“ได้ยินมาว่าอีกสองวันมีคนจะเข้ารับการผ่าตัด ฉันก็เลยมาดูหน่อย”
“มากันแค่อาสะใภ้เล็กแล้วก็เด็กๆเหรอครับ อาเล็กผมล่ะ?”
“แด๊ดดี้ยุ่งอยู่ค่ะ”
ซิงกวงกัดอมยิ้มไว้ และพูดอย่างคลุมเครือ
“นายอยู่ที่นี่ตลอดไม่ยอมกลับไป ก็ต้องลำบากสามีฉันช่วยนายบริหารบริษัทน่ะสิ”
ซูสือเยว่หันมากลอกตาขาวใส่ฉินหนานเซิงทีนึง น้ำเสียงแฝงด้วยความรังเกียจ
“ต้องขอโทษด้วยครับ ผมจะจัดการเรื่องของทางให้เสร็จโดยเร็วครับ”
ในขณะที่ฉินหนานเซิงละอายใจก็รู้สึกโล่งใจ
มีอาเล็กของเขาคอยช่วยเหลืออยู่ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของบริษัทแล้ว
“พวกเราอ่ะไม่เป็นไรหรอก แต่พ่อแม่นายน่ะสิ……”
ซูสือเยว่ลังเลไปครู่หนึ่ง ก็ได้กลืนคำพูดกลับไปอีก
ฉินหนานเซิงเงยหน้าขึ้น:“พวกท่านไปโวยวายใส่อาเล็กอีกแล้วเหรอครับ?”
ตั้งแต่รู้ว่าฉินโม่หานมีใจอยากจะถอนตัวออกจากฉินซื่อกรุ๊ป พ่อแม่ของฉินหนานเซิงก็หน้าชื่นตาบานเชียว
น้องสองเสียไปแล้ว น้องสามยังเป็นฝ่ายถอนตัวเอง งั้นต่อไปฉินซื่อกรุ๊ปก็เป็นของบ้านใหญ่แล้วน่ะสิ?
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่เมืองหรง พ่อแม่เขามักจะเร่งรัดให้เขาเอาสิทธิการบริหารบริษัทกลับคืนมา ยังวิ่งไปคุยโวโอ้อวดที่บริษัทอยู่เป็นประจำ ทำให้ฉินหนานเซิงรู้สึกทั้งขายหน้าและตกที่นั่งลำบาก
ตอนนี้เห็นเขาไม่กลับไปนานขนาดนี้ ใจคงจะร้อนเป็นไฟอีกแล้ว ไม่คิดเลยว่ายังจะวิ่งไปหาเรื่องอาเล็กที่บริษัทอีก
หน้าของฉินหนานเซิงดำเหมือนก้นหม้อ
“เรื่องเล็ก อาเล็กของนายน่าจะรับมือไหวอยู่”
ยังไงซะสามีของเธอก็คือท่านชายฉิน ตอนนี้ฉินซื่อกรุ๊ปยังต้องอาศัยเขาบริหารอีกแรงนึงพวกพี่ใหญ่ก็ไม่กล้ามีเรื่องด้วยจริงหรอก
แค่ชอบทำอะไรที่คาดคิดไม่ถึง ทำให้คนรำคาญสุดๆเฉยๆ
เพราะฉะนั้นเธอถึงได้วิ่งมาดูว่ามีอะไรที่จะสามารถช่วยเหลือได้มั้ย จะได้ให้ฉินหนานเซิงกลับไปที่เมืองหรงโดยเร็ว
สีหน้าของฉินหนานเซิงได้ดูดีขึ้นมาบ้าง เพราะอาเล็กของเขาไม่เคยทำให้ตัวเองเสียเปรียบอยู่แล้ว
“เราไม่เอากิจการครอบครัวของตระกูลฉิน และไม่พักอาศัยอยู่กับพ่อแม่นาย เพราะฉะนั้นถึงพวกเขาจะยังไงก็ไม่กระทบกับพวกเรา แต่ลั่วเยียนไม่เหมือนกัน ถ้านายอยากคืนดีกับเธอ ก็ต้องขจัดอคติที่พ่อแม่นายมีต่อเธอก่อน”
ฉินหนานเซิงขมวดคิ้วเงียบอยู่พักใหญ่ ถึงพยักหน้าด้วยความตึงเครียด
“ผมเข้าใจความหมายของอาสะใภ้เล็กครับ”
“ผมจะไปคุยกับพ่อแม่ผม จะไม่ให้ลั่วเยียนต้องกล้ำกลืนฝืนทนอีกครับ”
ซูสือเยว่เห็นบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เปิดซุปไก่ที่เอามาด้วยรอยยิ้ม แล้วตักให้ฉินหนานเซิงถ้วยนึง
