ลั่วเยียนเพิ่งเปิดประตูห้อง ก็ได้ยินเสียงใสๆของผู้ชายก้องมาที่ข้างหู
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณลั่วเยียน”
หันกลับมามอง หรงหลินตัวสูงสง่าผ่าเผย สวมใส่ชุดสูทลำลองทั้งตัว ดูสุภาพและสบายๆ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”ลั่วเยียนยิ้ม
“เตรียมตัวไปโรงพยาบาลเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ เมื่อวานได้เกริ่นกับคุณไว้แล้วว่าฉันจะต้องไปดูแลแม่ค่ะ”
“ผมไปกับคุณครับ”
“อื๊ม?ไม่ต้องค่ะไม่ต้อง”
“ในฐานะที่เป็นคนรุ่นหลัง ผู้ใหญ่ไม่สบายก็ควรจะไปเยี่ยมอยู่แล้ว นี่เป็นมารยาทครับ”
หรงหลินยิ้มอย่างอ่อนโยน:“อีกอย่าง เราเป็นเพื่อนกันแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
เมื่อวานตอนที่ทานข้าว ทั้งสองได้พูดคุยกันถึงเรื่องจัดห้องแนะแนว
หรงหลินเป็นคนEQสูงมาก พวกเขาคุยกันถูกคอกมาก ลั่วเยียนคอนเฟิร์มแล้วว่าจะร่วมงานกับหรงหลิน ทั้งสองได้เลื่อนขั้นจากเพื่อนร่วมงานกันมาเป็นเพื่อนได้อย่างราบรื่น
พูดถึงขั้นนี้แล้ว ลั่วเยียนไม่รู้จะปฏิเสธยังไง
“งั้นก็ไปด้วยกันเลยค่ะ”
“โอเคครับ”
เช็คเอ้าท์ที่หน้าเคาท์เตอร์เสร็จ หรงหลินได้ขับรถพาลั่วเยียนไปยังโรงพยาบาล
ลั่วเยียนนั่งเหม่อลอยอยู่ในรถ อารมณ์ห่อเหี่ยวตลอดทาง
“กำลังกังวลเรื่องผ่าตัดของคุณน้าอยู่เหรอครับ?”หรงหลินเห็นเธอเหม่อลอย
“คะ……ใช่ค่ะ กังวลนิดหน่อยค่ะ”
ลั่วเยียนดึงสติกลับมาและหงุดหงิดมาก
เวลานี้ควรจะเป็นห่วงแม่สิถึงจะถูก ทำไมเธอถึงยังคิดถึงฉินหนานเซิงไอ้คนหลอกลวงคนนั้นอยู่นะ?
ว่าไปแล้ว เมื่อวานเธอไม่ได้กลับโรงพยาบาล หลังจากฉินหนานเซิงรู้แล้วคงจะผิดหวังมากเลยสินะ
เพราะเป็นละครฉากสนุกแต่กลับไม่มีคนอวยเขา
“ไม่ต้องกลัวครับ คุณหมอบอกว่าหาไตที่เหมาะสมได้แล้วไม่ใช่เหรอครับ?ต้องเชื่อคุณหมอและคุณน้าสิครับว่าการผ่าตัดจะต้องสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีแน่นอนครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ คุณหรง”
“ยังเรียกผมคุณหรงอีก?”
“หรงหลิน งั้นคุณเองก็อย่าเรียกฉันคุณลั่วเยียนเลยค่ะ เรียกชื่อฉันโดยตรงดีกว่าค่ะ”
“โอเคครับ ลั่วเยียน”
หรงหลินถอยรถเข้าไปในซองด้วยรอยยิ้ม
“ถึงแล้วครับ เราไปกันเถอะครับ”
ทั้งสองลงจากรถ หรงหลินหิ้วของมากมายที่ใช้สำหรับเยี่ยมผู้ป่วยออกมาจากท้ายรถ
ไม่ได้แพงมากเป็นพิเศษ แต่ล้วนเป็นของที่จำเป็นมาก
ที่มอบให้คือน้ำใจ
คุณหรงที่ท่านเวินแนะนำมาคนนี้ช่างเหมาะสมไปซะทุกที่จริงๆ ในขณะที่ทำให้คนหาข้อบกพร่องอะไรไม่เจอ ยังทำให้คนรู้สึกได้รับความสำคัญและให้เกียรติ
ลั่วเยียนไม่เคยพูดความในใจกับใครง่ายๆมาก่อน ตอนที่ระบายให้หรงหลินฟังกลับพูดออกมาโดยธรรมชาติมาก
“คุณช่างเอาใจใส่เกินไปแล้วมั้งคะ?แต่ คุณเอาของมาเยอะขนาดนี้ จะทำให้ฉันโดนด่าได้ค่ะ”
“ทำไมต้องด่าคุณด้วยครับ?”
