดีๆ พวกเรารอข่าวดีของนายนะ”
ฉินโม่หานวางสายทิ้ง พอกลับมาก็เห็นใบหน้าที่จะยิ้มแต่ไม่ยิ้มของซูสือเยว่
“สนุกมั้ย?”
“สนุกค่ะ”ซูสือเยว่ยิ้ม แล้วยื่นมือไปขยี้หน้าของฉินโม่หาน:“นานๆทีจะได้ยินคุณพูดภาษาคนสักครั้ง”
ซิงเฉินที่วาดรูปอยู่ข้างๆอดส่งเสียงหัวเราะ“พู”ออกมาอย่างห้ามใจไม่ได้
ทำไมหม่ามี๊ถึงได้พูดแบบนี้ ก็เพราะว่าปกติแด๊ดดี้มักจะไม่เป็นคนน่ะสิ!
แววตาของฉินโม่หานค่อยๆลึกขึ้น เขาได้อุ้มใครบางคนที่ไม่กลัวตายขึ้นมา และจ้องเจ้าตัวแสบทั้งหลายที่กำลังแอบหัวเราะแว๊บนึง
“นิทานก่อนนอนของคืนนี้ยกเลิก อาหารชุดแห่งความรักของสัปดาห์หน้าก็ยกเลิกเช่นกัน”
ซิงกวงได้กุมหมัดด้วยความแปลกใจทันที:“ทำไมคะ หนูไม่ได้ส่งเสียงหัวเราะออกมาสักหน่อย!”
ซิงหยุนก็ขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย:“แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย”
ซิงเฉินอึ้งไปครู่หนึ่ง ถึงคัดค้านด้วยอีกคน:“แด๊ดดี้จะอาศัยเรื่องทางการมาแก้แค้นเรื่องส่วนตัวไม่ได้นะครับ!”
“อาศัยเรื่องทางการมาแก้แค้นเรื่องส่วนตัว?”ฉินโม่หานอุ้มภรรยาตัวเองไว้อย่างมั่นคง มุมปากเผยรอยยิ้มอ่อนๆ:“เธอเป็นภรรยาของแด๊ดดี้ แด๊ดดี้
งสารเธอทำกับข้าวลำบาก ลูกๆมีปัญหาอะไรมั้ย?”
“หม่ามี๊ หม่ามี๊รีบคุมเขาหน่อย!”
เห็นว่าเถียงไม่ไหว ซิงเฉินได้ขอความช่วยเหลือจากซูสือเยว่อย่างมีไหวพริบ
ซูสือเยว่กำลังอยากจะพูด ฉินโม่หานก็ได้ป่าวประกาศอย่างเผด็จการ:“คุณนายฉินไม่มีสิทธิ์พูดคำว่าไม่”
ว่าเขาไม่เป็นคนไม่ใช่เหรอ?งั้นครั้งนี้เขาจะเผด็จการให้ถึงที่สุดเลย!
ไม่สนเด็กทั้งสามที่ท้อแท้หมดอาลัยตายอยาก ฉินโม่หานได้อุ้มซูสือเยว่กลับไปที่ห้องนอน
อุ้มเธอมาวางที่บนเตียง ซูสือเยว่หัวเราะจนสั่นไปทั้งตัว
“คุณแน คุณปัญญาอ่อนหรือเปล่า?”
โตขนาดนี้แล้ว ยังชิงรักหักสวาทกับลูกๆอีก
ฉินโม่หานปลดเน็กไทไปด้วยและยักคิ้วไปด้วย:“ผมปัญญาอ่อนหรือเปล่า เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”
เห็นเขาปลดเน็กไทเสร็จแล้วปลดกระดุมเสื้อ ค่อยๆเผยทรวงอกที่กำยำและกล้ามเนื้อที่แข็งแรงออกมา ใบหน้าของซูสือเยว่ได้แดงก่ำขึ้นมาทันที
ฉินโม่หานได้ขยับตัวมาด้านหน้า:“คุณนายฉิน คุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณยังมีข้อตกลงข้อนึงที่ยังไม่ได้ทำตามเลย?”
“ข้อตกลงอะไรคะ?”