“ได้ยินมาว่าสองวันนี้นายไม่ค่อยทานอะไรเลย รีบชิมซุปไก่นี่เร็ว อาสะใภ้เล็กเป็นคนทำเองกับมือเลย”
“ขอบคุณครับ อาสะใภ้เล็ก ยังลำบากอาสะใภ้ทำอันนี้ให้ผมโดยเฉพาะอีก”
“พี่หนานเซิง พี่คิดอะไรน่ะ”ซิงเฉินแบะปาก “ไม่ได้ทำเพื่อพี่โดยเฉพาะสักหน่อย”
“นี่เป็นของที่หม่ามี๊ทำเพื่อแด๊ดดี้โดยเฉพาะต่างหาก”
“หม่ามี๊บอกช่วงนี้แด๊ดดี้เลิกงานดึกอยู่เรื่อยเลย ลำบากมาก ถึงได้ทำให้แด๊ดดี้ดื่มโดยเฉพาะ”
ซิงกวงก็ซ้ำเติมด้วยรอยยิ้ม
“ของพี่หนานเซิง แค่แวะเอามาให้เฉยๆค่ะ”
ฉินหนานเซิง:“……”
เขารู้อยู่แล้วเชียวว่าเขาคู่ควรดื่มแค่ซุปไก่ที่เหลือจากอาเล็กของเขา
ซิงหยุนเห็นเขาเหมือนจะเสียใจนิดหน่อย จึงได้เดินไปลูบหลังมือเขา
ฉินหนานเซิงยังคิดว่าซิงหยุนจะปลอบตัวเอง จึงได้มองไปที่เขาด้วยความปรารถนาที่เต็มเปี่ยม
“ไม่ต้องเสียใจไปนะครับ”
“อยากดื่มน้ำซุป ต่อไปมาดื่มที่บ้านผมก็ได้ครับ”
“เพราะยังไงซะถึงพี่จีบพี่สะใภ้กลับมา พี่สะใภ้ก็ทำไม่เป็นหรอก”
ฉินหนานเซิงกัดฟัน:“พี่ต้องขอบใจคำปลอบโยนของนายจริงๆ”
สีหน้าของซิงหยุนภาคภูมิใจอย่างไร้สาเหตุ:“ไม่ต้องเกรงใจครับ”
ฉินหนานเซิง:“……”
ซูสือเยว่ถูกพวกเขาหยอกจนหัวเราะ เธอได้ขยี้ศีรษะน้อยๆของซิงหยุน
“ไม่ต้องสนใจพวกเขา รีบดื่มเถอะ”
ฉินหนานเซิงได้ขอบคุณซูสือเยว่ จากนั้นได้ใช้ช้อนตักขึ้นมาดื่มคำนึง ทันใดนั้นตาได้เปล่งประกายขึ้นมาทันที
“อร่อย!อาสะใภ้เล็ก ซุปไก่นี้ยังมีอีกมั้ยครับ?”
“แน่นอน อยากดื่มก็ตักเอง”
“ผมอยาก……”
“ส่งไปให้ข้างล่าง?”
ฉินหนานเซิงพยักหน้าอย่างเก้อเขิน
ซูสือเยว่เอากระติกเก็บความร้อนอีกกระติกนึงมาจากมือของบอดี้การ์ดแล้วตบเบาๆ
“ได้เตรียมไว้อยู่ เดี๋ยวอาก็จะลงไปเยี่ยมลั่วเยียนกับคุณป้าเลย”
“อาไปหาลั่วเยียน ห้ามบอกเรื่องปลูกถ่ายไตกับเธอเด็ดขาดนะครับ ผมกลัวว่าเธอจะเป็นห่วงอ่ะครับ”
ซูสือเยว่กลั้นขำไว้ไม่อยู่:“เป็นห่วง?กลัวนายจะหนีกลางดึกมากกว่ามั้ง?”
ฉินหนานเซิงสีหน้าแข็งทื่อ “อาสะใภ้เล็ก”
“อาสะใภ้เล็กเตือนให้นายแยกแยะความจริง”
ฉินหนานเซิงยังปากแข็งอีก:“อาสะใภ้ไม่เห็น เมื่อวานหลังจากที่เธอรู้ว่าผมได้รับบาดเจ็บ ตอนที่วิ่งมาหาผมเป็นห่วงและกังวลมากแค่ไหน!”
“จากนั้นล่ะ?วันนี้เธอได้ถามอาการบาดเจ็บของนายมั้ย?”
ฉินหนานเซิง:“……”
วันนี้ลั่วเยียนไม่ได้ถามอาการของเขาจริงๆ ทั้งๆที่เมื่อวานดูแล้วยังเป็นห่วงกังวลมากอยู่เลย
ต้องเพราะเรื่องของตอนเช้าแน่นอน เธอถึงได้โมโหจนลืมไปเลย
หรือว่าหรงหลินคนนั้นกำลังเล่นตุกติกอยู่!
สรุปก็คือยืนกรานที่จะไม่ยอมรับว่าในใจของลั่วเยียนไม่มีเขา
เห็นสีหน้าย่ำแย่ของเขา ซูสือเยว่ก็เข้าใจแล้ว
“เธอไม่เพียงไม่เป็นห่วงนาย เมื่อคืนยังออกไปเปิดห้องกับคนอื่น?”