“คุณเอาของมาเยอะเกินไป พ่อแม่จะรู้สึกว่าฉันเสียมารยาทเกินไปได้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณลุงคุณป้าด่าคุณ คุณก็บอกไปเลยว่าของพวกนี้คุณเป็นคนซื้อเอง ผมแค่มีหน้าที่ช่วยคุณหิ้วเท่านั้น”
“พวกท่านไม่เชื่อหรอกค่ะว่าฉันจะละเอียดรอบคอบขนาดนี้”
ทั้งสองพูดคุยกันและหัวเราะไป หัวใจที่หนักหน่วงของลั่วเยียนผ่อนคลายลงไม่น้อยเลย
พอเดินมาถึงหน้าห้องผู้ป่วย ได้ยินข้างในมีคนพูดคุยกัน มือที่ลั่วเยียนจะผลักประตูได้ชะงักไว้
“ช่วงนี้สภาพจิตใจของเยียนเยียนไม่ค่อยดี พวกเธอให้เธอพักอยู่ข้างนอกตามลำพังได้ยังไง ถ้าเกิดเจอแอนตี้แฟนที่บ้าคลั่งหรือคนร้ายจะทำยังไง?”
“พี่เขย ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เมื่อคืนพี่สาวได้โทรหาฉัน บอกว่าเธอมีเพื่อนคนนึงมาสำรวจงานที่นี่ และจะคุยเรื่องงานกับเธอ ทั้งสองถึงได้พักไปพักข้างนอกค่ะ”
“นอกจากสือเยว่กับพวกเรา เธอยังมีเพื่อนที่ไหนกัน ยังคุยเรื่องงานอีก พวกเธอไม่รู้หรือไงว่างานของเธอจบเห่ไปหมดแล้ว ไม่รู้มีคนตั้งมากมายเท่าไหร่รอหัวเราะเยาะเธอ มีสักกี่คนที่อยากจะเอื้อมมือมาช่วยเธอจริงๆ”
“แต่พี่สาวบอกว่า คุณหรงคนนั้นเป็นคนที่สุภาพบุรุษมาก ไม่ทำอะไรเธอหรอก……”
“สุภาพบุรุษบ้าบออะไร เธอรู้มั้ยว่าเขาเป็นคนยังไง?เขาเป็นคน……”
“พอได้แล้ว!”
ลั่วเยียนผลักประตูออกกะทันหัน และจ้องไปที่ฉินหนานเซิงด้วยตาแดงก่ำ
“อยู่ในสายตาคุณ ฉันเป็นเศษสวะที่ไม่มีเพื่อนและล้มเหลวมากเลยใช่มั้ย?”
“ลั่วเยียน……”
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คุณเข้าใจผิดแล้ว”
“คุณหมายความว่าอย่างนี้แหละ!”
มองฉินหนานเซิงที่สีหน้าซีดเซียวและนั่งอยู่บนรถเข็น มุมปากของลั่วเยียนเผยรอยยิ้มที่เยาะเย้ยออกมา
“ใช่ ฉันมันไม่ได้เรื่อง หลายปีมานี้ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การปกป้องของคุณมาโดยตลอด คุณบอกฉันไร้เดียงสาไร้และไม่เอาไหน ฉันยอมรับ”
“แต่คุณมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันไม่มีเพื่อน?”
“หรือฉันไปจากคุณกับลู่จื่อเหยาแล้ว แม้แต่ความสามารถในการคบเพื่อนก็สูญเสียไปแล้วงั้นเหรอ?”
เห็นเธอยิ่งพูดยิ่งเลยเถิด ฉินหนานเซิงได้รีบขอโทษ:“ขอโทษ ลั่วเยียน ผมแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณเกินไป ถึงพูดคำพูดที่ไม่ยั้งคิดพวกนั้น ผมไม่ได้……”
“คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก!”
ลั่วเยียนเปิดปากพูดอย่างเย็นชา:“เราได้หย่าร้างกันไปแล้ว ต่อไปก็คือคนแปลกหน้ากัน!”