ซูสือเยว่ยันทรวงอกของผู้ชายไว้อย่างยากลำบาก ผลักไม่ออก ขัดขืนไม่ออก กลับยังทำให้รู้สึกว่าอยากได้แต่ยังแสร้งปฏิเสธ
“คลอดลูกสาวให้ผมอีกคน……”
เสียงของผู้ชายแหบพร่า เขาได้ประคองหลังศีรษะของซูสือเยว่ไว้และผลักเธอลงบนเตียง ตามด้วยกัดริมฝีปากแดงของอีกฝ่ายไว้
ระหว่างที่นัวเนียรักใคร่อย่งสุดซึ้งอุณหภูมิได้สูงขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
ค่ำคืนยังอีกยาวนาน กิจกรรมร่วมกันของคนรักมักจะอบอุ่นและรักใคร่เสมอ
แต่ฉินหนานเซิงกับลั่วเยียนที่อยู่ไกลถึงหมู่บ้านเล็กๆ กลับพลิกไปพลิกมานอนไม่หลับ
เช้าวันรุ่งขึ้น
ประธานฉินลงมาชั้นล่างด้วยสีหน้าอิ่มเอมใจ กำลังเผชิญกับใบหน้าอันคับแค้นใจของเด็กน้อยทั้งสาม
“อรุณสวัสดิ์จ้าเด็กๆ”
ซิงกวงมองด้านหลังของฉินโม่หาน ไม่เห็นแม้แต่เงาคน
“หม่ามี๊ล่ะคะ?”
“เมื่อคืนหม่ามี๊ของลูกๆเหนื่อยเกินไป ตอนเช้าคงจะตื่นไม่ไหว แด๊ดดี้ทำอาหารเช้าให้พวกลูกเอง”
พอพูดจบ ก็ได้พับแขนเสื้อเตรียมตัวเข้าไปในห้องครัว
ซิงหยุนสีหน้าเปลี่ยน รีบโดดลงจากโต๊ะอาหารมาขัดขวาง
“ไม่ต้องแล้วครับ ปกติแด๊ดดี้งานยุ่งซะขนาดนั้น เรื่องเล็กแบบนี้ไม่ต้องรบกวนแด๊ดดี้แล้วครับ”
ซิงเฉินรีบช่วยพูดอีกแรงนึง:“พี่ชายพูดถูกครับ!”
ก่อนหน้านี้โชคดีที่เคยกินกับข้าวฝีมือแด๊ดดี้ รสชาติจะบอกว่ากินไม่ได้ก็ไม่ใช่ บอกได้แค่ว่าพอกินได้
“มีความเป็นผู้ใหญ่จังเลย……ก็ได้ งั้นแด๊ดดี้ไปทำงานก่อน เดี๋ยวหม่ามี๊พวกลูกตื่นแล้วอย่าลืมส่งข้อความบอกแด๊ดดี้ล่ะ”
ซิงหยุนถอนหายใจทีนึงแล้วพยักหน้า จากนั้นได้ล้วงแฟลชไดร์ฟออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้กับฉินโม่หาน
“นี่คือ?”
“ข้อมูลศัตรูหัวใจของพี่หนานเซิงครับ” ซิงเฉินหาวทีนึง “เป็นข้อมูลที่เมื่อคืนเขาสองคนอดหลับอดนอนตรวจสอบเจอครับ”
ฉินโม่หานยักคิ้ว เจ้าตัวแสบทั้งหลายช่างเป็นห่วงเสียจริงๆนะ
“ครั้งนี้ก็แล้วไป คราวหน้าอย่าทำเรื่องส่วนเกินขนาดนี้อีก”
“ยิ่งไปกว่านั้น นอนดึกทำให้เกิดภาวะตัวเตี้ยได้ พวกลูกคิดเผื่อตัวเองให้มากๆดีกว่า”
เผชิญกับสายตาล้อเล่นของฉินโม่หาน ซิงหยุนกลับนิ่งมาก
“แด๊ดดี้ ตามข้อมูลที่พวกผมตรวจสอบ ศัตรูหัวใจครั้งนี้ของพี่หนานเซิงไม่ธรรมดาเลย บางทีแด๊ดดี้ควรจะดูข้อมูลที่อยู่ในแฟลชไดร์ฟดูนะครับ”
ฉินโม่หานรู้จักลูกชายคนโตของตัวเองดีมาก เขาไม่ใช่คนที่พูดหรือทำอะไรเรื่อยเปื่อยโดยที่ไม่มีเป้าหมายแบบนั้น
เพราะฉะนั้น มีเปอร์เซ็นต์สูงที่คนๆนั้นจะต้องมีปัญหาแน่นอน แถมปัญหายังไม่เล็กซะด้วย
ฉินโม่หานเก็บสีหน้า:“แด๊ดดี้รู้แล้ว แต่ต่อไปเรื่องแบบนี้พวกลูกพยายามอย่ายุ่งจะดีกว่า ถ้าเป็นคนที่จัดการยากจริงๆ ไม่แน่ความเคลื่อนไหวเมื่อคืนของลูกๆอาจจะแหวกหญ้าให้งูตื่นไปแล้ว”
นาทีนี้ ห้องนอน ณ โรงแรมแห่งนึงของบางหมู่บ้านเล็กๆ
หรงหลินได้ลบประวัติการเข้าดูของคอมพิวเตอร์ออกอย่างสงบจิตสงบใจ พร้อมยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
ปลาได้ติดเบ็ดแล้วจริงๆด้วย