“แค่พักอยู่โรงแรมเดียวกันเฉยๆ อย่าพูดจาน่าเกลียดแบบนี้”ฉินหนานเซิงวางถ้วยลง สีหน้าดูแย่มาก
“อาสะใภ้เล็กพูดจาน่าเกลียด?”
“งั้นนายคงยังไม่เห็นที่พูดจาน่าเกลียดกว่านี้!”
ซูสือเยว่หน้าห้อยลงมา อารมณ์เปลี่ยนไปทันที
“รูปถ่ายก็ถูกคนแอบถ่ายและปล่อยลงบนโซเชียลแล้ว แต่นายกลับซุกอยู่ที่โรงพยาบาลไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง!”
ฉินหนานเซิงตื่นเต้นขึ้นมาทันที:“รูปถ่ายอะไรครับ?ปล่อยไปที่ไหน คอมเม้นท์ตอนนี้เป็นไงบ้าง?”
พูดจบก็ได้หันไปจ้องไป๋เฉิง ทาเขาทำไมไม่เตือนตัวเองให้เร็วกว่านี้
ไป๋เฉิงตื่นเต้นและได้รีบอธิบาย:“คนของเราได้เฝ้าจับตาดูไว้ตลอดครับ แต่ไม่เห็นข่าวที่ไม่เป็นผลดีกับคุณนายจริงๆครับ”
ซูสือเยว่มองซิงหยุนทีนึง
ซิงหยุนพยักหน้าแล้วล้วงแท็บเล็ตของตัวเองออกมา หาของที่ถูกเขาสกัดกั้นเจอแล้วยื่นให้ฉินหนานเซิงดู
“พี่หนานเซิง อันนี้คือคอมเม้นท์ที่สกัดกั้นได้ในตอนเช้าครับ”
“ยังมีที่พูดจาน่าเกลียดกว่านี้อีก ล้วนถูกพวกเราลบทิ้งไปแล้วครับ”
ฉินหนานเซิงเอามาดู เป็นรูปถ่ายที่ที่เมื่อคืนลั่วเยียนกับหรงหลินเข้าออกโรงแรมและนั่งดินเนอร์ที่ร้านอาหารคู่รักจริงๆ
ส่วนใต้รูปเหล่านี้ ต่างก็ถูกตั้งหัวข้อที่น่าขยะแขยงมาก
“หลังออกจากวงการตกอับถึงขั้นนี้!ยั่วชายแก่ไม่สำเร็จแล้วหาที่พึ่งใหม่ กำลังพูดกันว่าลั่วเยียนมีเสี่ยเลี้ยงกี่คนกันแน่!”
“ถูกไล่ตะเพิดออกจากตระกูลไฮโซ แล้วถูกแบนจากในวงการ นักแสดงหญิงดีเด่นตกอับได้แต่พึ่งพาขายตัวประทังชีวิต!”
สามารถนึกได้ ถ้ารูปถ่ายละคอลัมน์เหล่านี้ถูกโพสต์ลงโซเชียล ลั่วเยียนจะต้องถูกด่ามากขนาดไหน
“พูดจาเหลวไหล!”
ฉินหนานเซิงโมโหจนทุบรถเข็นทีนึง ไม่นึกเลยว่าราวจับโลหะที่ว่ากันว่าแข็งแรงทนทานที่สุดในโลกจะถูกเขาทุบจนบุ๋มลงไป
“พี่หนานเซิง พี่นี่ไม่ไหวเลย”
“แม้แต่ผู้หญิงของตัวเองก็ปกป้องไม่ได้ ไม่แปลกเลยที่พี่สะใภ้จะหย่ากับพี่”
ซิงเฉินยังหัวเราะเยาะเขาอยู่ข้างๆ “ถ้าเป็นแด๊ดดี้ เขาจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด”
ฉินหนานเซิงสำลัก จากนั้นยื่นแท็บเล็ตให้ไป๋เฉิง ด้วยท่าทีเงียบขรึมและน่ากลัว
“ไปตรวจสอบ!”
“ไปตรวจสอบให้ชัดเจน!”
“ใครมุ่งเป้ามาที่ลั่วเยียนกันแน่!”
“เดี๋ยวหาตัวเจอ ฉันจะให้มันได้เห็นดีแน่ !”
ลั่วเยียนประกาศไปตั้งนานแล้วว่าออกจากวงการ ตอนนี้เธอที่ชื่อเสียงป่นปี้ก็ไม่มีอะไรให้น่าทำข่าวเลย
แต่แล้วกลับมีคนตามมาที่หมู่บ้านเล็กๆจากทางไกล แถมยังเล่นตามถ่ายโดยเฉพาะ เสร็จแล้วยังเชื่อมโยงการตลาดแอนตี้ลั่วเยียน ถ้าจะบอกว่าไม่มีคนบงการอยู่เบื้องหลัง ฉินหนานเซิงยังไงก็ไม่เชื่อเด็ดขาด
ลู่จื่อเหยาหนีไปแล้ว ลั่วเยียนยังมีศัตรูคนไหนกันแน่ที่เกลียดเธอมากขนาดนี้ อยากเอาเธอให้ถึงตาย