“คุณไม่มีสิทธิ์ยุ่งเรื่องของฉัน ยิ่งไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องเพื่อนของฉัน”
“คุณฉิน รบกวนคุณดูสถานะของตัวเองให้ชัดเจนด้วย”
พอลั่วเยียนพูดจบ ในห้องผู้ป่วยได้เงียบสงัด
ฉินหนานเซิงถูกคำพูดเหล่านี้สะกิดจนตาแดงก่ำ เขาได้จ้องลั่วเยียนไว้อย่างนี้
ราวกับว่าสายตาของผู้ชายแฝงด้วยอุณหภูมิ ร้อนจนสามารถลวกคน
ลั่วเยียนถึงขั้นสงสัยว่าวินาทีต่อมาฉินหนานเซิงจะปรี๊ดแตกบีบคอตัวเองตาย
แต่แล้วเธอรออยู่ตั้งนาน ฉินหนานเซิงก็ไม่ได้ทำแบบนั้น
เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของลั่วเยียน แล้วเคลื่อนย้ายสายตาไปมองผู้ชายที่อยู่ด้านหลังของลั่วเยียน
หรงหลินมีหน้าตาที่สุภาพเรียบร้อย บนใบหน้าที่มีวิชาความรู้ลุ่มลึกและบุคลิกที่สง่าประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนๆที่มีมารยาท บุคลิกแตกต่างกับฉินหนานเซิงโดยสิ้นเชิง
เขาเนี่ยแหละที่เมื่อคืนลักพาตัวลั่วเยียนไป ยังข่มขู่บอกว่าจะร่วมงานกับลั่วเยียน
แค่ดูก็รู้แล้วว่าเจ้าเล่ห์ปลิ้นปล้อน แต่เสียดายที่ลั่วเยียนถูกรูปลักษณ์ภายนอกของเขาหลอก มองจิตใจของคนๆนี้ไม่ชัด
“คุณก็คือหรงหลินสินะ?”น้ำเสียงของฉินหนานเซิงเย่อหยิ่ง “เวินซือหยวนเป็นคนแนะนำคุณมา?”
หรงหลินก้าวหน้าข้างหน้าก้าวนึง และพูดด้วยรอยยิ้ม:“ผมหรงหลินครับ ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของคุณฉินมานานแล้วครับ”
ฉินหนานเซิงอุทานด้วยเสียงเย็นชา:“อย่ามาตีสนิทกับผมหน่อยเลย”
ลั่วเยียน:“แค่พูดคุยกันด้วยมารยาทปกติ ใครตีสนิทกับคุณไม่ทราบ?”
ฉินหนานเซิง:“……”
“ไม่เป็นไรครับลั่วเยียน ยังไงคุณฉินก็ถูกเลี้ยงแบบตามใจมาตั้งแต่เด็ก มีพ่อแม่ที่โอ๋ลูกขนาดนั้น ท่าทีคุณฉินเย่อหยิ่งก็เป็นเรื่องปกติครับ”
หรงหลินช่างเก่งจริงๆ พูดคำพูดเหล่านี้จบ คนตระกูลลั่วต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไปตามๆกัน
พวกเขาต่างก็นึกย้อนถึงนิสัยของพ่อแม่ฉินหนานเซิง
ฉินเจี้ยนอานก็แล้วไป แต่เฉิงลู่เนี่ยสิช่างน่าขยะแขยงจริงๆ
ตอนแรกคือรังเกียจว่าชาติกำเนิดของลั่วเยียนไม่ดี และดูถูกฐานะนักแสดงของลั่วเยียน ต่อมาถึงขั้นปากเสียว่าลั่วเยียนนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราตลอดชีพ
แม้แต่ตอนที่ฉินหนานเซิงยืนกรานจะแต่งงานกับลั่วเยียน ยังเป็นฉินโม่หานที่เป็นฝ่ายให้ฉินซื่อกรุ๊ปออกหุ้น10% เฉิงลู่เห็นว่ามีเงินให้เอา ถึงรับปากให้พวกเขาแต่งงานกัน
ความละโมภโลภมากแสดงออกมาทางสีหน้า ความอาบอายที่ตระกูลลลั่วได้รับไม่ใช่น้อยๆ
เดิมทีสองสามีภรรยาตระกูลลั่วยังคิดอยู่ว่าอยากจะให้ลูกสาวกับลูกเขยคืนดีกันเร็ววัน ตอนนี้กลับรู้สึกว่าหย่าร้างกันก็ใช่ว่าจะแย่
บางทีไปจากฉินหนานเซิง ลั่วเยียนอาจจะสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ก็ไม่แน่
คนเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่หวังให้ลูกมีอนาคตไกลแค่ไหน แค่หวังให้พวกเธอสงบสุขและสมความปรารถนา
ลั่วเยียนนึกย้อนถึงสถานการณ์ตอนนั้นของตัวเอง ในคำพูดเต็มไปด้วยการเหน็บแนม
“หรงหลินพูดถูกค่ะ คุณฉินฐานะสูงส่ง เกรงว่าโรงพยาบาลเล็กๆนี้คงไม่มีที่สำหรับคนใหญ่โตอย่างคุณ ฉันว่าคุณย้ายโรงพยาบาลกลับไปรักษาโรคเจ้าชายของคุณที่ในเมืองโดยเร็วจะดีกว่าค่ะ!”